ถ้าเราอาศัยอยู่ในช่วงเวลาปกติ หรือเวลาที่เข้าใจกันในความหมายของสมัยทางธรณีวิทยาซึ่งเดินไปอย่างเชื่องช้าและเนิ่นนาน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเห็นชนิดพันธุ์ใดชนิดพันธุ์หนึ่งสูญสิ้นไป เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นให้มนุษย์เห็นบ่อยนัก ในกรณีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาหรืองานวิจัยรองรับมากที่สุด หลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์บ่งชี้ว่า อัตราการสูญพันธุ์ “ฉากหลัง” ที่เป็นอัตราการสูญพันธุ์ก่อนมนุษย์วิวัฒน์ขึ้นมานั้นต่ำมากเสียจนในชั่วระยะเวลาหนึ่งพันปีอาจมีชนิดพันธุ์เพียงชนิดเดียวที่สูญหายไป
แต่เราไม่ได้อาศัยอยู่ในช่วงเวลาปกติอย่างแน่นอน ทุกหนทุกแห่งที่เรามองไป ชนิดพันธุ์ต่างๆ กำลังล้มหายตายจาก ลำพังแค่ในทศวรรษที่ผ่านมา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธุ์ไปแล้วสองชนิด ได้แก่ ค้างคาวลูกหนูเกาะคริสต์มาสกับหนูเกาะบรัมเบิลเคย์
องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติหรือไอยูซีเอ็น (International Union for Conservation of Nature: IUCN) ขึ้นบัญชีชนิดพันธุ์และชนิดพันธุ์ย่อยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 200 ชนิดว่ามีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง บางกรณี เช่น แรดสุมาตรา หรือโลมาวากีตา ซึ่งเป็นโลมาพื้นถิ่นของอ่าวแคลิฟอร์เนีย มีจำนวนเหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งร้อยตัว บางชนิด เช่น โลมาแม่น้ำแยงซี แม้ไม่ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าสูญพันธุ์ แต่ก็อาจตายไปหมดแล้ว
ชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังเกิดกับสัตว์อื่นเกือบทุกกลุ่ม ทั้งสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบก ปลา แม้แต่แมลง อัตราการสูญพันธุ์ในปัจจุบันสูงกว่าอัตราการสูญพันธุ์ฉากหลังนับร้อยหรืออาจนับพันเท่า อัตรานี้สูงมากจนนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ (mass extinction) กำลังจะเกิดขึ้น
การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นกับไดโนเสาร์เมื่อราว 66 ล้านปีก่อน เกิดขึ้นหลังจากโลกถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน แต่ปัจจุบัน สาเหตุของการสูญพันธุ์ดูเหมือนหลากหลายมากขึ้น ทั้งการทำไม้ การลักลอบล่าสัตว์ เชื้อโรคต่างถิ่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำประมงมากเกินขนาด และสภาวะที่มหาสมุทรเป็นกรดมากขึ้น
แต่เมื่อย้อนรอยกลับไป คุณจะพบว่าตนเองต้องเผชิญกับผู้ร้ายหน้าเดิมๆ นักธรรมชาติวิทยาผู้ยิ่งใหญ่นาม อี.โอ. วิลสัน บันทึกไว้ว่า มนุษย์เป็น “สิ่งมีชีวิตชนิดแรกในประวัติศาสตร์แห่งชีวิตที่กลายเป็นพลังหรือแรงทางธรณีฟิสิกส์” นักวิทยาศาสตร์หลายคนให้เหตุผลว่า เราเข้าสู่สมัยธรณีวิทยาสมัยใหม่แล้ว นั่นคือ แอนโทรโพซีน (Anthropocene) หรือยุคแห่งมนุษย์ อีกนัยหนึ่ง คราวนี้ดาวเคราะห์น้อยก็คือพวกเรานั่นเอง
อะไรจะสูญสิ้นไปบ้าง เมื่อสัตว์ชนิดหนึ่งสูญพันธุ์ไป
จีโนมหรือข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมดของชนิดพันธุ์หนึ่งๆ เป็นดังคู่มือเล่มหนึ่ง เมื่อชนิดพันธุ์นั้นสูญสิ้น คู่มือนั้นย่อมหายไปด้วย ในแง่นี้ เรากำลังปล้นสดมภ์หอสมุด นั่นคือหอสมุดแห่งชีวิต
โจเอล ซาร์โทรี ถ่ายภาพสัตว์เพื่อใช้ในโครงการโฟโตอาร์ก (Photo Ark) มานาน 13 ปีแล้ว นับวันสัตว์ในสวนสัตว์หรือสถานเพาะเลี้ยงจะกลายเป็นสมาชิกตัวท้ายๆ ที่เหลืออยู่ของชนิดพันธุ์ บางชนิด พวกมันเป็นสมาชิกทั้งหมดเท่าที่เหลืออยู่ในโลก
ซาร์โทรีปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทั้งใหญ่และเล็ก สวยงามและธรรมดา ด้วยความเคารพ ภาพถ่ายของเขาบันทึกสิ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
เนื่องจากการสูญพันธุ์เกิดขึ้นบ่อยมากในปัจจุบัน จึงเป็นไปได้ที่เราจะคุ้นเคยกับมัน ความเฉยชาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ภาพถ่ายของซาร์โทรีสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เราเห็นว่า แต่ละชนิดที่เรากำลังสูญเสียไปนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
เราอาศัยอยู่ในช่วงเวลาไม่ปกติ หากยอมรับความจริงข้อนี้ เราอาจเริ่มนึกภาพถึงช่วงเวลาที่ต่างออกไปเป็นช่วงเวลาที่เราอนุรักษ์ความหลากหลายอันน่ามหัศจรรย์ของชีวิตไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ยังคงเป็นไปได้
ลิงวูลลีสีเทา (Lagothrix cana สถานะ EN) วัยอ่อนที่ซูบผอมจากบราซิลตัวนี้ถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ตอนถูกจับมา แม่ของมันน่าจะถูกฆ่า มันได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจสิ่งแวดล้อมและได้รับการรักษา กระนั้นก็ต้องใช้ชีวิตในกรงเลี้ยง ไปตลอดชีวิต
ไม่มีผู้พบเห็นร่องรอยของเสือโคร่งจีนใต้ (Panthera tigris amoyensis สถานะ CR อาจถึงขั้น EW ) มานานกว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว สวนสัตว์เลี้ยงเสือชนิดนี้ไว้ในโครงการขยายพันธุ์ไม่ถึง 200 ตัว ถ้าโครงการคืนเสือสู่ธรรมชาติของจีนล้มเหลว พวกมันอาจกลายเป็นเสือโคร่งชนิดย่อยที่สี่ที่สูญพันธุ์
กาเซลล์มอร์ (Nanger dama mhorr สถานะ CR) กาเซลล์ดามาชนิดย่อยนี้เคยแพร่กระจายอยู่ทั่วทะเลทรายสะฮาราตะวันตก ปัจจุบันคงเหลืออยู่ในมาลี ชาด และไนเจอร์รวมกันแล้วน้อยกว่า 300 ตัว
นกกระจิ๊ดบักแมน (Vermivora bachmanii สถานะ CR อาจถึงขั้น EX) นกกระจิ๊ดพื้นถิ่นขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งของสหรัฐฯ อาจสูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากการสูญเสียถิ่นอาศัยอย่างรุนแรงจากการพัฒนาที่ดินทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ รายงานการพบเห็นตัวที่ยังมีชีวิตครั้งสุดท้ายคือปี 1988
เรื่อง: เอลิซาเบท โคลเบิร์ต
ภาพถ่าย: โจเอล ซาโทรี
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **