“ผมว่าสัญชาตญาณตำรวจ… ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาบริสุทธิ์จริงไหม” เปิดใจตำรวจใจเด็ด ที่หาได้ยากในสังคมไทยในปัจจุบัน ไม่กลัวตาย กระโดดเกาะหน้ารถกว่า 2 กม. เพื่อหยุดคนชนรถแล้วไม่จอดดู ซ้ำพยายามหลบหนี ล่าสุดตำรวจเร่งล่าตัว ชี้ หากไม่ผิดจริงรีบแสดงตัวตน
กระโดดเกาะหน้ารถ เพราะสัญชาตญาณตำรวจ!!
“ผมไม่มีทางเลือกแล้ว ขวาง (รถ) ไม่ได้ เพราะรถมันวิ่งสวนทางไปๆ มาๆ อยู่ในจังหวะไฟเขียว ผมว่าสัญชาตญาณตำรวจ คือ ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาบริสุทธิ์จริงไหม พยายามตรงนั้นมากกว่า อยากรู้ว่าคุณบริสุทธิ์ใจจริงไหมที่คุณกระทำแบบนั้น”
ด.ต.มนตรี นิติชัย หรือ “แต้ว” วัย 47 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เปิดใจกับ ทีมข่าว MGR Live หลังจากโลกโซเชียลฯ ส่งต่อเรื่องราวสุดระทึกของตำรวจจราจร ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเขาได้กระโดดเกาะฝากระโปรงรถเก๋งที่พยายามหลบหนี โดยทำไปเพราะสัญชาตญาณของตำรวจ มองคนขับรถทำตัวมีพิรุธ น่าสงสัย จึงไม่ยอมลงจากรถ
แน่นอนว่า กลายเป็นคลิปที่ถูกแชร์ต่อ และให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้เพียง 8 วินาที เผยให้เห็นภาพขณะที่ตำรวจคนดังกล่าวเกาะติดอยู่ที่กระโปรงหน้ารถ แล้วมีรถเก๋งยี่ห้อหนึ่ง สีเหลือง ป้ายแดง ได้ขับพาร่างของตำรวจไปไกลเกือบ 2 กม. ด้วยความเร็ว ก่อนจะทิ้งร่างตำรวจแล้วขับหลบหนี
“ผมได้ตั้งด่านจุดสกัดหน้าเทศบาลหน้าศาลา 9 โมง-11 โมง เลิกงานก็ออกตรวจธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ก็ได้ติดไฟแดงอยู่ที่เกิดเหตุ รอสักพักก็มีรถเก๋งคันดังกล่าวได้ชนท้ายผม
ผมก็เลยลงไปดูว่าอะไรเสียหายบ้าง ตรงไหนบ้าง ก็เดินไปรถเขา แต่เขาถอยและเบี่ยงอย่างเดียว เขาไม่ลงมา เขาขึ้นกระจกรถปิด ตอนนั้นก็รู้ว่าเขาจะหนีแล้ว
ผมอยู่หน้ารถเขาให้เขาจอดรถ ตอนนั้นรู้แล้วว่าเขาน่าจะไม่จอดแน่ เพราะตอนนั้นเขาสตาร์ทเครื่อง ใส่เกียร์ (ขับ) ออกมาเลย ผมก็เลยจำเป็นต้องกระโดดขึ้นฝากระโปรง แล้วเขาก็ชนผม”
ทว่า สังคมกลับสงสัยถึงพฤติกรรมของคนขับรถเก๋ง ว่าได้กระทำความผิดอะไรหรือไม่ จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ดาบตำรวจรายนี้ให้คำตอบไว้ว่า เขาติดไฟแดงแล้วรถเก๋งได้ชนท้าย จึงลงไปเจรจากับคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวเท่านั้น แต่ปรากฏว่า รถเก๋งไม่ยอมจอด แต่กลับพุ่งชน เขาจึงกระโดดเกาะฝากระโปรงรถ เพื่อให้จอดแต่ไม่เป็นผล
อีกทั้งไม่น่าขับรถหลบหนี เพราะผิดวิสัยของบุคคลธรรมดาแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ทำงานไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ก็สามารถพูดคุยกันได้ทั้งหมด
“เขามีพิรุธของเขาเอง เขาทำพิรุธของเขาเอง แค่ขับรถมาชนผมเล็กๆ น้อยๆ มันไม่ได้เสียหายอะไรเยอะ เขาจะต้องลงมาคุย ลงมาดู ตามสัญชาตญาณ แบบนี้เขาหนีอย่างเดียว หนีแบบ 100% ความผิด 10 แต่หนี 100% มันน่าจะมีอะไรที่ผิดสังเกตมากกว่านั้น ผมว่าเขาก็คงชนผมแหละจังหวะนั้น ก็เลยกระโดดเอาตัวรอดไว้ก่อน”
ไม่ได้คิดถึงชีวิต …ต้องจับให้ได้
ด้วยสัญชาตญาณตำรวจ และการตั้งคำถามในใจของเขา เชื่อว่า ต้องมีสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในรถ ส่งให้เขาได้กระโดดขึ้นไปเกาะบริเวณกระโปรงรถ หวังให้คันขับจอด ซึ่งระหว่างที่เขาเกาะอยู่กระโปรงรถคันนั้น เขาไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย คิดแค่ว่าจะทำอย่างไรให้หลุดมาได้อย่างปลอดภัย
“ผมไม่กลัว ผมรอรถนิดนึงแล้วจังหวะพอดีเขาชะลอนิดนึงก่อน ก็เลยกระโดดลงได้ ตอนนั้นความเร็วไม่เยอะเท่าไหร่ในช่วงที่เขาชะลอรถ ส่วนความเร็วผมก็ประมาณไม่ถูก แต่รู้ว่ามันเร็วมาก เพราะว่าหมวกผมที่สวมอยู่ มันจะหลุด ขณะใส่รัดคางอยู่
ผมไม่ได้คิดถึงชีวิตของตัวเอง ตอนนั้นต้องจับให้ได้ จังหวะนั้นให้รถออกไปก่อน แต่พอออกไปแล้วก็อันตรายแล้ว ความเร็วมันเร็วมาก ผมไม่เคยเจอ (เหตุการณ์แบบนี้) เคยเกิดกับบุคคลอื่น แต่ครั้งนี้มาเจอกับตัวเองก็รู้สึกเสี่ยงเหมือนกัน”
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อถามถึงเรื่องคดีความ จะเป็นไปในทิศทางไหน เขาให้คำตอบไว้ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ ติดตามตัวคนขับมาดำเนินคดี
“ตอนนี้ทางผู้กำกับก็ให้ลูกน้องดำเนินการอยู่ครับ ตอนนี้ก็เป็นผู้ต้องสงสัย กำลังสอบสวนอยู่ครับ”
ขณะที่ล่าสุด พ.ต.อ.อนันต์ หริกจันทร์ ผกก.สภ.ท่าศาลา ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนเร่งแกะรอยภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ในพื้นที่อำเภอท่าศาลา และอำเภอใกล้เคียง เพื่อสืบหารถเก๋งมิตซูบิชิ สีเหลือง คันดังกล่าวที่ขับหนีตำรวจ และพาร่างของดาบตำรวจ มนตรี ไปด้วย เพื่อที่จะให้ทราบชื่อผู้ครอบครองรถโดยเร็วที่สุด
พร้อมทั้งฝากไปยังผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อเกิดเหตุการณ์เฉี่ยวชนต้องหยุดรถลงมาให้ความช่วยเหลือ และแสดงตัวต่อพนักงานจราจรหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากฝ่าฝืนระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เขายังคงย้ำเจตนารมณ์กับสิ่งกระทำ และเชื่อว่า ยังคงมีตำรวจที่คอยเสียสละ และไม่หวาดกลัวสิ่งใด ในยุคนี้ ถึงแม้ว่าอีกหลายคนจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาก็ตาม ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และฝากขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ด้วย
ผมไม่ค่อยได้ดูข่าวครับ เพราะว่าตอนพักเที่ยงได้ดูข่าวแค่ครั้งหนึ่ง ฝากขอบคุณครับ ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนๆ ทุกคน ที่เป็นกำลังใจ โทร.มาถามข่าวว่าปลอดภัยดีไหม อะไรดีไหม
คือถ้าเขา (คนขับ) ได้ดูข่าว ก็อยากให้เขามาแสดงตนที่โรงพัก หรือที่ไหนก็ได้ ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริง จะกลัวอะไร คนบริสุทธิ์ไม่ต้องกลัว”
ข่าว: ทีมข่าว MGR Live
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพ: เฟซบุ๊ก "มลตรี นิติชัย"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **