“โชคชะตามันโหดร้ายที่ทำให้หนูรอดมาได้” เปิดใจ “เนตร-เนตรนภา” สาวสวยผู้ถูกอดีตสามีจุดไฟเผาทั้งเป็น ไม่ตายแต่เสียโฉม-พิการ-แผลเป็นทั่วร่าง ท้อหนักจนเคยคิดฆ่าตัวตายแต่นึกถึงหน้าลูกจึงดึงสติกลับมาได้ ผันตัวขายของออนไลน์เลี้ยงดู 4 ปากท้อง ไม่สนสายตาบางคู่ที่มองอย่างรังเกียจ “ถ้าลูกยอมรับหนูได้ คนอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา”
ไม่โกรธ ไม่แค้น แม้ถูกเผาทั้งเป็น?!
“วันที่เกิดเรื่องคือ15 เม.ย. 58 ก่อนหน้านั้นหนูทะเลาะกับสามีตามประสาผัวเมีย แต่มีบุคคลที่สาม คือยายของเขาพูดยุแหย่ว่า “เลิกเลยมั้ยล่ะ ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก” หนูได้ยินแล้วโมโห สามีเขาไม่ยอมเลิก ณ วินาทีนั้นหนูเก็บของจะพาลูกกลับบ้านตัวเอง แล้วสามีเข้ามาถามว่า “มึงแน่ใจเหรอว่าจะเลิกกับกูจริง” เราก็ตอบไปด้วยความโมโหว่า “กูแน่ใจ” เขาก็เดินออกนอกบ้านสักพักนึงก็เดินเข้ามาแล้วพูดคำว่า “มึงอย่าคิดว่าจะมีใครมาเอาคนหน้าตาอย่างมึงอีก” เขาก็เอาน้ำมันขว้างแล้วจุดไฟ”
ภาพของเนตรก่อนและหลังการถูกทำร้าย
คำว่า “ตกนรกทั้งเป็น” คงไม่เกินไปสำหรับชีวิตของ “เนตร-เนตรนภา นวลกุล” หญิงชาวพะเยาวัย 29 ปี ที่ก่อนหน้านี้เธอถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายด้วยการจุดไฟเผาทั้งเป็น ส่งผลให้จากหญิงสาวหน้าตาดีต้องกลายเป็นคนเสียโฉมและพิการ มีแผลเป็นทั่วทั้งร่างกาย แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา ทั้งยังตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเลี้ยงดูลูกชายวัยกำลังโต 2 คน ด้วยการขายเสื้อผ้าและกระเป๋า ผ่านเพจ “ร้านค้าเพื่อลูก” ที่ขณะนี้มีผู้ติดตามกว่า 94,000 คนแล้ว
แม่ค้าออนไลน์รายนี้ เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงชีวิตของเธอก่อนจะมาขายของผ่านโซเชียลฯว่า “ถ้าถามว่าบาดเจ็บขนาดไหน ก็ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ค่ะ มันครึ่งตัวจากท้องขึ้นมาบนหัวเลย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเชียงคำ จ.พะเยา 4 เดือน แล้วส่งตัวไปเชียงใหม่อีก 3-4 เดือน อยู่ห้องปลอดเชื้อ ห้องไฟไหม้น้ำร้อนลวกโดยเฉพาะ รักษาอยู่นานเกือบปีกว่าแผลติดเชื้อแผลไฟไหม้จะหาย ต้องผ่าตัดลอกหนังตัวเอง ใช้หนังหัวมาปะผิวหนังตามตัว
หนูใช้ชีวิตลำบากมาก ไปไหนต้องใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวก ต้องคุลมหน้าคุลมตาตลอดเวลา คนมองแล้วรู้สึกว่าเราอายที่เราเป็นแบบนี้ ตอนนี้แผลสดหายแล้ว มันก็จะเหลือแต่แผลเป็น ตอนที่เราป่วยเราไม่ได้กายภาพบำบัด ต้องพันผ้าตลอดเวลา เลยกลายเป็นว่าเอ็นมันยึด ทำให้แขนขวางอไม่ได้ แต่นิ้วมือข้างขวาไม่เป็นอะไร หนูถนัดข้างขวาเลยใช้หยิบจับได้ หนูโชคดีตรงที่ว่าช่วยเหลือตัวเองได้ ตอนแรกหนูเดินไม่ได้แต่ตอนนี้เดินได้ ขับรถไปไหนได้”
หลายคนอาจจะคิดว่า ผู้ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ย่อมได้รับโทษและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทว่า...สำหรับเนตร เธอเลือกที่จะไม่เอาผิดอดีตสามี ด้วยเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของลูกชายสุดรัก
“ลูกบอกว่า “ไม่ให้พ่อติดคุกได้มั้ย” หนูก็บอกว่า “ได้ แม่จะพยายามช่วยให้ถึงที่สุด แม่รับปาก” ตอนนั้นลูกคนโตพูดไม่ค่อยชัด แต่เป็นคำพูดที่มีความหมาย เพราะในเคสนี้เขาต้องติดคุกอยู่แล้ว ทางญาติพี่น้องของหนูเขาแจ้งความ แต่ตำรวจจะเอาน้ำหนักที่หนูมากกว่าเพราะหนูเป็นคนโดนกระทำ
หนูแคร์ความรู้สึกลูก ถ้าวันนั้นหนูตาย เขาจะมีพ่อ แต่ถ้าแม่ตาย พ่อติดคุก แล้วลูกล่ะคะ เขาไม่ว้าเหว่ไปทางใดทางหนึ่งเหรอ มีหน่วยงานเข้ามาจะเอาไปดูแลแบบนั้นเด็กจะมีความสุขมั้ย อย่างน้อยลูกยังได้อยู่กับพ่อ พ่อคงไม่ทำร้ายลูกตัวเอง
ณ วินาทีนั้น ร่างกายของหนู 50-50 แพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่าจะรอดหรือไม่รอด ถ้ารอดก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้หรือเปล่า หรือจะเป็นคนนอนติดเตียง แล้วถ้าหนูเสีย คนเป็นพ่อติดคุก สภาพจิตใจลูกจะอยู่ยังไง จะเป็นยังไง หนูไม่ได้ห่วงใคร หนูห่วงลูก
ส่วนอดีตสามีเขาก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม อยู่คนละอำเภอแต่ก็ยังมาหาลูกทุกอาทิตย์ มีโทรมา วิดีโอคอลคุยกับลูก หนูไม่เคยกีดกันให้พ่อกับลูกไม่เจอกัน เพราะหนูเคยผ่านจุดนั้นมาคือพ่อแม่แยกทาง หนูรู้ว่ามันเป็นยังไง หนูมีลูกก็จะไม่ให้ลูกขาดตรงนี้ อะไรตอนเด็กที่หนูขาด หนูจะมาเติมเต็มให้ลูก แต่เขาไม่ได้ช่วยค่าเลี้ยงดู หนูก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร เขาคงไม่มีเหมือนกัน
เมื่อถามถึงความรู้สึกของเนตรที่มีต่อผู้ที่ทำให้เธอมีบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจเช่นนี้ ว่ารู้สึกอย่างไร เธอก็ตอบว่า ไม่โกรธ แต่หากจะโกรธก็คงเป็นบุคคลที่สามที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้
“ตอนนี้ใครจะถามหนูซักกี่คนหนูก็ตอบเหมือนเดิมว่า หนูไม่โกรธเขา ไม่เคยอาฆาตแค้นเขา ถ้าวันนั้นหนูตอบเขาไปว่า ไม่เลิกหรอก เขาอาจจะไม่โมโห แล้วไม่ทำกับหนูก็ได้ คนที่หนูโกรธมากที่สุดคือญาติของเขามากกว่า ถ้าไม่มียายเขามันก็ไม่เกิดเรื่อง
หลังเกิดเรื่องเขาก็กราบเท้าขอโทษ มาดูแลหนูที่โรงพยาบาล ขอโทษนะคะ...คอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ สภาพหนูนอนติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ใส่แพมเพิร์สตลอด เขามาดูแลหนูตรงนี้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมหนูไม่เอาเรื่องเขา”
“พออยู่ได้” ร้านออนไลน์เลี้ยง 4 ชีวิต
“ก่อนที่จะมาขายของออนไลน์ หนูรับขนมเปี๊ยะมาแล้วขี่มอเตอร์ไซค์เร่ขายตามหน่วยงาน อบต. เทศบาล โรงพยาบาลต่างๆ แต่หนูขายไม่ค่อยได้ ไม่มีใครกล้าซื้อเพราะเขากลัว เขารังเกียจ เวลาขายขนมมันต้องใส่เสื้อแขนยาวปิดหน้าปิดหน้าปิดตา โพกหน้าโพกตา เพราะว่าแผลเพิ่งหายใหม่ หนูยังทำใจไม่ได้
หนูเลิกขายขนมเพราะมันขายไม่ได้ ก็เลยมาขายของในเฟซบุ๊กของหนู ชื่อ “เนตรนภา นวลกุล” แต่มันก็ขายได้นิดหน่อย พอดีมีพี่คนนึงเขาแนะนำว่า ทำไมไม่สร้างเพจขึ้นมาล่ะ หนูก็เลยให้พี่เขาสร้างเพจให้ ตอนแรกคนติดตามไม่เยอะ หนูก็เขาไปขอสื่อ โหลกแดง,อยากดังเดี๋ยวจัดให้,จ่าพิชิต (Drama-Addict) ว่าตอนนี้หนูสร้างเพจเพื่อไว้ทำมาหากิน พี่ช่วยโปรโมตให้หนูหน่อย พี่เขาก็ใจดีโปรโมตให้หนู”
หลังจากที่ร่างกายของหญิงสาวผู้ถูกไฟเผาทั้งเป็นเริ่มฟื้นตัว งานแรกที่กลับมาทำคือการเป็นแม่ค้าเร่ขายขนม แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกของตนเองแย่ขึ้นไปอีกเพราะถูกสายตาคนภายนอกที่มองมาอย่างรังเกียจ นั่นจึงทำให้เนตร เบนเข็มมาเป็นแม่ค้าหน้าจอ ขายของออนไลน์ ผ่านเพจ “ร้านค้าเพื่อลูก” และดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะมันสามารถสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงดู 4 ชีวิตคือตนเอง แม่ และลูกชายทั้ง 2 คนได้
“หนูสร้างเพจยังไม่ถึงปี ขายทุกอย่างค่ะ เสื้อผ้า ชุดนอน กระเป๋า แบบส่งออเดอร์ให้ร้าน แล้วก็แบบสต็อกขายของเราเอง แพ็กเอง จัดส่งเอง แล้วทีนี้ช่วงนี้หนูเพิ่งไลฟ์สดขายของได้ไม่ถึงเดือน ก่อนหน้านั้นไม่ได้ไลฟ์สดนะคะ ยังไม่กล้าเปิดเผย แต่เห็นเขาไลฟ์สดแล้วมันทำให้ขายได้ หนูก็เลยลองดู ผลตอบรับก็ดีขึ้นค่ะ
ปอย ตรีชฎา นักแสดงสาวชื่อดัง ก็เคยอุดหนุนสินค้าของแม่ค้ารายนี้
ก่อนหน้านี้มีคนดังคือ “พี่ปอย ตรีชฎา” แล้วก็คู่รักทอมดี้ “พี่ตี๋-พี่บี๋” เข้ามาช่วยอุดหนุนชุดนอน พี่ปอยซื้อไป 20 ชุด พี่ตี๋พี่บี๋เอาทุกชุดทุกลายเลย ก็ได้คนติดตามจากตรงนั้นมาก็เยอะค่ะ
ส่วนรายได้ดีมั้ยหนูตอบไม่ได้เพราะไม่แน่นอน บางเดือนก็ขายได้ บางเดือนก็ขายไม่ค่อยได้ ทุกวันนี้อยู่ด้วยกัน 4 คน หนู แม่ แล้วก็ลูก 2 คน คนโต 6 ขวบ คนเล็กขวบกว่า ลูกคนเล็กเป็นโรคเลือด ต้องเจาะเลือดทุก 3 เดือน หนูเป็นเสาหลักของครอบครัว ค่าใช้จ่ายในบ้านหนูเป็นคนรับผิดชอบ รายได้จากการขายของออนไลน์ก็พออยู่ได้ พอเลี้ยงลูกได้ค่ะ”
นอกจากการใช้เพจ “ร้านค้าเพื่อลูก” เป็นพื้นที่ขายของแล้ว สาวพิการสู้ชีวิตยังใช้เพจนี้เป็นพื้นที่ในการ “อวดลูก” ที่อยู่ในวัยกำลังน่ารักน่าฟัด เพราะเด็กน้อย 2 คนนี้ คือกำลังใจสำคัญที่ทำให้เนตรลุกขึ้นและสู้ต่อไปกับชีวิตที่เหลืออยู่
“เวลาหนูไลฟ์สด ลูกก็จะเข้ามาเล่นด้วย นี่แหละค่ะกำลังใจของหนู เมื่อก่อนหนูไปไหนหนูปิดหน้าปิดตาเพราะหนูอาย แต่คิดไปคิดมาแล้วทำไมหนูต้องอายสายตาคนอื่นด้วย คนที่หนูต้องแคร์มากที่สุดคือลูก ถ้าลูกยอมรับหนูได้ คนอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา
ลูกหนูคนโตเขาเข้มแข็งกว่าหนูนะ เขาไปโรงเรียนเจอปัญหาหลายอย่าง เจอเพื่อนล้อ สายตาคนในโรงเรียนที่มองแม่ตัวเองเป็นแบบไหน แต่เขายังเข้มแข็งได้ยิ่งกว่าหนูด้วย แล้วทำไมหนูต้องยอมแพ้ลูก หนูถึงบอกหนูแคร์ลูกมากที่สุด
วันก่อนก็มีพี่ใจดีคนนึงเขาโอนเงินมา 1,000 บาท ให้ค่าขนมน้อง หนูก็เลยโอนเข้าบัญชีให้ลูกคนละ 500 บาท จะไม่เอามาเกี่ยวข้อง เก็บไว้เป็นทุนการศึกษาเรียนหนังสือ ส่วนคนเล็กก็ไว้เป็นค่ารักษาโรคเลือด
ช่วงไหนที่หนูท้อ หนูเหนื่อย หนูจะมองหน้าลูก จะกอดลูก หนูเคยถึงขั้นที่เหนื่อยจนจะฆ่าตัวตายนะ แต่คิดไปคิดมาถ้าหนูตายไปแล้วลูกหนูจะเป็นยังไง คนอื่นเขาจะดูแลดีเท่ากับคนเป็นแม่เหรอ พูดตามตรงถ้าทุกวันนี้หนูไม่มีลูก ก็คงไม่มีหนู ในคนอื่นพยายามทำงานหนักอยากให้ลูกเรียนดีๆ หนูก็คิด ตอนนี้ลูกปิดเทอมหนูก็ให้ลูกเรียนพิเศษค่ะ”
สุดท้าย แม่ค้าพิการ ได้ฝากข้อคิดไปยังคนในสังคม โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ให้ดูเรื่องราวของเธอเป็นบทเรียน จงพึงระลึกไว้เสมอว่า คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว หากแต่ยังมีชีวิตน้อยๆ ที่ต้องดูแลและเป็นกำลังใจในวันที่โชคชะตาไม่เป็นใจ
“คนที่กำลังท้อแท้ หนูอยากจะบอกว่า ในโลกไม่ได้มีคุณคนเดียวที่โชคร้าย ยังมีอีกหลายๆ คน ที่เป็นหนักกว่า เขายังสู้ บางคนโดนไฟไหม้แบบหนู เขาสู้ ไม่กลัวตาย แต่โชคร้ายที่เขาตายแล้ว ตอนนั้นหนูไม่ได้สู้ หนูบอกหมอด้วยซ้ำว่าปล่อยหนูตาย แต่หนูกลับรอด โชคชะตาทำให้เราอยู่ต่อ แต่โชคชะตามันโหดร้ายที่ทำให้หนูรอดมาได้ ก็เหมือนกับตกนรก ตายทั้งเป็น
หนูเลยคิดว่าถ้ามัวแต่อาย มัวแต่ไม่สู้ แล้วลูกหนูจะกินอะไร คนที่มองหนูสามารถทำให้ลูกหนูอิ่มได้มั้ย ก็ไม่ แล้วทำไมเราถึงต้องแคร์ด้วย หนูไม่รู้นะ ยิ่งตอนนี้มีข่าวเยอะมากว่าแม่ทำร้ายลูก ฆ่าลูก แต่สำหรับหนู หนูห่วงลูกยิ่งกว่าชีวิต ยอมเหนื่อย ยอมตากแดด ความทนสายตาจากคนทั่วไปเวลาไปขายของ เพื่อแลกกับเงินมาไว้ให้ลูกมีกิน
หนูขอฝากติดตามเพจร้านค้าเพื่อลูก เพราะรายได้ที่มาจากทุกคนช่วย 4 ชีวิตได้อิ่มท้อง ทำให้ 1 คนทำหน้าที่แม่ได้และทำหน้าที่ลูกในเวลาเดียวกัน พี่ๆ ท่านไหนที่เคยอุดหนุนเพจร้านค้าเพื่อลูกแล้ว หนูก็กราบขอบพระคุณมากนะคะ ที่ช่วยอุดหนุนสินค้าหนู แล้วหนูก็ขอฝากคนที่ท้อแท้หรือว่าตกงาน ให้คุณพัก พอหายเหนื่อยก็ค่อยลุกขึ้นมาสู้ต่อ เพราะว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ชีวิตคนเรามันไม่ได้โชคร้ายตลอดไป”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “เนตรนภา นวลกุล” และ “ร้านค้าเพื่อลูก”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **