xs
xsm
sm
md
lg

ถูกลอตเตอรี่-ซื้อมาสก์บริจาค 22 รพ.! จากใจหนุ่มน้ำใจงาม “ถ้าหมอป่วย แล้วใครจะรักษาคนไทย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิกฤต โควิด-19 หน้ากากอนามัยขาดตลาด! ลุกลามถึงสถานพยาบาล เมื่อไร้มาสก์ก็ทำหัตถการไม่ได้!! ล่าสุด หนุ่มถูกลอตเตอรี่ ควักเงินส่วนตัว-เปิดรับบริจาคได้เงินหลักแสน พลิกแผ่นดินหาแมสก์ปิดจมูก บริจาค 22 โรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศไทย!

ถูกลอตเตอรี่-ระดมทุน ซื้อหน้ากาก!

“วันนี้ขอแรงช่วยบุคลากรทางการแพทย์ก่อนนะ เสี่ยงกว่าทุกคน คนพวกนี้ต้องได้รับการดูแลมากกว่านี้ และช้ำตรง ของขาดเพราะโรงงานไม่มีจะส่งให้กับโรงพยาบาลนี่แหละ ฟังแล้วจุก เอาละ เราจะช่วยเท่าที่เราทำได้ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นจุดเล็กๆ ของสังคมก็ตาม”

“กอล์ฟ - อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์” เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังสังคมยกให้เป็น “ฮีโร่” จากกรณีบริจาคหน้ากากอนามัยให้ 22 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จำนวน 500 ชิ้นต่อ 1 โรงพยาบาล แถมยังเพิ่งถูกลอตเตอรี่เลขท้าย 2 ตัว ทั้งหมด 12 ใบอีกด้วย ทำให้ยอดบริจาคสบทบทุนสูงถึงหลักแสน!

“ผมถูกลอตเตอรี่ 12 ใบ 24,000 บาทครับ เงินส่วนตัว 30,000 บาทครับ นอกนั้นเป็นเงินที่คนอื่นสมทบมา ก็บริจาค 500 ชิ้นต่อโรงพยาบาล คิดว่าประมาณเกือบ 10,000 บาทต่อโรงพยาบาลครับ

เพราะชิ้นหนึ่ง 15-16 บาท นอกจากมาสก์ก็มีเจลแอลกอฮอล์ครับที่ส่งไปให้ทุกโรงพยาบาล และมีพี่ๆ ตำรวจที่ดับไฟอยู่ภาคเหนือ ผมก็ส่งไปให้เขาด้วย ผมว่าตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่กับประชาชนนะ แต่ปัญหาก็เป็นที่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติอีก

เขาจะต้องเจอเชื้อโรคเยอะมาก มันก็เกิดคำถามในใจ จากนั้นกอล์ฟก็โพสต์ว่าเราอยากทำนะ เชื่อไหมว่าคนอินบ็อกซ์มาเยอะมาก เป็นโรงพยาบาลล้วนๆ เลย เราก็ตกใจ บางโรงพยาบาลไม่มีหน้ากากอนามัยก็จะไม่สามารถทำหัตถการได้เลย มันอันตรายมาก เราว่าตรงนี้มันเซนซิทิฟ




เราก็เริ่มบอกว่าใครอยากบริจาคก็บริจาคได้นะ และบังเอิญว่าวันนั้นถูกลอตเตอรี่ 12 ใบ เราก็ไม่อยากได้เงินเลยเอาเงินที่ถูกรางวัลไปบริจาคหมดเลย ได้ติดต่อกับน้องที่รู้จักกันว่าช่วยอย่าบวกราคาหน้ากากอนามัยได้ไหม เอาราคาที่คุณไปซื้อมาได้ไหม เราจะเอาไปบริจาค

ซึ่งสิ่งที่ดีใจมากๆ คือหลังจากที่โรงพยาบาลได้รับ ทุกคนอินบ็อกซ์มาหาเรา เอาเพจโรงพยาบาลมาคอมเมนต์ก็ดีใจนะว่าที่เราทำมันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สามารถช่วยทีมแพทย์ พยาบาลได้ ขณะที่ทุกวันนี้ทุกคนมัวแต่จะขายของแพง มัวแต่จะเอากำไรกันหมดเลย

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนัก ขนาดโรงพยาบาลยังหาซื้อไม่ได้ เพราะเหตุที่ว่าโรงงานไม่มาส่ง เป็นคำตอบที่ว่าเรากำลังมีปัญหาเรื่องเงินทอง เรื่องจริยธรรมของคน
กลายเป็นทุกคนเอาแต่เงินหมดเลย และคนที่เจ็บป่วยจริงๆ โรงพยาบาลที่ขาดแคลนจริงๆ คนที่เขาเสี่ยงอยู่หน้างาน เขากลับไม่มีอะไรมาปกป้องเลย” โดยโรงพยาบาลทั้ง 22 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการส่งมอบหน้ากากอนามัยแล้ว ได้แก่
1.งานป่าไม้และหมอกควัน จ.เชียงใหม่ 2.โรงพยาบาลท่าสองยาง จ.ตาก3.โรงพยาบาลบ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี 4.โรงพยาบาลโชคชัย(งานควบคุมโรค) จ.นครราชสีมา 5.โรงพยาบาลศรีนคร จ.สุโขทัย 6.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านนาขาม จ.สกลนคร

7.โรงพยาบาลหนองเสือ จ.ปทุมธานี 8.โรงพยาบาลโพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีษะเกษ 9.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี 10.โรงพยาบาลตาพระยา จ.สระแก้ว 11.โรงพยาบาลเมาน์เท่นวิว จ.เชียงใหม่ 12.โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ จ.กาญจนบุรี

13. สถานพยาบาล ม.เกษตรศาสตร์ 14.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศาลาด่าน จ.กระบี่ 15.โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก จ.พิษณุโลก 16.โรงพยาบาลเด็ก ห้องฉุกเฉิน จ.กรุงเทพ 17.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพหนองจอง จ.อุทัยธานี

18.โรงพยาบาลหนองสองห้อง จ.ขอนแก่น19.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ หนองปลิง จ.นครราชสีมา 20.โรงพยาบาลบางจาก จ.สมุทรปราการ 21.โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา จ.เชียงใหม่ 22.โรงพยาบาลลำพูน ตึกผู้ป่วยนอก 100 ปี จ.ลำพูน


“สามัคคี” ดีกว่า “เห็นแก่ตัว”

“ไม่รู้ว่าวันหนึ่ง มันอาจจะเซฟชีวิตคนเป็นหมื่นคน เราไม่รู้ว่าแจ็กพอตมันจะเกิดขึ้นกับใครที่เป็นพยาบาล หรือคุณหมอ เราอาจจะช่วยเซฟไปได้บ้าง เพราะมันเป็นสิ่งที่เงินก็ซื้อไม่ได้ ทำให้เรารู้ว่าช่วงที่วิกฤต ช่วงที่คนไทยลำบาก มันต้องมีอะไรที่มาทำให้สามัคคีกัน”

แม้จะมีกระแสชื่นชมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีคำถามที่ว่า “ทำดีเพื่อสร้างภาพลักษณ์” ให้ธุรกิจตัวเองหรือเปล่า แต่เจ้าตัวกลับมองว่าเวลานี้สิ่งที่คนในสังคมต้องการคือความสามัคคี ซึ่งเรื่องการทำดีช่วยสังคม ตนทำมานานมากแล้ว และไม่จำเป็นต้องเป่าประกาศ

“ปกติผมทำอยู่แล้ว ปีที่แล้วก็ปลูกบ้านให้คนแก่ ทำห้องสมุด สร้างวัด เราทำอยู่แล้ว ผมว่าเราทำธุรกิจเนอะ เราได้อะไรจากสังคมมาเยอะมาก จนเป็นผมทุกวันนี้
เพราะทุกคนสนับสนุน สังคมตอบแทน วันนี้ผมต้องตอบแทนสังคม ผมก็ต้องให้สังคมคืน วันนี้สังคมต้องการความช่วยเหลือ แล้วเรามานั่งมีความสุขก็คงไม่ใช่เนอะ

ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่เกิดวิกฤต แล้วทุกคนจะเอาแต่เงิน แต่เรารู้สึกว่าคำพูดที่เราได้รับกลับมามันเป็นกำลังใจให้ทำต่อ อย่างที่บอกว่าผมทำธุรกิจ ทุกอย่างก็จะเป็นธุรกิจ แต่วันนี้เราทำสิ่งนี้ ไม่ต้องหวังว่าใครจะมาซื้อของเรา เราหวังแค่สิ่งที่จะทำให้เขารอด

ผมคิดว่ามันเหมือนกระดาษ ถ้าปากกาจุดแต้มหนึ่ง เราไม่สามารถเห็นได้ว่าเป็นแต้มอะไร แต่ถ้าปากกาไปจุดเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นดวงที่ใหญ่ขึ้น เรามองว่าวันนี้เรากับประชากร 60 ล้านคน ถ้าเราเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเห็นว่าในสังคมยังมีคนแบบเราที่ทำได้ก็จะมีคนอื่นที่ทำได้เหมือนกัน”


สุดท้าย กอล์ฟ ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเรื่องนี้ว่าอยากให้สังคมไทยเห็นอกเห็นใจกัน รวมถึงให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ เพราะบุคคลเหล่านี้คือผู้รักษาชีวิตคนไทยทั้งประเทศ และเป็นด่านแรกที่ต้องเจอกับความเสี่ยงทุกรูปแบบ

“ผมว่าการขาย ทุกคนอยากได้เงิน อยากได้กำไรหมด แต่วันนี้มันไม่ใช่เรื่องของกำไรอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของสังคมที่ควรดูแลกัน ผมว่าอะไรก็ตามที่มากเกินไปจะทำให้สังคมอยู่ไม่ได้
พอสังคมอยู่ไม่ได้ เงินก็ไม่มีคุณค่า คนติดโรคมากขึ้น หมอเป็นโรค คนดูแลน้อยลง จะเป็นบทเรียนที่สำคัญมากเลยว่าเงินก็ไม่มีคุณค่าในการรักษา เพราะบุคลากรทางการแพทย์มีอัตราเสี่ยงมาก
สุดท้ายเงินที่ได้มาก็รักษาชีวิตคนไม่ได้ วันนี้เรามองว่าภาครัฐก็ส่วนหนึ่ง แต่ภาคเอกชนก็มีส่วนสำคัญในการประคับประคองประเทศไทยด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะไปยังไงต่อ

ผมไม่ได้มองว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนแปลงโลกได้หรอก แต่ผมเป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องเริ่มทำ ถ้าเราไม่เริ่มทำ ใครจะเริ่ม เพราะทุกคน วันนี้ขายแต่เจล ขายแต่มาสก์ เราเห็นคนน้อยมากที่ทำอะไรแบบนี้ในช่วงวิกฤต ผมก็อยากบอกว่าถ้าวันนี้เราร่วมกัน คนไทยก็เอาอยู่

ส่วนแพลนต่อไปผมก็ยังอยากบริจาคหน้ากากอนามัยอยู่นะ ผมอยากโฟกัสที่คุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะคิดว่าถ้าพวกเขาอยู่ไม่ได้ แล้วเราจะอยู่ได้ยังไง ประชาชนจะอยู่ยังไง คนพวกนี้คือบุคคลที่เราต้องตระหนักถึง และให้ความสำคัญมากๆ”

ข่าวโดย MGR Live


กำลังโหลดความคิดเห็น