xs
xsm
sm
md
lg

เพราะธรรมะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ “หลวงพี่กาโตะ” อัดคลิป-ยิงมุก ดึงใจเด็กรุ่นใหม่!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ฉายา “พระกาโตะ” คือชื่อที่โซเชียลฯ ยกให้! หลังได้รับชมคลิปสอนธรรมะปนมุกตลก จาก “พระนักเทศน์” ยุคใหม่ ที่มีจุดเด่นคือขวดเครื่องดื่ม พร้อมกับอุ้มหมาวัดไปด้วย โดยได้หยิบเรื่องศาสนามาบอกเล่าในแบบ เข้าใจง่าย หวังให้ เด็กวัยรุ่น” เปิดใจและมีความสุขกับการฟังพระธรรม

เปลี่ยน “ธรรมะ” เป็นเรื่องใกล้ตัว-เข้าใจง่าย

“มนุษย์ที่อยู่บนโลกนี้ หูมี 2 หู ปากมี 1 ปาก แสดงว่าเราควรฟังให้มากกว่าพูด อย่าพูดมากกว่าฟัง แล้วเราจะอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุข”

หนึ่งในประโยคสอนธรรมะที่ปรากฏอยู่ในช่วงต้นคลิปของพระรูปหนึ่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “Tiktok” โดยมีการอุ้มลูกสุนัขขณะสอนธรรมะไปด้วย ซึ่งคลิปที่ว่านี้ได้กลายเป็นที่พูดถึงและมียอดวิวมากถึงหลักแสน หลังสังคมออนไลน์พากันแชร์ต่อไปในวงกว้าง ทำให้ล่าสุด มียอดติดตามในเชนแนลสูงถึง 3 แสนคน!

“พระพงศกร จันทร์แก้ว” หรือที่ตอนนี้โซเชียลฯ พากันเรียกว่า “หลวงพี่กาโตะ” นั่นเป็นเพราะในแต่ละคลิป จะมีเครื่องดื่มยี่ห้อดังกล่าวปรากฏอยู่ด้วยเสมอ แถมพระพงศกร เองได้มีการหยิบยกมุกตลกมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ทางทีมข่าว MGR Live ได้มีโอกาสสนทนากับพระพงศกร ถึงไอเดียในการอัดคลิปสอนธรรมะ

ทราบมาว่าแรงบันดาลใจเกิดจากการที่ท่านเป็นพระบวชใหม่ ถือว่าเป็นพระวัยรุ่นก็ว่าได้ จากตรงนี้จึงอยากให้เด็กๆ และเยาวชนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงธรรมะในแบบง่ายๆ ผ่านคลิปสั้นๆ ไม่กี่วินาที โดยจะมีการสอดแทรกมุกตลกควบคู่กันไปกับการสอนธรรมะ

 
“เดิมแล้วอาตมาเป็นคนตลกเฮฮา วันนั้นที่คลิปดังขึ้นมา จริงๆ คือมีเด็กๆ มาให้อาตมาสอนการบ้านให้ที่วัด พอเด็กกลับบ้านไปก็ทิ้งขวดกาโตะไว้ นี่คือความเป็นมาของชื่อเรียก ซึ่งอาตมาก็ไม่เคยคิด ไม่รู้ว่ากาโตะรสชาติมันเป็นยังไง ซึ่งตอนที่ถ่ายคลิปก็เลยช่วงเที่ยงมาแล้ว กินไม่ได้ ก็เลยคิดว่ามาทำคลิปตลกกันดีกว่า

ซึ่งตอนแรกคลิปของอาตมายังไม่มีธรรมะ เป็นคลิปตลกอย่างเดียว พอคนวิจารณ์ก็ลบคลิปออกไป แล้วลงคลิปขอโทษ หลังจากนั้น ก็มีคนมาให้กำลังใจเยอะมาก มีคนติดตามเยอะมาก อาตมาก็เสียดายคนที่ติดตามเลยตัดสินใจว่าเราน่าจะลงคลิปที่สอนธรรมะได้

แต่ต้องลงทุน คือการเล่นมุกตลกด้วย อาจจะไม่ได้มีมุกเยอะ แต่ต้องมีให้ขำ อย่างถ้าเราพูดธรรมะไปแล้วมีมุกตอนท้ายก็จะทำให้คนไม่เบื่อ พอทำคลิปลงไป ปรากฏว่ามันได้ผลจริงๆ อาตมาเข้าใจเลยว่าตอนนี้เด็กๆ ให้ความสนใจ

คิดว่าน่าจะทำอะไรที่มันต่อยอด จากนั้นก็ลงคลิปเรื่อยๆ ถามว่าประสบความสำเร็จไหม เห็นเลยว่ามันจะมีคลิปที่ยืนที่วัด ซึ่งวัดเพ็ญญาติไม่เคยมีเด็กมาเลย จะมีแต่คนแก่มา จริงๆ ในวัดสวยมากนะ อาตมาเลยเอาวิวตรงนั้นแหละถ่ายลงสื่อโซเชียล

จากนั้นผ่านไป 2 วัน เด็กเข้ามาที่วัดเต็มเลย มาถ่ายรูปในวัด ไม่ใช่เด็กที่บ้านของอาตมาด้วย เป็นเด็กจากที่อื่น เขาก็พูดกันว่าหลวงพี่กาโตะ เห็นที่หลวงพี่ลงแล้ววัดสวย อาตมาก็ว่าดีนะ แสดงว่ามันไม่ได้เป็นผลลบเลย”

สิ่งที่น่าสนใจของคลิปสอนธรรมะที่ถูกเผยแพร่ลงสังคมออนไลน์ นอกจากขวดเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์จนถูกยกให้เป็นชื่อเรียกไปซะแล้ว แต่ยังมีน้องหมาขาประจำที่โผล่หน้ามาเกือบทุกคลิปอีกด้วย ขณะที่เนื้อหาส่วนใหญ่ที่หยิบมาพูดมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและมีความใกล้ตัว

 
“(หัวเราะ) มันเป็นตัวช่วยการแสดง บางคนเขาชอบหมา เขาไม่ชอบพระ แต่พอพระจับหมามันก็ดีไปอีก อาตมาก็เลยเอาหมามาประกอบการแสดงด้วย อาจจะเอามาเล่นตลกด้วยบางคลิป ซึ่งที่เห็นคือตัวเดิมหมดเลย

เจ้าตัวนี้มีคนเอามาทิ้งไว้ที่หน้าอาตมา ก็เลยให้นมกินเพราะสงสาร ทีนี้มันก็ตามมาวัด ซึ่งวัดกับบ้านห่างกันไม่ถึง 500 เมตร พอมันมาอยู่ที่วัด ตอนนี้ตัวใหญ่เลย ส่วนในวิดีโออาตมาจะสอนเรื่องการทำดี สอนการใช้ชีวิตบนโลก และความตาย

เพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ไม่มีใครที่ไม่ตาย แล้วถ้าไม่ทำดีมันก็จะลำบาก ถ้าคุณอยู่บนโลกนี้แต่ใช้ชีวิตไม่เป็น คุณต้องตายแน่นอน อย่างคลิปสอนธรรมะ คนกำลังหัวเราะอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าการหัวเราะก็ได้รับธรรมะไปด้วยแล้ว

นั่นคือการเสพสื่อที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ อย่างเด็กปัจจุบันก็ไม่เข้าวัด ไม่อยากเข้าใกล้พระ แต่พอเห็นคลิปนี้ทำให้เด็กอยากทำบุญขึ้นมา อันนี้คือเรื่องจริง นึกภาพไปลึกๆ ปัญหาของคนปัจจุบันคือ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาเศรษฐกิจ

ถ้าเกิดใครสักคนกำลังจะฆ่าตัวตาย แล้วกำลังเลื่อนโทรศัพท์ไปเจอคลิปที่อาตมาพูดอยู่ ซึ่งมันไม่ได้มีแค่การสอนอย่างเดียว มีทั้งตลกด้วย ถ้าเขาดูจนจบจะเกิดอารมณ์ขันทันที เขาก็จะได้รอยยิ้ม อาตมาเชื่อว่ารอยยิ้มนี้จะไปต่ออายุของเขา ทำให้เขาไม่อยากฆ่าตัวตายต่อ”

“สื่อโซเชียล” ใช้ให้เป็นก็จะเกิดประโยชน์!

“บางคนบอกเป็นพระ สึกเถอะ ถ้าจะมาทำอะไรแบบนี้ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่เห็นด้วยกับเจตนาที่อาตมาทำ มันมีทั้งบวกและลบ ถ้าไม่พูดเรื่องตลกสอดแทรกเลย ธรรมะก็จะไม่น่าสนใจ แต่ทั้งหมดก็ยังต้องมีขอบเขต”

พระพงศกร เปิดใจ หลังมีกระแสทั้งด้านชื่นชมและด้านลบเกี่ยวกับการถ่ายคลิปลงโซเชียลฯ ของพระสงฆ์ ท่ามกลางการตั้งคำถามว่าเรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่ กลับมีอีกกลุ่มมองว่าการใช้สื่อออนไลน์ในการสอนธรรมะนี่แหละ คือเครื่องมือที่มีประโยชน์ ซึ่งจะทำให้เด็กยุคใหม่เข้าถึงพระพุทธศาสนามากขึ้นจากเมื่อก่อน

“อย่างแรกเลยที่อาตมาต้องขออภัยจริงๆ ที่บางคลิปดูแล้วไม่เหมาะสม เพราะเป็นความคิดของพระที่เพิ่งบวชใหม่ แต่อาตมาเชื่อว่าคลิปบางคลิป เป็นคติธรรม เป็นธรรมะ อาตมาอยากใช้สื่อของโซเชียลที่ปัจจุบันนี้ คนส่วนมากใช้เวลากับมือถือแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง

เมื่อได้เห็นคติธรรม เห็นหลักธรรมคำสอน ยิ่งง่ายและชัดเจน จะได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะตอนนี้ทุกคนใช้โซเชียลฯ หมด อย่างนิมนต์พระยังผ่านโทรศัพท์ ผ่านเฟซบุ๊ก ผ่านไลน์เลย ทีนี้มันก็จะมีเรื่องขอบเขต เช่น การร้องเพลง การโยกตัวไปมา หรืออาการของการไม่สำรวม

 
แต่เรื่องมุกตลกยังมีอยู่ เพราะคนสมัยนี้เขารับความบันเทิงมากกว่าสาระ การหาความสุขให้ตัวเองสำหรับอาตมาอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องได้ทั้งความรู้ และได้ธรรมะในการใช้ชีวิตด้วย”

สำหรับเหตุผลที่บวชเป็นพระที่วัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช เป็นความตั้งใจบวชทดแทนบุญคุณ หลังจากที่แม่ของพระพงศกร เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอด ซึ่งขณะนั้นเองพระพงศกรกำลังเรียนอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ แต่ออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วย ทว่า ก่อนหน้านี้ได้มีความสนใจเกี่ยวกับธรรมะอยู่ก่อนแล้วจากการเล่นหนังตะลุง

“มันเกี่ยวโยงกับการแสดงหนังตะลุงของอาตมา เพราะหนังตะลุงถ้าเราไม่ใส่ธรรมะเข้าไปในเรื่อง คนแก่เขาจะว่าเอาได้ ต้องมีทั้งข่าวสารบ้านเมือง และธรรมะสอนใจ ต้องมีฉากพระคุยกับลูกศิษย์ในเรื่องธรรมะ แต่การแสดงธรรมะของอาตมา ถ้าใส่แค่ธรรมะอย่างเดียว หนังตะลุงไม่น่าสนใจแน่นอน ต้องใส่มุกตลกลงไปด้วย

แต่อาตมาคิดว่าเป็นเพราะเราเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ด้วย ถ้าเกิดในยุคเก่าคงไม่คิดแบบนี้ ทีนี้พอเราเป็นพระวัยรุ่นก็ต้องเข้าถึงวัยรุ่น จะให้เราไปเข้าถึงคนแก่ก็เป็นไปไม่ได้ บวกกับตอนนี้อาตมาเป็นพระนักเทศน์ด้วย เทศน์หลายงานเลย ซึ่งสาเหตุที่เทศน์ได้ก็เพราะเป็นหนังตะลุงนี่แหละ สิ่งนี้เป็นผลพลอยได้

ส่วนเหตุผลที่บวช ก่อนหน้านี้อาตมาอยู่กับแม่สองคน เรียนจบ ม.6 ก็เข้าเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี แต่ก็ออกมาเลี้ยงแม่ เพราะคิดว่าการจ้างคนมาดูแลท่านมันไม่เหมือนกับที่เราดูแลเอง แม่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้ 6 เดือน แต่จริงๆ แล้วอยู่มาได้ 2 ปี เพราะกำลังใจที่เราให้ท่าน

 
ในเมื่อถึงเวลาที่ท่านเสียชีวิต อาตมาเลยตัดสินใจว่าจะต้องบวชเพื่อแม่ เพราะอยากทำหน้าที่ของลูกให้เสร็จสมบูรณ์ที่สุด ในชีวิตนี้มีแต่โยมแม่แค่คนเดียว การบวชในครั้งนี้จึงขออุทิศบุญให้แก่โยมแม่ และอยากให้แม่นอนหลับสบาย ได้เป็นนางฟ้ามองดูข้างบน อาตมาเชื่อว่าแบบนั้น

หลังจากนี้อยากกลับไปเรียนต่อ แต่คงเป็นคณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาไทย คิดว่าจะตั้งต้นใหม่เพราะใจจริงเราอยากเป็นครูมากกว่า น่าจะเข้าคณะมนุษยศาสตร์ ภาษาไทย แล้วค่อยเรียนต่อครูเอาในอนาคต”

สุดท้าย พระพงศกรได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ด้วยว่า อยากให้หันมาดูแลรักษาพุทธศาสนามากขึ้น เพราะธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ได้กำหนดช่วงวัย ทุกคนสามารถเข้าใจหลักคำสอนได้

“จริงๆ แล้ว พระพุทธศาสนาไม่ได้กำหนดวัย แต่ทำไมวัยรุ่นถึงไม่เข้าถึงสิ่งเหล่านี้ ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จริงที่สุดในการใช้ชีวิต และเห็นได้โดยตรงโดยแท้ แต่เด็กๆ กลับไปเห็นสิ่งอื่นๆ สำคัญกว่าสิ่งนี้ อาตมาก็อยากให้ทุกคนหันมาดูแลทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทางบวกมากขึ้น”

ข่าวโดย MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


กำลังโหลดความคิดเห็น