xs
xsm
sm
md
lg

อาสากู้ภัยสายมุ้งมิ้ง ตุ๊กตาเต็มคันรถ อุทิศผลบุญเพื่อลูกทั้งสอง "พ่อจะทำตลอดชีวิต"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปิดใจหนุ่มไปรษณีย์อุทิศตนทำงานช่วยสังคม ซื้อรถ - แปลงรถกู้ภัยใส่ตุ๊กตาเต็มคัน เพื่อทำอาสาป่อเต็กตึ้ง ปฏิญาณตนเป็นอาสาสมัครทั้งชีวิต เพื่อทำความความดีอุทิศส่วนกุศลทั้งหมด ให้กับลูก ซึ่งใครจะรู้ล่ะว่าเบื้องหลังชีวิตของเขา เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดเศร้าก่อนที่จะตัดสินใจมาทำอาสา “กู้ภัย”




ขับรถป่อเต็กตึ๊ง-ช่วยเหลือสังคม เพราะ “ลูก”

“ผมเคยลำบากมาก่อน ตอนที่ลูกผมอยู่โรงพยาบาลผมแย่มากเลยตอนนั้น ผมกับแฟนไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน คือแย่มากๆ จะไปเฝ้าลูก ต้องพลัดกันเฝ้าเลย แล้วลูกก็รักษาไม่ได้

ผมคิดถึงความลำบากของเรา เราลุกจากตรงนั้นมาได้ แล้วผมมาได้งานไปรษณีย์ คือชีวิตของผมมันดีขึ้น ผมก็อยากจะตอบแทนคนที่เขาแย่กว่าเรา”



“เบียร์-เกียรติศักดิ์ เปี่ยมศิริ” อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดเมืองอ่างทอง วัย 25 ปีเปิดใจกับ ทีมข่าว MGR Live หลังมีการเผยแพร่เรื่องราวดีๆ ของรถกู้ภัยที่ภายในรถเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีพูห์ และตุ๊กตาร่วม 20 ตัว ซึ่งภายใต้ความมุ้งมิ้งนี้ เต็มไปด้วยความเศร้าก่อนที่เขาตัดสินใจมาทำอาสากู้ภัย

“ผมทำมา 3 ปีแล้ว ตอนนั้นลูกผมเข้าโรงพยาบาล ลูกคนแรกไปนอนโรงพยาบาล 9 เดือน แล้วหมอเขาต้องเจาะคอเขา แล้วหลังจากนั้นเขาเสียชีวิต ผมก็เริ่มมาทำอาสา เพราะว่าสาบานกับเขาว่า พ่อจะทำหน่วยกู้ภัยไปตลอดชีวิต ทำบุญกุศลให้เขา

แล้วต่อมามีลูกอีกคนหนึ่ง เขาก็เสียชีวิตอีก ผมเลยทำกู้ภัยมาตลอดเลย เพราะว่าลูกทั้ง 2 คนเสีย จึงทำเพื่อ อุทิศบุญกุศลให้เขาทั้งหมด"

 

เพราะลูกชาย 2 คนได้เสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำให้เบียร์เกิดแรงบันดาลใจ และตั้งใจไว้ว่าว่าจะทำงานให้กับงานอาสาสมัครช่วยเหลือผู้คนไปตลอดชีวิต
โดยเขาจะใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำ ไปช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ในช่วงตอนเย็นของทุกวัน ส่วนในวันหยุดจะทำทั้งวัน

“ผมมีงานหลักอยู่ ผมทำไปรษณีย์อยู่ครับ คือไปรษณีย์ผมทำกลางวัน พอเลิกงานผมก็ทำกู้ภัย ถ้ามีเหตุหรืออุบัติเหตุผมก็ออกไปช่วย
คือผมจะวิ่งแค่เฉพาะช่วงเย็น และช่วงมืด แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์ ผมจะวิ่งทั้งวัน เพราะว่าวันอาทิตย์ผมหยุด บางทีก็ไปกับแฟน บางทีก็รุ่นน้องครับ”

หลังจากทำมาได้ไม่นานมีแนวคิดที่จะนำตุ๊กตาหมีพูห์และตุ๊กตากระต่ายที่ทั้งภรรยาของตนและลูกๆ ชอบ มาใส่ไว้ในรถ เพื่อเป็นตัวแทนของลูก

“เป็นตัวแทนของลูกด้วย เพราะว่าลูกของผมก็ชอบหมีพูห์ และแฟนผมก็ชอบหมีพูห์ ตอนที่ท้องในห้องนอนก็มีแต่หมีพูห์ทั้งนั้น”

หลังจากนั้นมาเขาก็เริ่มใช้เวลาในช่วงหลังเลิกงานออกทำหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง จุดอ่างทอง ช่วยเหลือผู้คนมาโดยตลอด




ใส่ตุ๊กตาเต็มคันรถ-ลดความกลัว “รถกู้ภัย”

 

“มันลดความกลัวได้เยอะ เด็กๆเขาก็ไม่ค่อยกลัวนะ บางทีผมจอดรถทิ้งไว้ แล้วเปิดฝาท้าย เด็กๆเขาเดินผ่านมา เขาจะถามพ่อแม่เขาว่า แม่นี่รถหรือห้องนอน เด็กเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นรถกู้ภัย แต่ส่วนใหญ่พอเขารู้ว่าเป็นรถกู้ภัย เขาก็จะกลัว”

แน่นอนว่าเมื่อเบียร์นำตุ๊กตามาวางประดับไว้บนรถปอเต๊กตึ้ง นอกจากเพื่อระลึกลูกที่เสียไปชีวิตไปแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างชัดเจน หลังเห็นรถคันนี้คือลดความหวาดกลัว เมื่อเห็นรถกลับไม่กลัว ผู้ประสบภัยจรรโลงใจในการไปโรงพยาบาลมากขึ้น รวมทั้งเด็กยังมาขอถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตคิดว่าคงนำตุ๊กตามาใส่เพิ่ม แต่ก็ต้องคำนึง ถึงการจัดวางให้เป็นระเบียบไม่ขวางการทำงานอาสาที่เป็นเรื่องหลักด้วย

“คนเจ็บจะได้ลดความหวาดกลัว เวลาเกิดอุบัติเหตุบางคนไม่อยากไปโรงพยาบาล เขากลัวรถกู้ภัย เพราะว่าส่วนมากรถกู้ภัยเขากลัวผี เราเลยตกแต่งข้างในให้มันดูสวยงาม เพื่อให้เขายอมไป”

 

จากการที่เขาลำบาก และยากจน ไม่มีเงินที่รักษาลูกมาก่อน ทำให้เบียร์ให้ความสำคัญ และเข้าใจ เหตุการณ์นี้ดีว่าคนที่ลำบากรู้สึกแย่มากแค่ไหน โดยเขาไม่คิดว่าคนจะให้ความสนใจเยอะขนาดนี้ รู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งดีๆ และครอบครัวของเบียร์เองก็สนับสนุนให้ทำอาสานี้ต่อไป

“มันก็รู้สึกดีครับ เพราะว่าแม่ผมเขาก็ไม่ค่อยได้ไปวัดไปวา เขาก็ได้สนับสนุนทางนี้แทน ซื้อรถให้ เพื่อสนับสนุนช่วยคนเจ็บอย่างนี้มากกว่า”

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาไปว่าหลังทำอาสาอุทิศส่วนกุศล ชีวิตดีขึ้น หรือโชคร้ายน้อยลงหรือไม่นั้น เขาทิ้งท้ายให้ฟังว่าคิดว่าเป็นผลกรรม แต่ตั้งแต่ทำอาสา ชีวิตก็มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น และคิดว่าตอนอายุ 30 ปี จะมีลูกอีกครั้ง เพราะเขารักลูก และอยากมีลูก

“ผมก็มองว่าครอบครัวที่เขาไม่มีเลย เขายังมีลูก แล้วทิ้งลูก แล้วทำไมเรารักลูก แต่ทำไมผลถึงมีไม่ได้ ก็คิดนะ ตอนนี้ผมไม่มีลูก ผมกะไว้สักประมาณอายุ 30 ปี จะลองมีอีกที ให้ฐานะพร้อมๆก่อน แล้วจะลองมีอีกทีนึง
เพราะตอนนี้ไม่กล้ามี

ผมก็เคยคิดนะว่าเป็นผลกรรม ผมกับแฟนไปหาหมอ เขาก็บอกผมกับแฟน เหมือนเป็นญาติกัน แต่เราไม่รู้ว่าเป็นญาติกันหรือเปล่า หมอเขาบอกผมว่า 1 ใน ล้าน ที่เซลล์จะมาตรงกัน แล้วจะมีลูกด้วยกันไม่ได้ มี 1 ใน 5 ถึงจะรอดคนหนึ่ง

ถ้าถามว่าชีวิตดีขึ้นมั้ย มันก็ดีขึ้น เหมือนเงินทองมันก็ไม่ขาดมือ เมื่อก่อนลำบากมาก เพราะว่าผมไม่มีงานทำทั้งคู่(แฟนของเบียร์) ต้องผลัดกันเฝ้าลูก เพราะว่าลูกต้องใส่เครื่องช่วยหายใจทั้งคู่ มันต้องคอยดูตลอดผมเลยไม่ได้ทำงาน”

 



สกู๊ปข่าวโดยทีมข่าว MGR Live
 
 


** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **

กำลังโหลดความคิดเห็น