ถ้าอีก 7 วันจากนี้ไม่หาย เสี่ยงหูบอดตลอดชีวิต! “เปิ้ล - นาคร ศิลาชัย” เครียดหนัก! หลังพบอาการหูอื้อข้างเดียว หมอสรุปว่าเป็น “โรคหูดับเฉียบพลัน” แบบไม่ทราบสาเหตุ ทำเอาสังคมกังวลอะไรคือความเสี่ยง!? ล่าสุด แพทย์เฉพาะทางด้านโสตฯ ตอบคำถาม “กินอาหารไม่สุก-ติดเชื้อไวรัส” ทำหูอื้อได้ พบ 25 คนจาก 1 แสนคน!!
“เปิ้ล - นาคร” วิตก โอกาสหายครึ่งต่อครึ่ง!
“หูดับเฉียบพลันไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกภายใน 7 วัน หากรักษาไม่หายหูจะไม่ได้ยินไปตลอดชีวิต ขออนุญาตหยุดทำการทุกสิ่ง 7 วันนะครับทุกคน”
ทำเอาสังคมพากันวิตกไปตามๆ กัน หลัง “เปิ้ล - นาคร ศิลาชัย” ได้เปิดเผยเรื่องราวไม่คิดฝันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับอาการหูดับแบบไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้ผู้คนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกับแชร์ประสบการณ์ที่ตนเคยเจอ และแนวทางการรักษาไปต่างๆ นานา
ล่าสุด เปิ้ล - นาคร ได้ออกมาชี้แจงผ่านการไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก เนื่องจากว่ามีคนสนใจเป็นจำนวนมาก โดยได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ ตนทำงานหนัก แถมยังไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี และยังมีการเดินทางด้วยเครื่องบินอยู่บ่อยครั้ง ตนได้เป็นไข้และเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือดก็พบว่าติดเชื้อไวรัส
“หลังจากกลับมาจากไปช่วยน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี พอกลับมาจู่ๆ ผมก็เป็นไข้เลย ไปหาหมอ หมอตรวจเลือดปรากฏว่าติดเชื้อไวรัส คือไม่ได้เกี่ยวกับน้ำท่วมที่ไปช่วย เพราะตอนไปช่วยมันเป็นน้ำท่วมที่สะอาด พอมาคิดตอนที่ไปช่วยน้ำท่วม เราเตรียมตัวตั้งแต่ 6 โมงเช้า กว่าจะกลับเข้ามาอีกทีก็ 6 โมงเย็น
แถมอยู่กลางแดดทั้งวัน ก่อนหน้านี้ก็ทำงานแล้วบินด่วนไปช่วยน้ำท่วม อาจจะไม่ได้พักผ่อน ถึงไม่ใช่น้ำท่วมแต่ถ้าทำอะไรแบบนี้ก็อาจจะอ่อนแอได้เหมือนกัน สุดท้ายก็ไปแอดมิทที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบเพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ติดเชื้อไวรัสในกระแสเลือด
พอหายแล้วออกจากโรงพยาบาลก็ต้องบินต่อไปที่เกาหลีเลย พอกลับจากเกาหลีพักได้ 2 วัน ก็ต้องบินต่อไปที่อูกันดาอีก ซึ่งใช้เวลาการบิน 10 กว่าชั่วโมง จากนั้นกลับมารู้สึกเพลียๆ อีก แต่ก็คิดถึงเด็กๆ ก็พาเด็กไปขี่เจ็ตสกี ไปออกกำลังกายปกติ พอออกกำลังกายเสร็จ ทำไมมันเพลียๆ อีก ปวดเมื่อยร่างกาย”
หลังจากที่เข้าตรวจร่างกายเนื่องจากรู้สึกอ่อนเพลีย ผลการตรวจพบว่าร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ ทว่า มีเพียงหูข้างหนึ่งที่ได้ยินไม่ถนัด จึงต้องเข้าตรวจเฉพาะด้านถึงรู้ว่าเป็นอาการของหูดับฉับพลัน ที่สำคัญหากรักษาใน 7 วันแล้วไม่หาย อาจเสี่ยงไม่ได้ยินไปตลอดชีวิต!
“แต่ก่อนที่จะออกกำลังกายผมให้เทรนเนอร์เทรนให้ ผมก็เข้าไปตรวจร่างกาย วันนั้นไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมิติเวช เพราะที่นั่นมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีที่สุด ผมก็ไปเช็กร่างกายเพราะเตรียมไปแข่งอีก 2 เดือน ตรวจไปตรวจมาทำไมหูมันอื้อก็คิดว่าน้ำเข้าหูตอนซ้อมเจ็ตสกีหรือเปล่า
ปรากฏว่าเริ่มตรวจร่างกาย หมอสรุปว่าร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ แต่หูยังอื้ออยู่ พอยกโทรศัพท์โทร.หาจูนไม่ได้ยิน คิดว่าโทรศัพท์เป็นอะไร ลองเปลี่ยนข้างกลับได้ยิน ทำไมข้างนั้นไม่ได้ยิน หูดับไปเลย
ผมกลับไปที่สมิติเวชอีกครั้ง หมอตรวจการได้ยินสรุปมาว่าตอนนี้เกิดอาการหูดับเฉียบพลัน หมอบอกโชคดีที่เริ่มเป็นวันนี้แล้วมาหาหมอเลย ถ้ารักษาหายภายใน 7 วันก็จะหายขาด แต่ถ้าเกิน 7 วันแล้วไม่หาย หูคุณเปิ้ลจะไม่ได้ยินตลอดชีวิต
ผมถามตัวเองว่านี่เราจะกลายเป็นคนหูบอดเหรอ หมอบอก 7 วันนี้กินยาแล้วห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ให้นอนอยู่กับบ้านเหมือนคนป่วย แล้วให้ยาสเตียรอยด์มา หมอบอกว่ามีโอกาสหาย 50/50 หมอก็ยังบอกไม่ได้”
“หูดับฉับพลัน” 1 แสนคน เจอ 25 คน!
“เรื่องนอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงพอ มันไม่ได้มีวิจัยหรืออะไรที่จะมาบอกว่ามันจับต้องได้ แต่การพักผ่อนที่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าอยู่แล้ว ความจริงเป็นโรคที่เจอน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอ ซึ่งคนไข้ 90% อยู่ในกลุ่มที่หาสาเหตุไม่เจอ ส่วนอีก 10% คือรู้สาเหตุของอาการหูดับ”
“พญ.ปิยมาภรณ์ อิทธิโสภณพิศาล” แพทย์เฉพาะทางโสตศอนาสิกวิทยา โรงพยาบาลศิครินทร์ ช่วยวิเคราะห์กรณีของเปิ้ล - นาคร กับทางทีมข่าว MGR Live หลังเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคหูดับ
“เท่าที่เจอคนไข้หูดับเหล่านี้จะเสียการนำเสียงผ่านเส้นประสาท ส่วนใหญ่ถ้าเส้นประสาทเสียฉับพลันมันจะมีทั้งแบบหาสาเหตุไม่เจอ ซึ่งจะเป็นส่วนใหญ่ของคนไข้ สัก 90% แต่ที่หาสาเหตุได้จะมีแค่ 10-15% เท่านั้นเอง คราวนี้ก็ต้องมาแบ่งว่าคุณเปิ้ล นาคร อยู่ในกลุ่มที่หาสาเหตุไม่เจอหรือหาสาเหตุเจอ
เรื่องการนอนน้อย ใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ พวกนี้มันก็บอกยากว่าเป็นสาเหตุที่กระตุ้นหรือเปล่า หรือมีการติดเชื้อไวรัสเข้าไปด้วยหรือเปล่า การอุดตันหลอดเลือดเข้าไปเลี้ยงหูชั้นใน หรือในกลุ่มบางกลุ่มที่เป็นโรคของหูชั้นใน เช่น น้ำในหูไม่เท่ากันก็อาจจะอยู่ในกลุ่มที่หาสาเหตุไม่ชัดเจนได้
เท่าที่ฟังประวัติของคุณเปิ้ล - นาคร ประวัติไม่ชัดเจนในเรื่องของการติดเชื้อ หรือโรคประจำตัว ตรงนี้จะหาสาเหตุได้ไม่ชัดเจน อย่างถ้าเป็นเบาหวาน ไขมันสูง หรือคนที่มีประวัติกินอาหารสุกๆ ดิบๆ เนื้อหมูดิบ และทำให้ไม่ได้ยินขึ้นมาฉับพลัน มีไข้ขึ้น ปวดศีรษะมากก็จะเป็นกลุ่มที่หาสาเหตุได้”
ขณะที่อีก 10% ที่สามารถหาสาเหตุของการเกิดโรคหูดับได้ คุณหมออธิบายให้ฟังว่า มีตั้งแต่การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือผ่านการผ่าตัดมาก่อน รวมถึงมีเนื้องอกที่สมอง และกินอาหารไม่สุกก็เป็นหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการนี้ได้ด้วยเช่นกัน
“ในกลุ่ม 10 - 15% เป็นได้หมดเลย ขึ้นอยู่กับการซักประวัติตรวจร่างกายคนไข้ อาจมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ การผ่าตัดมาก่อน หรือว่ามีเนื้องอกที่ก้านสมองไปกดทับก็ได้เหมือนกัน เหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่ทราบสาเหตุ หรือว่าการติดเชื้อหูชั้นในอย่างฉับพลัน จากการกินอาหารสุกๆ ดิบๆ นั่นเอง
หรือบางกลุ่มที่มีประวัติว่าได้ยาบางชนิดแล้วฉีดเข้าไป เพื่อรักษาโรคแล้วอยู่ดีๆ หูไม่ได้ยินฉับพลันก็จัดว่าเป็นกลุ่มที่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ถ้าหยุดยาทันที บางทีอาการก็สามารถดีขึ้นได้ ส่วนความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ยกตัวอย่าง 1 แสนคนจะเจอ 5-25% เท่านั้นเอง
ถือว่าเจอน้อย แต่ก็ต้องซักประวัติ ตรวจร่างกายค่อนข้างต้องละเอียด ถ้าตรวจหมดแล้วว่าไม่ได้มีสาเหตุตรงนี้ ก็จะให้คนไข้ตรวจการได้ยิน คนที่สูงอายุอาจจะพบได้บ่อยขึ้น ผู้หญิง ผู้ชายเจอได้พอๆ กัน ถ้าอายุเยอะขึ้นพบว่ามักจะสัมพันธ์กับการเจอโรคนี้ที่มากขึ้นค่ะ แต่เท่าที่รักษามาคนไข้อายุน้อยหมอก็เจอเหมือนกัน”
แม้สาเหตุของการเกิดโรคหูดับยังไม่สามารถตัดสินได้ชัดเจน 100% ว่าจากความเสี่ยงใด ขณะที่แพทย์เฉพาะทางโสตศอนาสิกวิทยาคนเดิมก็ได้เผยให้ฟังถึงการรักษา อย่างในกรณีของเปิ้ล - นาคร ที่ต้องกินยาสเตียรอยด์ 7 วัน หากไม่หายดีอาจมีความเสี่ยงไม่ได้ยินระยะยาว
“มันเป็นไกด์ไลน์เลยในการรักษาหูดับฉับพลัน ถ้าคนไข้มาในช่วง 14 วันแรก การกินสเตียรอยด์จะต้องให้ในปริมาณที่สูง มันจะมีผลในการช่วยทำให้การได้ยินกลับมาปกติได้ กินประมาณ 7 วัน และให้ตรวจการได้ยินซ้ำ ถ้าเส้นประสาทไม่ได้เสื่อมในระดับที่สูงมาก เมื่อได้กินสเตียรอยด์ได้เร็ว การได้ยินก็สามารถกลับมาปกติได้เลย
แต่ถ้าอายุเยอะและการได้ยินเสียไปค่อนข้างมาก บางทีการกินสเตียรอยด์อาจไม่ได้ทำให้กลับมาในระดับที่ปกติได้ ส่วนหลังจากรักษาครบ 1 สัปดาห์แล้ว กินยาแล้วแนวโน้มดีหรือเปล่าต้องดูอีกที
แต่ในกลุ่มที่ค่อนข้างรุนแรง กินยาแล้ว 1 อาทิตย์ไม่ดีขึ้นเลย ลองดูอีก 1 อาทิตย์ก็ยังแย่อยู่อีก อีกตัวเลือกคือ ลองทำการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแก้วหู ผ่านเข้าไปในหูชั้นกลางเลย ถ้ารักษาแบบนี้แล้วยังไม่ได้ผล คราวนี้ก็จะยากแล้ว โอกาสที่จะกลับมาดีก็ถือว่ายาก
สุดท้าย หมออยากแนะนำว่าต้องดูก่อนว่าหูอื้อ เราไปทำอะไรมาก่อนหรือเปล่า เช่น ไปแคะหู ไปดำน้ำ หรือมีหวัด มีการติดเชื้อมาก่อน ถ้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ตรวจร่างกายจะเจอความผิดปกติ เช่น อาจจะมีขี้หู หรือหูชั้นนอกบวมอักเสบ หรือมีน้ำคั่งในหูชั้นกลางจากการติดเชื้อหวัดหรือไซนัส จะรักษาด้วยการให้ยา
อย่างที่บอก 1 แสนคนอาจจะเจอไม่ถึง 25 คนด้วยซ้ำ แต่แนะนำให้ระวัง เช่น เรามีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน เป็นเกาต์ หรือมีไขมันในเลือดสูง จะเป็นกลุ่มที่เจอโรคหูดับขึ้นมาได้ด้วย แต่ถ้าเราเป็นคนสุขภาพดี ไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไรเลย อยู่บ้านเฉยๆ แล้วเป็น ก็ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเฉพาะทางดีกว่า”
ข่าวโดย MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **