ไม่มีสมาร์ทโฟน-สแกนหน้าไม่สำเร็จ!! สารพัดปัญหา “ชิมช้อปใช้” เปิดใจหนุ่มลงทะเบียนใช้สิทธิ พร้อมเล่าเหตุการณ์ซื้อสินค้า มอบให้ลุงยากไร้ที่ไม่รู้จักโครงการ “แจกเงิน” คนละ 1,000 บาท สำหรับใช้จ่ายในการท่องเที่ยวข้ามจังหวัด
ใช้เงิน 1 พัน แบ่งปัน “น้ำใจ”
“ผมอยากจะช่วยคนที่เขาไม่มี แล้วมันมีสิทธิชิมช้อปใช้เข้ามา ผมเลยคิดว่า ยังมีคนที่เข้าไม่ถึง คนที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟน คนเหล่านั้นอาจเป็นคนที่ยากไร้ ถ้าเราได้ช่วยเขามันน่าจะทำให้โครงการนี้มีประโยชน์มากขึ้นครับ ผมเลยตัดสินใจไปซื้อของอยู่โลตัส เพราะแถวนั้นไม่มีร้านธุรกิจ SME ครับ
ตอนแรกผมจะเอามาให้ลุงแถวบ้านผม เพราะว่าเขาค่อนข้างที่จะลำบากระดับหนึ่ง แล้วระหว่างทางที่ผมกลับมา ก็ไปเจอลุงคนนั้นพอดี ก็เลยแบ่งให้ลุงคนนั้น ที่เหลือก็เอาไปให้ลุงที่ผมตั้งใจไว้อยู่แล้วครับ เขาเข้าไม่ถึงสมาร์ทโฟนเหมือนกัน”
คูน-คชรัตน์ ศีลพันธ์ หนุ่มน้ำใจงาม เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ผ่านปลายสาย หลังได้รับสิทธิ “ชิมช้อปใช้” กระทั่งตัดสินใจใช้เงินด้วยวิธีการ “ช้อป” ในห้างสรรพสินค้า เพื่อนำของใช้ในชีวิตประจำวันที่ซื้อมา ไปแบ่งปันให้กับลุงยากไร้ ในขณะที่ตนเองกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์
“ลุงเขาขี่จักรยานมาผมก็ถามว่า ลุงรู้หรือเปล่าว่ารัฐเขามีสิทธิชิมช้อปใช้ ให้คนละ 1,000 นะ จะได้ซื้อของได้ตามร้านที่ร่วมลงทะเบียน เขาก็บอกเขาไม่รู้ ทำยังไง มีด้วยหรอ ผมก็บอกว่าเนี่ยมันต้องใช้สมาร์ทโฟนนะ ลุงมีไหม ลุงก็ว่ามี แต่พอเอาออกมาเป็นโทรศัพท์ธรรมดาเลยครับ ทำไม่ได้ ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรลุง งั้นผมแบ่งให้ ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ก็เอาให้ไปเลยครับ”
ทั้งนี้ การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ผู้ที่สนใจจะได้รับเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (G-Wallet) จำนวน 10 ล้านคน จากการลงทะเบียนรับสิทธิ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. ไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย. 62 ซึ่งจะรับลงทะเบียน วันละ 1 ล้านคน ต่อเนื่องทุกวัน จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน
สำหรับเงื่อนไขการเข้าร่วมมาตรการ จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และต้องมีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตและมีอีเมล
โดย คูน ได้เล่าว่า ตนเองลงทะเบียนได้ในวันที่ 30 ก.ย. และต้องพบกับปัญหาในการสแกนหน้าที่ต้องมีการยืนยันอยู่หลายรอบกว่าจะสำเร็จ
“ก่อนวันที่ผมจะกดได้ ผมสแกนหน้าไม่ผ่านสักที มากกว่า 3 รอบครับ ผมก็เลยตื่นมาแล้วลองดูอีกที ผมก็พยายามทำให้มันเหมือนกับบัตรประชาชนอ่ะครับให้มากที่สุด ผมก็เห็นเขาแชร์กัน ก็เลยลองทำให้มันเหมือนๆ ดู ก็เลยได้เลยครับ”
ขณะที่การลงทะเบียนในโครงการชิมช้อปใช้ ครบ 10 ล้านคนแล้ว แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ลงทะเบียนแล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ เนื่องจากการลงทะเบียนสแกนใบหน้าเป็นเรื่องยากสำหรับชาวบ้าน ทำให้ธนาคารกรุงไทย ต้องเปิดให้บริการเป็นพิเศษในการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่สแกนหน้าไม่ผ่าน
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังไม่จำเป็นต้องไปใช้สิทธิที่ห้างสรรพสินค้า หรือ ศูนย์การค้า เพียงอย่างเดียว เพราะยังสามารถใช้ได้ตามร้านค้าทั่วไปอีก 170,000 ร้านทั่วประเทศ ซึ่งสามารถเช็กข้อมูลได้ที่ www.ชิมช้อปใช้.com
“ชิมช้อปใช้” กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง!?
นอกจากสังคมจะชื่นชมการแบ่งปันของหนุ่มใจบุญ ด้วยโครงการล่าสุดของรัฐบาลที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมาก แต่ก็ยังมีคนมองว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นผิดวัตถุประสงค์ของโครงการด้วยเช่นกัน
“มีครับ มันมีคนมอง แต่ว่าผมไม่สนใจหรอกครับ สิ่งที่ผมทำ ผมไม่ต้องการป่าวประกาศไปขนาดนี้ เอาจริงผมก็ตกใจนะ อันนั้นมันก็แล้วแต่สิทธิของเขาที่จะมอง ก็ว่าเขาไม่ได้
แต่ผมมองแค่ว่า ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ คือ ช่วยเหลือคนแค่นั้นแหละ ไม่รู้คนอื่นจะมองยังไง ผมก็ทำได้แค่นี้ ไม่ได้คิดถี่ถ้วนว่าต้องยังไงอะไรขนาดนั้น ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากทำ ผมไปซื้อแล้วผมเอาไปให้
ถ้าคนอื่นจะไปทำยังไงต่อ ผมว่ามันสิทธิของเขาแล้ว ถ้าเป็นสิทธิชิมช้อปใช้ ซื้ออย่างอื่นก็ได้ เป็นร้านอื่นๆ ที่เขารับ แล้วก็ไปให้ หรืออาจจะไม่ต้องเป็นชิมช้อปใช้ก็ได้ครับ ให้อย่างอื่น แต่ผมว่าการได้ช่วยคนยากไร้ เพื่อนร่วมโลกของเรา ผมว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้น ทำให้โลก ทำให้ประเทศเรามันน่าอยู่ขึ้น คนจากทะเลาะกันก็ช่วยกันดีกว่า ผมมองเป็นอย่างนี้ไปครับ”
สำหรับปัญหาที่หลายคนยังเข้าไม่ถึงสิทธิ ก็คือ การไม่มีสมาร์ทโฟน หรือมีแต่ทำไม่เป็น รวมทั้งคนที่ไม่ทราบว่ามีโครงการดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านี้ คูน ยังให้ความเห็นกรณีที่หลายคนต้องทะเลาะกัน โดยคนเหล่านั้นมีความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการที่มองว่า เหมือนรัฐบาลได้ทำมานั้นช่วยเหลือผิดจุดหรือเปล่า เหมือนเอาเงินมาแจกมากกว่า
“ยังไงมันก็ออกมาแล้ว เราสามารถไปร้องทุกข์ให้เขาปรับปรุงได้ แต่คือมันได้ออกมาแล้ว เราก็ทำให้มันมีประโยชน์ไม่ดีกว่าหรอ อย่างมาทะเลาะกัน ผมว่ามันไม่เกิดประโยชน์
เอาจริงๆ นอกจากจะได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ผมคิดว่ามันยังทำประโยชน์ได้มากกว่านี้ สมมติคนที่ไม่ได้ติดขัดอะไรมีอยู่แล้ว ถ้าอยากทำบุญ ไม่จำเป็นต้องทำที่วัดก็ได้ เราก็มาทำบุญกับคนที่เขาไม่มี คนที่เข้าไม่ถึง หรือคนที่ยากไร้ ผมว่ามันโอเค ไปซื้ออย่างอื่นก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องโลตัส ร้านอย่างอื่นก็ได้ ไปซื้อข้าวกล่องตามร้านที่เขารับสิทธิ แล้วก็เอาไปแจกเขาครับ มันก็มีช่องทางหลายช่องทาง เป็นแคมเปญขึ้นมาให้คนอื่น ผมเห็นคนที่เขาอยากจะทำตาม ผมก็รู้สึกดีครับ
อย่างน้อยเราได้ช่วย ผมเป็นแค่คนเล็กๆ ที่ช่วยแค่คนเดียว แล้วคิดดูถ้าคนอื่นเขาทำหลายๆ คน ผมว่ามันจะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย แล้วมีคนที่อินบ็อกซ์ส่วนตัวมาขอบคุณผม บอกว่าเขาก็จะได้ไปทำนะ ไปบริจาคให้คนที่เป็นมะเร็ง ผมรู้สึกดีนะครับ ผมอยากช่วยคนที่ไม่มีอยู่แล้ว แล้วยิ่งมีคนคิดอย่างนี้เพิ่มอีก มันจะทำให้คนที่ไม่มีอ่ะ ได้มีอะไรที่มันดีขึ้นเยอะเลยครับ อย่าทะเลาะกันเลยครับ เรามาทำให้ประเทศน่าอยู่ดีกว่า”
ข่าวโดย MGR Live
ขอบคุณภาพบางส่วน: เฟซบุ๊ก “Khotcharat Sinlaphan”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **