แค่แบ่งปันก็สุขใจ! ครูใจบุญทุ่มเทแรงกายแรงใจประดิษฐ์วีลแชร์เพื่อน้องหมา-แมวพิการ ให้กลับมาเดิน-วิ่งได้อีกครั้ง ฟรีทั่วประเทศ ย้ำยึดหลักคำสอนพ่อหลวง “ช่วยเหลือ-แบ่งปัน” พร้อมเป็น “ผู้ให้” ทั้งเพื่อนมนุษย์ และสัตว์ ชี้ความ “อิ่มอกอิ่มใจ” คือรางวัลชีวิต ย้ำจะสู้ทำวีลแชร์จนกว่าไม่มีแรงจะทำ!
สะพานบุญ...ช่วยเหลือสี่ขา
“กว่า 15 ปีที่ผมเป็นอาสาของหน่วยแพทย์กู้ชีวิตของวชิรพยาบาล บางครั้งเจอเคสน้องหมาวิ่งตัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์ทำให้รถล้ม คนบาดเจ็บเราช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาล แต่น้องหมาที่เขาถูกรถชน ร้องเอ๋งๆ อยู่ด้านหลัง ไม่มีใครช่วยเหลือดูแล”
ครูมล - วิมล ทับธานี ครูฝึกสอนกีฬาที่สโมสรของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และอาสาสมัครกู้ชีพวชิรพยาบาล บอกเล่าให้ทีมข่าว MGR Live ฟังผ่านปลายสายถึงแรงบันดาลใจ ในการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวที่ต้องประสบอุบัติเหตุถึงขั้นพิการเดินไม่ได้
จากความสงสารกลายมาเป็นความช่วยเหลือ สละเวลาและเงินส่วนตัวประดิษฐ์วีลแชร์ช่วยน้องหมาน้องแมวพิการจากอุบัติเหตุ โดยครูมล จะใช้เวลาหลังเลิกงาน และวันหยุด มาช่วยกันผลิตวีลแชร์ ซึ่งแต่ละสัปดาห์จะสามารถผลิตได้ประมาณ 30 - 40 คัน โดยขณะนี้ยอดขอวีลแชร์ จำนวน 5,000 ตัวแล้ว
ทว่า ความตั้งใจแรกของครูมล ตั้งเป้าผลิตวีลแชร์ไว้ที่ 100 ตัว ด้วยเงินส่วนตัวรวมถึงส่งฟรี! ซึ่งราคาโดยเฉลี่ยตัวละ 500 บาท แต่ความต้องการล้นหลามหลังโลกโซเชียลฯ แชร์กันมากมาย จึงทำให้ตอนนี้ครูมล กลายเป็นสะพานบุญ
เปิดรับบริจาคเงินเพื่อสบทบทุน และรับอุปกรณ์ทำวีลแชร์ เช่น ท่อพีวีซี ข้อต่อ ล้อ พลาสติก สายผ้าปรับระดับ สกรู สายยางใส ยางหุ้มท่อแอร์
“ผมศึกษาวิธีทำวีลแชร์ผ่านยูทูป ช่วงแรกก็ทำอยู่คนเดียวประมาณ 2 เดือน ใช้งบส่วนตัวในการทำ ความตั้งใจแรกว่าจะทำ 100 ตัว ทำให้ฟรี ส่งให้ฟรีทั่วประเทศ กระทั่งมีคนแชร์ออกไป ครูมลก็ไม่ได้คาดคิดว่า น้องหมาน้องแมวในเมืองไทยจะพิการเยอะขนาดนี้
ช่วงแรกมีสายโทรศัพท์เข้ามาหาครูมลเป็นร้อยๆ พันๆ สายเลยว่าอยากจะได้วีลแชร์ จากนั้นก็เลยได้เพื่อนอาสาสมัครมารวมตัวช่วยกันทำ ทำให้วันเสาร์อาทิตย์ เราได้จำนวนการผลิตที่มากขึ้น 50-80 ตัว”
ทั้งนี้ วีลแชร์ของครูมลจะแบ่งเป็น 3 ไซส์ คือ s สำหรับหมาเล็กและแมว น้ำหนัก 2-5 กิโลกรัม ไซส์ M สำหรับหมาขนาดกลาง 5-10 กิโลกรัม และ L สำหรับหมาใหญ่ 10-40 กิโลกรัม
“ก็ตั้งใจว่าจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่มีแรงทำ ครูมองว่าน้องหมาน้องแมวที่เขาพิการ หรือเกิดอุบัติเหตุ เขายังรอความช่วยเหลืออยู่ หากเราเกิดหยุดทำ วันข้างหน้าเขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เขาจะเอาวีลแชร์ที่ไหนมาใช้งาน
ส่วนใหญ่คนที่ร่วมทำบุญคือเจ้าของน้องหมาแมวที่ได้รับวีลแชร์แล้ว เขาขอครูก็ส่งไปรษณีย์ไปให้ ทำให้ฟรี ส่งให้ฟรีก่อนเลย ไม่ได้คิดตังค์ แต่ส่วนใหญ่คนที่ได้รับของแล้วก็จะโอนเงินมาให้ครูเข้าบัญชีกองกลางที่ครูไปเปิดไว้เป็นกองทุนทำให้น้องหมาน้องแมว บางท่านก็ร้อย สองร้อย ห้าร้อยบ้าง ครูก็จะเบิกมาใช้จ่ายต่อในการซื้ออุปกรณ์
ทุกวันนี้ ถามว่าเงินในบัญชีพอมั้ย ก็ไม่น่าจะพอหรอกครับ แต่ครูอาศัยว่า เรามีแค่นี้ เราก็ทำแค่นี้ แต่ก็มีทางบ้าน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาทราบข่าวก็จะร่วมบริจาคอุปกรณ์มาให้ด้วย ส่วนไหนที่ขาดเหลือ จำเป็นต้องใช้เงินซื้อ พวกล้อ ครูก็เอาเงินที่คนร่วมทำบุญไปซื้อพวกล้อ พวกท่อที่มีคนบริจาคมา เราก็ไม่ต้องไปซื้อแล้ว”
อย่างไรก็ตาม วีลแชร์นี้ไม่ได้ใช้กับน้องหมาน้องแมวทุกตัวได้ ครูมลแนะนำส่งภาพ หรือคลิปวิดีโอมาให้พิจารณาก่อนได้ที่เบอร์โทร.09-5538-6076
“ถ้าเป็นพิการแบบสองขาหลังแต่ขาหน้าเดินได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา ใส่ได้ น้องหมาน้องแมวจะใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ส่วนเคสที่หนักๆ แบบพิการทั้ง 4 ขาเลย นอนอยู่กับพื้น ไม่สามารถลุกไปไหนเป็นเวลาสองสามปีแล้ว
พอมาทราบว่าครูทำวีลแชร์ทางเจ้าของก็ติดต่อขอรับวีลแชร์ พอไปใส่ให้เขา แน่นอนเขาไม่ได้เดินมาเป็น 2-3 ปี ระบบพวกเส้นประสาทเขาจะไม่สามารถทำงาน บางตัวจึงทำงานไม่ได้ เอาไปแทนที่เขาจะนอนเฉยๆ ก็เอาไปยืนให้น้องหมาใส่เพื่อที่จะได้ยืนมากกว่า แต่ให้กลับไปเดินคงไม่ได้ขนาดนั้น”
ยึดคำสอนพ่อหลวง ร.๙ แบบอย่าง “ช่วยเหลือ-แบ่งปัน”
“ผมเชื่อว่า..การทำเพื่อคนอื่น ถึงแม้จะเสียเวลาส่วนตัวบ้าง คงไม่เป็นไร เพราะพ่อหลวง ได้สอนลูกๆ ทุกคนเอาไว้ ให้เรารักกันและรู้จักช่วยเหลือกัน”
ครูมล ชี้ดำรงชีวิตด้วยการยึดหลักคำสอนพ่อหลวง ร.๙ “ช่วยเหลือ-แบ่งปัน” ยืนยันกว่า 2 ปีที่ผ่านมาในการประดิษฐ์วีลแชร์ช่วยเหลือน้องหมาน้องแมว สิ่งที่ได้รับคือ “ความอิ่มอกอิ่มใจ” ในการเป็น “ผู้ให้”
“ท่านเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ครูมลอยากแบ่งปัน ครูมองว่า ในหลวงของเรา รัชกาลที่ ๙ ท่านเป็นคนสอนให้พวกเรารู้จักช่วยเหลือกัน รู้จักแบ่งปัน ครูก็ยึดหลักคำสอนของท่านมาเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต ช่วยเหลือคน ได้แบบอย่างของพ่อหลวงมาใช้
สิ่งที่ครูทำเราไม่ได้คาดหวังว่า จะต้องได้อะไร สิ่งที่ครูรู้สึกในใจมากกว่า คือ เราได้เป็นผู้ให้ และความอิ่มอกอิ่มใจก็จะเกิดขึ้นมากกว่า เราไม่ได้คิดว่า ต้องได้รับรางวัลไม่ขนาดนั้นเลย แค่ได้เป็นผู้ให้ เราก็ดีใจแล้ว
และยิ่งหลายเคสที่เวลาเขาได้รับวีลแชร์ส่งคลิปน้องหมาน้องแมวที่พิการมาให้ จากที่เขาเดินไม่ได้ พอได้ใส่วีลแชร์เริ่มเดินได้ ไปไหนมาไหน ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนได้ นี่คือรางวัลที่ได้ตอบรับกลับมา
ทำให้เรารู้ว่า เวลาที่เราสูญเสียไป ไม่ได้เสียเปล่าเราอาจจะเหนื่อยบ้าง แทนที่แต่ก่อนเราได้พักผ่อนหลังจากที่เราสอนเสร็จ นี่เราก็ไม่ได้พักผ่อนแล้วต้องใช้เวลาตรงนี้มาทำวีลแชร์ให้เขา แต่ครูก็คิดว่าไม่เป็นไร ขอแค่น้องหมาน้องแมวเขามีชีวิตที่ดีขึ้น ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”
ความมีน้ำใจที่เปี่ยมล้นในตัวครูมลนั้น ได้ถูกซึมซับส่งผ่านดีเอ็นเอมาจากคุณพ่อคุณแม่เมื่อครั้งเยาว์วัย
“ลูกอย่าเป็นคนเก่ง แต่แล้งน้ำใจ ลูกจงเป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่รู้จักให้และเมตตานะลูก" คำสอนของคุณพ่อคุณแม่ของครูมลที่ทำให้กลายมาเป็นตัวตนในวันนี้
“ในแต่ละวัน ครูจะมีเวลาจำกัดมาก ถ้าวันธรรมดา ตอนเช้าอาจจะมีไปสอนข้างนอกก่อน กลับมาอีกที 10 โมง แล้วครูจะเข้างานประจำเที่ยงถึงสามทุ่ม นั่นหมายความว่าช่วง 10 โมงถึงเที่ยง 2- 3 ชั่วโมง นี่คือเวลาที่ทำวีลแชร์ และในขณะทำวีลแชร์ ก็จะฟังวิทยุจากหน่วยอาสาไปด้วย หากเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ของเรา ก็จะรีบไปช่วยเหลือประชาชน เท่ากับว่า ครูจะทำวีลแชร์หลักๆ คนเดียวในช่วงวันธรรมดา ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็มีทีมงานมาช่วยทำ 5-6 ท่าน
บางทีนั่งทานข้าวอยู่กับครอบครัว มีโทรศัพท์เข้ามาต้องการวีลแชร์ ภรรยาครูก็บอก คุณทานข้าวก่อนได้ไหมค่อยรับ แต่ครูก็มองว่า น้องหมาน้องแมวที่เขาพิการ เจ้าของเขาคงจะเดือดร้อน เขาถึงโทร.หาเรา บางทีก็ต้องหยุดทานข้าวเพื่อที่จะรับสาย
ครูอยากให้หลายหน่วยงานหรือทางภาครัฐ เอกชน มาเรียนรู้ฝึกทำกัน และนำความรู้ไปเผยแพร่ ช่วยกันทำแจกจ่ายให้น้องหมาน้องแมวในจังหวัดต่างๆ ที่ทางหน่วยงานอยู่ ส่งตัวแทนมาเรียนรู้กับคุณครู พอได้เรียนรู้เสร็จได้วิชาก็ไปช่วยกันประกอบทำ แจกจ่ายให้คนในพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียง
ครูอยากให้เป็นแบบนั้นมากกว่า เพราะถ้าให้ครูทำคนเดียว ยอดสั่งจองทั่วประเทศเข้ามาที่ครูคนเดียวจะช้ามาก บางทีน้องหมาน้องแมวก็เสียชีวิตก่อนเพราะบาดเจ็บเยอะ รอไม่ไหว”
โดย ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก “วิมล ทับธานี”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **