xs
xsm
sm
md
lg

ไขข้อสงสัยโรคประหลาด “ล้มกระแทก-แผลฟกช้ำ” ทำมะเร็งลุกลามถึงตาย!? [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
จาก “รอยฟกช้ำ” เพราะกระแทกถังไอศกรีม นำมาสู่ “การสูญเสีย” ด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย สังคมตั้งคำถาม “โรคประหลาด” เคสนักแสดงหนุ่ม ขากระแทกทำให้มะเร็งแพร่กระจายได้จริงหรือ!? และนี่คือคำตอบของผู้เชี่ยวชาญด้าน มะเร็งวิทยา


เพราะแรง “กระแทก” ทำมะเร็งแพร่กระจาย!?

“ขาบวม เยื้อหุ้มกล้ามเนื้ออักเสบ ถังไอติมกระแทกขาแล้วคิดว่ามันจะหายเอง สุดท้ายไม่ไปหาหมอช้ำหนักมาก ถึงกับต้องพักงาน เก็บเงินไว้นะครับ โชคดีที่ผมเป็นคนทำงานหนัก ยังพอมีกินใช้จ่ายเวลาช่วงที่พักงาน มันทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรแน่นอนนะ ดูแลสุขภาพกันด้วย อย่าประมาท”

ข้อความสุดสะเทือนใจที่ถูกเขียนไว้ก่อนการเสียชีวิตของ “กอล์ฟ - ธนภัทร พริ้งตระกูล” นักแสดงนำ วัย 24 ปี จากภาพยนตร์เรื่อง “Timeline เพราะรักไม่สิ้นสุด”
กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงและสร้างความเศร้าใจ สำหรับการจากไป ด้วยโรคมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้าย เหตุเกิดจากขากระแทกถังไอศกรีมจนนำมาสู่การตรวจพบโรคมะเร็ง

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม ปี 62 กอล์ฟ ถูกถังไอศกรีมกระแทกขาจนเป็นรอยช้ำ ซึ่งในระยะแรกยังคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก กระทั่งเวลาผ่านไปขาที่ถูกกระแทกเกิดอาการบวม เริ่มมีรอยดำคล้ายเลือดออกใต้ผิวหนัง ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างลำบาก

จนเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน กอล์ฟ มีอาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ขาบวมอย่างหนักจึงตัดสินใจเข้ารักษาที่โรงพยาบาล หมอแจ้งว่ากล้ามเนื้ออักเสบ หลังจากนั้นมีนัดตรวจที่โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง แต่เมื่อหมอได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจก็พบว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังในระยะสุดท้าย และเสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

การสูญเสียในครั้งนี้สร้างความโศกเศร้า รวมถึงนำมาสู่การตั้งคำถามที่ว่าเพียงเพราะถังไอศกรีมกระแทกขาจะทำให้ทำให้มะเร็งลุกลามได้จริงหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นเคสที่พบเจอได้ไม่บ่อยนัก


 
ทีมข่าว MGR Live ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่ากรณีลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว เช่น ในกรณีของเด็กชายวัย 10 เดือนที่หัวกระแทกกระจก จากนั้นคุณแม่ได้สังเกตอาการลูกชายพบว่ามีอาการซึม ไม่ร่าเริง
อีกทั้งยังอาเจียนออกมาด้วย ตนจึงตัดสินใจพาไปพบแพทย์ เมื่อทำ CT Scan จึงพบว่ามีเนื้องอกในสมอง ซึ่งผลการตรวจชิ้นเนื้อพบว่าคือมะเร็ง

หรืออีกกรณีหนึ่ง คือ เด็กชายวัย 4 ขวบ เกิดอุบัติเหตุขี่จักรยานล้มทำให้ไหล่บวม ตาของน้องเลยพาไปหาหมอพื้นบ้าน จากนั้นก็ไปโรงเรียนได้ตามปกติ แต่มีช่วงหลังที่ขาดเรียนไปเพราะอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งกระดูกไหล่
 
จากตรงนี้ทำให้สังคมต่างพากันให้ความสนใจ พร้อมทั้งแสดงความเห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ถือว่าอุทาหรณ์เตือนใจเรื่องความไม่ประมาท เพราะจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแสนธรรมดา อาจกลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันได้หากไม่ได้พบแพทย์อย่างทันท่วงที

เพื่อยืนยันคำตอบของเรื่องนี้ “ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร” หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่า
ไม่มีความเชื่อมโยงหรือเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดมะเร็ง เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากนั้นมากกว่า

“ในวงการแพทย์ไม่มีทฤษฎีไหนรองรับตรงนี้เลย ไม่มีใครที่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าการกระทบกระแทกก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่การกระทบกระแทกเป็นแค่จุดในการสังเกต ซึ่งทำให้นำมาสู่การวินิจฉัยในโรคที่หลบอยู่ หรือโรคที่ไม่มีอาการมากกว่า”


 
“โดยรวมมีอยู่ 2 ประเด็น อย่างแรก การกระทบกระแทกบาดเจ็บ เช่น กรณีนี้ข่าวบอกว่ากระแทกถังไอศกรีม การบาดเจ็บไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น กระแทกทันที ขามีรอยบวม รอยช้ำ หลังจากนั้นก่อให้เกิดมะเร็ง ตรงนี้ไม่ทำให้เกิด ยิ่งถ้าบอกว่าหลังจากกระแทกไปไม่นานก็รุนแรงเลย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นมะเร็ง

เพราะมะเร็งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ใช้เวลาสะสมนานครับ กว่าจะเป็น น่าจะเป็นความบังเอิญในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันมากกว่า ที่ว่าโรคมีอยู่เดิม แต่ว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ใส่ใจหรือไม่ได้คิดถึง แต่พอมีกระทบกระแทกเกิดขึ้นไปตรวจก็เห็นว่าบริเวณใกล้เคียงเกิดมีปัญหาขึ้นมาด้วย

อย่างที่สอง ทำไมพอรู้ไม่นาน สุดท้ายกระจายเร็ว ถ้าเป็นมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่ อาการจะไม่รุนแรง จะไปช้าๆ บางคนเป็นแผลนานถึง7-8 ปีเลย โดยที่ไม่มีอะไร
แต่มะเร็งผิวหนังชนิดที่มีความรุนแรงสูงและกระจายเร็ว นั่นคือมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากเม็ดสี ซึ่งในคนไทยพบไม่บ่อย จะพบบ่อยในคนต่างชาติที่มีผิวขาว ซึ่งชอบอาบแดด

ฉะนั้น โอกาสมะเร็งเม็ดสีจะมากกว่า และมะเร็งชนิดนี้เป็นแล้วรุนแรงมาก กระจายเร็ว โตเร็ว ในกรณีของกอล์ฟ อาจจะไม่รู้ตอนนั้น ผมเชื่อว่าถ้าเป็นมะเร็ง เร็ว-ช้าก็ต้องรู้อยู่ดี อาการจะมา
แต่เขาคงไม่ได้เอาไปเชื่อมเหตุและผลกับการกระแทกหรอก ถ้าไม่ได้กระแทกแล้วอยู่ๆ ขาโตขึ้นมาเฉยๆ ก็รู้อยู่ดี แล้วไปตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง”

เชื้อมะเร็งมีอยู่แล้ว แค่ยังไม่โผล่!

ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่าการที่ร่างกายได้รับการกระแทกจนบาดเจ็บ ในกรณีที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีเชื้อมะเร็งอยู่ก่อนแล้วจะมีส่วนในการกระตุ้นให้มะเร็งลุกลามหรือไม่ นพ.มานพ อธิบายว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากการกระจายของมะเร็งเกิดขึ้นในระดับเล็กๆ เช่น การหลุดรอดเข้าสู่หลอดเลือด

“ไม่จำเป็นเลย ถ้ามะเร็งต้นกำเนิดอยู่ที่ขาก็จะขึ้นที่ขาอยู่ดีครับ คือเซลล์มะเร็งน่าจะเกิดที่ขาอยู่แล้ว แต่อาจโตน้อยๆ นิดๆ ไม่ได้มีอาการมาก หรือเคสคนไข้ที่มาหาเพราะไปกระแทกจนกระดูกหัก แต่มาตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งกระดูก ซึ่งจริงๆ ไม่มีความเชื่อมโยงกันเลย

คงเป็นมะเร็งกระดูกตรงต้นแขนอยู่แล้ว แต่พอมีอะไรกระทบกระแทก เนื่องจากตรงนั้นมีเนื้องอกอยู่ก็จะเปราะอยู่แล้ว บางคนกระดูกหักเลยก็มี มาครั้งแรกด้วยกระดูกหัก หักชนิดที่กระแทกนิดเดียวแต่ทำไมถึงหัก เป็นเพราะตรงนั้นมีโรคของมันอยู่แล้ว แต่ไม่รู้มาก่อนเท่านั้นเอง

ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นความบังเอิญมากกว่า การที่มะเร็งจะกระจาย ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการกระทบกระแทก เซลล์มะเร็งกระจายไปในระดับเล็กๆ อยู่แล้ว เช่น เซลล์มะเร็งจะมีเลือด มีเส้นเลือด มีน้ำเหลืองมาเลี้ยงอยู่

ฉะนั้น เวลาที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายก็มักจะเป็น 1-2 เซลล์มะเร็งในก้อนมะเร็งก้อนนั้นข้างในหลุดออกไป และเดินทางตามหลอดเลือดเล็กๆ หลอดเลือดฝอย จากนั้นก็ไปเกาะที่อื่น เช่นว่าทำไมมะเร็งกระจายไปต่อมน้ำเหลืองได้ก็เกิดจากแบบนี้”

อย่างไรก็ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา ยังฝากทิ้งท้ายถึงวิธีป้องกันในเบื้องต้นด้วยว่าควรเริ่มจากการสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย ซึ่งมะเร็งหลายชนิดมีข้อบ่งชี้ที่สามารถทราบได้ในตอนต้น เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งสำไส้


 
“ระยะเริ่มต้น มะเร็งหลายตัวอาจจะมีวิธีการรู้ก่อน หรือคัดกรองก่อนได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ได้ เพราะพวกนี้มีระยะเวลาในการฟักตัวนาน กว่าจะขึ้นมาเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ กว่าจะขึ้นมาเป็นก้อนใหญ่ กว่าจะมาเป็นมะเร็งใช้เวลาเป็นปี

พวกนี้เรามีเวลาในการคัดกรอง บางคนไปตรวจภายใน บางคนทำเมมโมแกรม แต่มะเร็งบางตัวระยะฟักตัวสั้นมาก หรืออาการเริ่มต้นไม่จำเพาะ เช่น มะเร็งเม็ดสีจะรู้จักกันดีในวงการหมอมะเร็งเลย อาการเริ่มต้นไม่ชัดเจน ไม่มีมีความแตกต่างอะไรเลย ต้องสังเกตอย่างเดียว

ผมคิดว่ามะเร็งเป็นของซึ่งไม่มีใครอยากเป็น ส่วนใหญ่ของมะเร็งเกิดขึ้นเอง บางส่วนอาจมีปัจจัยอื่นๆ บ้างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา มีประวัติในครอบครัว หรืออายุยิ่งมาก ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้พูดให้กลัวว่าแต่ละคนมีความเสี่ยงและจะกลายเป็นมะเร็งนะครับ

สิ่งสำคัญคือมะเร็งไม่ว่าจะมะเร็งอะไรก็ตาม รู้ก่อน รู้เร็ว จะรักษาได้ผลดี ฉะนั้น คอยสังเกตอาการที่ผิดจากเดิมที่เคยเป็น พอมีอาการที่ดูแล้วไม่ตรงไปตรงมา แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์ดีที่สุด”







ข่าวโดย MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น