แห่ประมูล “กันดั้ม” ของหนูน้อย “โทบี้สู้มะเร็ง” ที่ใช้มือน้อยๆบรรจงต่อหุ่นยนต์ขณะกำลังเจาะเลือดเพื่อให้คีโมในโรงพยาบาล ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งกำลังใจ ความตั้งใจได้ผล! ยอดทะลุแสนมอบให้พี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมอุบลฯ ล่าสุด ปิ๊งไอเดียจับฉลากมอบกันดั้มรุ่นลิมิเต็ด แก่ผู้ร่วมบริจาค #Save Ubon ให้บิณฑ์ บันลือฤทธิ์!
ใจใหญ่เกินตัว! เด็ก 5 ขวบ ฮีโร่น้ำท่วม
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจในโลกโซเชียลฯ เมื่อน้องโทบี้ เด็กน้อยวัย 5 ขวบ ที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เคยโด่งดังในโลกออนไลน์จากการที่คุณพ่อของน้องได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มซื้อขายหุ่นยนต์กันดั้ม ขอซื้อหุ่นยนต์ให้ลูกชายที่กำลังป่วยรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพราะลูกชายคลั่งไคล้กันดั้มมาก จากนั้นจึงมีผู้บริจาคกันดั้มให้โทบี้เป็นจำนวนมาก
จากเคยเป็น "ผู้รับ" ขอผันตัวเป็น "ผู้ให้" เปิดประมูลหุ่นยนต์กันดั้ม เกรด Sd รุ่น rx78-2 ที่ต่อตัวด้วยเองขณะให้คีโมอยู่โรงพยาบาล เพื่อประมูล ช่วยเหลือพี่น้องชาวอุบลราชธานีที่ประสบน้ำท่วม เพราะรับรู้ถึงความ "ทุกข์ยาก" ครั้งเมื่อน้ำท่วมปี 2554 ได้เป็นอย่างดี
"เกิดจากความตั้งใจของน้องโทบี้เอง คือเราดูข่าวด้วยกันทางทีวี แล้วน้องเขาเห็นภาพน้ำท่วมบ้านของพี่น้องชาวอุบลฯ ผมก็ถามลูกว่า แล้วพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร น้ำท่วมแบบนี้ ทำไงดีล่ะโทบี้ เราจะช่วยเขาได้ยังไง เขาก็บอกว่า "ส่งกันดั้มไปช่วย" ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก 5-6 ขวบ จะคิดได้ประมาณนี้
เขาไม่รู้หรอกว่า การขาย การประมูลคืออะไร เขาแค่บอกว่าส่งกันดั้มไปช่วยแล้วกัน กันดั้มเป็นเหมือนฮีโร่ของเขา อยากให้ไปช่วยพี่น้องผู้ประสบภัย ก็เลยบอกว่า งั้น เอากันดั้มไปขายมั้ย กันดั้มเยอะไม่ใช่เหรอ เอากันดั้มไปขาย แล้วเอาเงินที่ได้ไปให้กับคนที่เขาลำบาก เดือดร้อน บ้านน้ำท่วม ก็เลยเป็นที่มาว่า ทำไมถึงเอาหุ่นของน้องมาประมูล"
บอล-ณัฐพล โกมลธร คุณพ่อของน้องโทบี้ เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงสาเหตุการเปิดประมูลหุ่นยนต์กันดั้ม ล่าสุด ปิดประมูลเป็นที่เรียบร้อยในวันเดียว โดยผู้ชนะเป็นผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ประมูลไปในจำนวนเงิน 99,999 บาท และยังมีผู้ร่วมบริจาคสมทบ อีก 46,000 บาท นอกจากนี้ น้องโทบี้ ยังขอร่วมบริจาคเพิ่มเติมอีก หลังจากมีผู้ซื้อหุ่นสะสมของน้องอีกตัวเป็นจำนวน 5,000 บาท
"เป็นเงินที่น้องขายหุ่นกันดั้มได้ เขาให้เป็นค่าน้ำพักน้ำแรงน้อง ที่ต่อหุ่นให้เขา บอกตรงๆว่า ถ้าจะให้เอาเงินช่วยตัวมา เราก็ยังไม่มีปัจจัยตรงนั้น เราก็แค่ทำในสิ่งที่เราพอจะทำได้
เรามีกันดั้ม มีไอเดีย แต่เราอาจจะลงพื้นที่ไปช่วยเขาไม่ได้ ถ้าอะไรพอจะทำได้ เราก็อยากที่จะทำ ผมก็เคยอยู่ในสภาวะน้ำท่วมมาก่อน ปี 54 ก็ท่วมอยู่เป็นเดือนเลย ก็จะเข้าใจความลำบาก"
สรุปยอดทั้งหมดที่ได้จากการประมูลและร่วมสมทบเป็นเงิน 150,999 บาท โดยคุณพ่อนอ้งโทบี้จะโอนเงินไปสมทบช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางบัญชีกระแสรายวัน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
"จริงๆผมไม่คิดว่าจะประมูลได้เยอะขนาดนี้ ตอนแรกผมคิดว่าหลักพัน จะเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราช่วยด้วยใจ เรามีวิธีการแบบนี้เสนอไป เราอยากมอบหุ่นให้ ตอนนั้นก็ยังคุยกับคุณแม่น้องว่า สักพันสองพันทางเราก็ดีใจแล้ว แต่ไปๆมาๆพอเป็นแสนเราก็ดีใจ น้องโทบี้ก็ดีใจ
โปรเจ็กซ์ใหม่ แจกกันดั้มรุ่นพิเศษ!
แม้การประมูลกันดั้มจะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ธารน้ำใจในโลกโซเชียลฯ ยังหลั่งไหลไม่ขาดสาย คุณพ่อผุดโปรเจ็กซ์ใหม่ที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวอุบลฯ ต่อ ยันการช่วยเหลือยังไม่จบแค่นี้ แง้ม! เตรียมแจกหุ่นยนต์กันดั้มรุ่นลิมิเด็ด สีเด็ด ตัวใหญ่กว่าเดิม ให้แก่ผู้บริจาคน้ำท่วม!
"ผมตั้งใจไว้หลังจากเสร็จสิ้นการประมูล เพราะยังมีพี่ๆอีกหลายคนอยากจะร่วมบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย ผมเชื่อว่าการช่วยเหลือไม่ได้จบแค่นี้ เพราะการประมูลคือการที่มาจากเงินคนเดียวประมูล แต่ยังมีอีกหลายคนหลังไมค์มา อยากจะบริจาคกับผม แต่ตัวผมไม่ได้เปิดรับบริจาคโดยตรง อยากให้บริจาคกับพี่บิณฑ์
ผมเลยอยากจะจัดกิจกรรมแบบไม่เชิงเป็นการประมูล แต่เอาหุ่นยนต์กันดั้มรุ่นลิมิเต็ด Rx78-2 clear color ver. 1:144 ตัวนี้ความพิเศษคือ เป็นตัวแรกของน้องที่ต่อแบบไซส์ใหญ่ ปกติน้องจะไม่ต่อตัวใหญ่ เพราะประกอบยาก และใช้เวลาค่อนข้างนาน และน้องต้องให้คีโม แต่วันนี้น้องมีกำลังใจที่จะต่อตัวใหญ่ขึ้นมา เป็นพัฒนาการของน้อง
แต่เราจะไม่ได้ใช้ระบบประมูลเดิมแล้ว เราอยากจะให้ใครก็ตามบริจาคเงินโดยตรงเข้าบัญชี บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ จะ 50 บาท 100 บาท ก็ได้ แล้วนำสลิปการโอนเงินส่งมาที่เพจเฟซบุ๊กใหม่ของน้องโทบี้ ที่ชื่อว่า “น้องโทบี้ กันดั้ม สู้มะเร็งเม็ดเลือดขาว”
สมมติมีผู้บริจาค 50 คน ผมก็จะเอารายชื่อทุกคนมาจับฉลาก และจะส่งมอบหุ่นแห่งกำลังใจตัวนี้ให้ เพื่อช่วยผู้ประสบภัย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยพี่น้องผู้ประสบภัยได้”
ในฐานะที่เคยเป็น “ผู้รับ” มาก่อน จึงปลูกฝังความเป็น “ผู้ให้” เพาะบ่มความคิดคุณค่าของ “เงิน” ปลูกฝังการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามตกทุกข์ได้ยากแก่น้องโทบี้
“น้องอาจจะไม่รู้ว่าเงินแสน จะช่วยอะไรได้มากหรือเปล่า ผมเลยยกตัวอย่างให้เขาฟังว่า ได้อาหารหมื่นๆชุดเลยนะลูก ได้เสื้อผ้าช่วยพี่น้องชาวอุบลฯ ตั้งเท่าไหร่ ตอนน้ำท่วมปี 54 ผมก็เล่าให้เขาฟังว่า ลำบากยังไง เรื่องของน้ำ อาหาร คือทุกอย่างต้องใช้เงินหมด ผมจะสอนเขาเสมอ คือเวลาใช้จ่าย พ่อมีอยู่เท่านี้บาทนะ ต้องใช้เงินยี่สิบบาท ไม่เกินนี้นะ เขาจะรู้ถึงคุณค่าของเงินเป็นไง
เราเคยอยู่ในสถานะเป็น “ผู้รับ” มาก่อน ผมเคยทำริสแบนด์ขายในช่วงแรกที่ต้องรักษาน้อง มีพี่ๆบริจาคกันดั้มมาให้มากมาย คือเราเคยเป็นผู้รับมาก่อน อยากจะส่งต่อกำลังใจ ส่งต่อความรู้สึกดีๆ คือเราเคยได้รับมา เข้าใจถึงความลำบากเพราะเราเคยอยู่ในสภาวะวิกฤตมาก่อน เราจะรู้ความเดือดร้อนเป็นอย่างไร อะไรที่พอช่วยได้ก็ทำไปเถอะ จึงเกิดเป็นโปรเจ็กซ์นี้ขึ้นมา
สำหรับอาการอัปเดตล่าสุดของน้องโทบี้นั้น คุณพ่อเปิดเผยว่า อาการดีขึ้นเรื่อยๆ เชื้อมะเร็งแทบจะไม่มีแล้ว แนะการก้าวผ่านความทุกข์ จิตใจสำคัญ ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้ลูกเห็น
“นับจากการรักษาครั้งแรกที่เริ่มมีอาการปวดขา เป็นไข้ เดินไม่ได้ เป็นหนักมากถึงขนาดต้องอยู่ห้องแยก ปลอดเชื้อ อยู่ประมาณ 1 เดือนปัจจุบันน้องร่าเริง ทานอาหารได้ เพียงแต่ยังต้องระวังการติดเชื้ออยู่ และระวังเรื่องของอาหาร ยังไปที่สระน้ำไม่ได้ คุณหมอจะห่วงเรื่องการติดเชื้อเป็นพิเศษ นอกนั้นก็ ไม่ค่อยมีอะไรน่ากังวลเท่าไหร่ ก็รักษาตามอาการ
ตอนนี้เชื้อมะเร็งของน้องแทบจะไม่มีแล้ว ไม่ถึงกับโรคสงบ เพราะต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการรักษา ต้องควบคุมเชื้อ เข้าคอร์สการรักษา ประมาณ 5 คอร์ส ซึ่งตอนนี้อยู่ในระยะคอร์สที่ 4 แต่คอร์สที่ 5 จะมีระยะเวลานาน ถ้าหลัง 3 ปีไปแล้ว โรค จะสงบได้ถึง 10 ปี โอกาสหายขาดก็จะมีสูงมาก แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งคือโรคอาจจะกลับมา
เราในฐานะพ่อแม่ต้องเข้มแข็ง เพราะน้องเขารับรู้ทุกอย่าง ไม่มีใครสักคนเลยรอบตัวเขาที่แสดงความเศร้า มีแต่รอยยิ้ม เล่นกับเขา เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าป่วยอะไร แต่เขาทราบนะว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แต่ด้วยความที่กำลังใจเขาดี มีคนมาให้กำลังใจเขา มาสอนต่อหุ่น พูดคุยกับเขา จึงไม่ได้รู้สึกเหมือนคนป่วยเลย
ผมเชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็รักลูกที่สุดในดวงใจอยู่แล้ว แค่ลูกเป็นไข้ หรือโรคทั่วไป เราก็ยังรู้สึกแย่เลย มันทำร้ายจิตใจมาก สิ่งที่จะผ่านมันไปได้ก็คือ การให้กำลังใจตัวเอง อันนี้คือสิ่งสำคัญเลย ผมเชื่อเสมอว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว เราต้องให้กำลังใจตัวเอง ต้องคิดว่า ลูกเราต้องหาย กำลังใจเหล่านี้จะกำหนดพฤติกรรมเราเอง เราจะมีกำลัง มีแรงในการช่วยประคองกันไป
เด็กทุกคนเขารับรู้ความรู้สึกของพ่อแม่ ถ้าเราไปท้อแท้ให้เขาเห็น เขาจะรู้สึกแย่ แสดงว่าเราหนักมากเลยใช่มั้ย เห็นพ่อเห็นแม่ร้องไห้ เศร้า ไม่กินอะไร เขาจะยิ่งไปกันใหญ่ สิ่งที่จะทำได้คือเราต้องเข้มเข็ง และผ่านมันไปให้ได้ แม้ว่าลูกเราจะเป็นอะไรก็ตาม
ข่าวโดย MGR Live
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Nattapol Komolthon และ น้องโทบี้กันดั้ม สู้มะเร็งเม็ดเลือดขาว
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **