xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์วิถีธรรม VS แพทย์แผนปัจจุบัน “กินฉี่” ดีจริงหรือมโน?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หมัดต่อหมัด! แพทย์วิถีธรรมเผยสารพัดวิธีใช้ “ฉี่” รักษาโรค ดื่ม-หยอดตา-ล้างหน้า-รักษาแผล อ้างเป็นยาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ด้านแพทย์แผนปัจจุบันสวนกลับ กินไปก็ไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังมีโทษกับผู้ป่วยโรคไต ย้ำข้าว 1 ช้อนยังมีประโยชน์มากกว่า!!



ยืน 1 ไม่พึ่งหมอ “ฉี่” รักษาโรคครอบจักรวาล?!

กลายเป็นประเด็นร้อนๆ ที่สะเทือนวงการแพทย์จนน้ำมันกัญชาต้องหลีกทางให้แก่กระแสการ “ดื่มปัสสาวะรักษาโรค” ที่ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง อันเนื่องมาจากโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อข้อความจากชายคนหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ได้เผยสูตรลับที่ทำให้ลูกค้าติดใจ ด้วยการนำ “ปัสสาวะ” ของตนเองใส่ลงในน้ำซุป ทั้งยังอวดอ้างสรรพคุณด้วยว่า ลูกค้ากินแล้วหายปวดเมื่อย

ไม่เพียงแค่ประเด็นก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปปัสสาวะ ล่าสุด ยังมีกรณีสุดยี้ ที่มีครูจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ที่โพสต์ข้อความว่า ตนเองนำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพรมาแจกเด็กนักเรียนที่ไม่สบายแทนยา พบว่าเด็กส่วนใหญ่เมื่อกินเข้าไป อาการไม่สบายจะหายไปทันที โดยจะหลอกเด็กว่าเป็นน้ำมนต์มาจากวัด ทั้งยังทิ้งท้ายว่า “ไม่เชื่อก็ต้องลอง” ทำเอาคนที่ได้รับรู้เรื่องราวถึงกับคอแข็งไปตามๆ กัน




สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทีมข่าว MGR Live ได้ทำการสืบค้นข้อมูล พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถูกนำมาจากกลุ่มเฟซบุ๊ก “มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ ยาดีที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้” ที่เป็นการรวมตัวกันของคนที่เชื่อในสรรพคุณของน้ำปัสสาวะ มีสมาชิกอยู่นับ 10,000 คน

โดยการพูดคุยกันภายในกลุ่ม จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ของแต่ละคน ผ่านการรักษาโรคด้วยการนำปัสสาวะมาใช้ทั้งภายในและภายนอก เป็นต้นว่า หากหน้าเป็นสิวก็ใช้ปัสสาวะทาทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก จะทำให้หน้าเนียนนุ่ม หากดวงตาฝ้าฟางก็ให้ใช้ปัสสาวะหยอดดวงตาก็จะทำให้ดวงตาสดใส



หากดื่มเข้าไปก็จะช่วยในเรื่องของอาการปวดเมื่อยต่างๆ แก้อาการภูมิแพ้ โรคนิ่ว หรือใครก็ตามป่วยด้วยโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็ง แล้วแพทย์แผนปัจจุบันไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น ก็มีการกล่าวกันว่าการดื่มปัสสาวะคืออีกทางเลือกที่จะช่วยให้หายจากโรคร้ายได้เป็นปลิดทิ้ง หลายคนยังโพสต์ภาพตนเองดื่มปัสสาวะโชว์จะจะก็ยังมี!

ทางด้าน "ใจเพชร กล้าจน” หรือที่คนส่วนมากคุ้นเคยกันในนาม “หมอเขียว” ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์ทางเลือกวิถีธรรม ที่มีความเชื่อว่า “หมอที่ดีที่สุดในโลกคือตัวเราเอง” ซึ่งเป็นบุคคลที่สมาชิกในกลุ่มนั้นให้ความนับถือ เพราะคือผู้นำสูตรการดื่มนำปัสสาวะมาเผยแพร่ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำปัสสาวะมีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกนานแล้ว พบว่าสามารถรักษาโรคร้ายได้จริง



ประกอบกับตนเองเคยป่วยเป็นไข้รากสาดใหญ่ และอาการทรุดหนักจนเกือบเสียชีวิต จึงนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการใช้น้ำปัสสาวะ หมอเขียวได้ทดลองดื่มเพราะรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย ครั้งแรกที่ลองยอมรับว่าฝืนใจมาก แต่เมื่อดื่มติดต่อกันแล้วก็พบว่าอาการป่วยดีขึ้น และตนเองได้กินติดต่อมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน

“ตอนเด็กๆ ก็ไม่เชื่อ ได้ฟังจากหลายๆ ที่ เราปฏิบัติธรรมก็ได้ข้อมูลมา ก็เลยลองกินแล้วดีขึ้น ปัสสาวะเป็นพิษอ่อนๆ เมื่อดื่มเข้าไปก็ช่วยให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมาดักจับเชื้อโรค ทำให้ร่างกายแข็งแรง”

แต่ขณะเดียวกัน เพจ “Ohmybuddha” เพจที่ให้ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาโดยใช้ภาพการ์ตูนเป็นสื่อเพื่อให้เข้าใจง่าย ก็ได้ออกมาแย้งถึงชุดข้อมูลจากหมอเขียวที่ว่า การนำปัสสาวะมาดื่มคือสูตรยาที่พระพุทธเจ้ามอบให้ ว่าไม่ถูกต้อง เพราะในสมัยนั้นไม่ได้มีการดื่มปัสสาวะเปล่าๆ แต่ต้องใช้สมุนไพรหรือผลไม้ผสมลงไปเพื่อให้ยามีประสิทธิภาพ และที่สำคัญปัสสาวะที่ใช้ดองนั้นไม่ใช่ของคน หากแต่เป็นของวัว



“ในกาลก่อน การแพทย์ไม่เจริญพัฒนา หยูกยาสามารถหาได้ยากนัก พระพุทธเจ้าท่านทรงเล็งเห็นว่า ผลไม้บางชนิด ลูกหมาก รากไม้ ที่มีสรรพคุณทางยา สามารถเอามาทดแทนได้ แต่จะให้พระก่อฟืน ต้มยา ก็ออกจะขัดๆ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ "ทำยาดองเสีย" อ้าว แล้วยาดองเนี่ย ทำอย่างไร สมัยนี้บ้านเรามีซุ้มยาดองที่ดองจากเหล้าเต็มไปหมด แต่ศีลห้าให้ไกลจากสุรา เหล่าพระจะเอาสิ่งใดมาดองยา

ก็มี “ปัสสาวะ” หรือที่เรียกกันในแบบพุทธๆ ว่าน้ำมูตรเน่า นี่แหละ ที่มันมี “ยูเรีย" ฉุนกึ้ก เมื่อดองไว้กับลูกไม้ มันก็สามารถคั้นเอาสรรพคุณทางยาออกมาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาอาการป่วย หรือถ้าอยู่ป่าแล้วขาดน้ำ ฉี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้รอดได้ ไม่ได้ให้กินเข้าไปเป็นล่ำเป็นสันแบบสดๆ ซัดโฮกๆ…อ่าห์ บายใจ

สมัยนี้การแพทย์พัฒนา หลายๆอย่างเข้าถึง ถ้าไม่ได้ลำบากนัก พบแพทย์ตรวจสุขภาพ ทำตามคำแนะนำ ออกกำลังกาย ห่างไกลสิ่งเสพติด หลับสนิท น้ำปัสสาวะ ก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นหรอก…”



ข้าวหนึ่งคำยังมีประโยชน์มากกว่าฉี่!!

แม้จะมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อในพลังการรักษาโรคสุดอัศจรรย์จากของเหลวชนิดนี้ แถมยังชักชวนคนอื่นๆ ให้เปิดใจลอง แต่ในขณะเดียวกัน คนส่วนใหญ่ในสังคมกลับไม่ได้ไม่รู้สึกคล้อยตามไปด้วย เพราะมองว่าปัสสาวะคือของเสียที่ร่างกายขับออกมา จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำไปดื่ม ในเมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันก็มีความก้าวหน้าและปลอดภัยมากกว่าการที่ต้องรักษาโรคด้วยวิธีนี้

ในส่วนของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายฝ่ายเร่งออกมาให้ความรู้ตามช่องทางต่างๆ ถึงเรื่องของปัสสาวะรักษาโรค ที่นอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้ว ยังก่อให้เกิดโทษหากดื่มหรือนำมาชะล้างส่วนต่างๆ ของร่ายกาย



“ภาคภูมิ เดชหัสดิน” หรือ “หมอแล็บแพนด้า” นักเทคนิคการแพทย์สายฮาขวัญใจโลกโซเชียลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาเคลื่อนไหวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาให้ข้อมูลผ่านคลิปวิดีโอ โดยงัดข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ออกมาชนกับกลุ่มความเชื่อดังกล่าว

“เห็นคนเชื่อสูตรโบราณ ก็อาจจะเอาปัสสาวะวัวมาดองสมุนไพรมารักษาโรค เพราะเมื่อก่อนไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรรักษา แต่ปัจจุบันความรู้มันก้าวไกล ในปัสสาวะประกอบด้วย น้ำ 95% ยูเรีย 2.5% และแร่ธาตุอื่นๆ อีก 2.5% ซึ่งในปัสสาวะมีแร่ธาตุเยอะมากมาย แต่ถ้าสกัดแร่ธาตุออกมาแต่ละตัว กลับมีประโยชน์น้อยมาก น้อยกว่าข้าวคำเดียวที่กินเข้าไป

ส่วนที่ทาหน้าทำไมนุ่ม เพราะในปัสสาวะมียูเรีย ซึ่งเหมือนมอยส์เจอไรเซอร์ทำให้ผิวหน้ารู้สึกนุ่ม ครีมถูกๆ ยังมียูเรียเยอะกว่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเอาปัสสาวะมาทาหน้า



บางคนเอาไปหยดใส่แผล ผมส่องยูเรียทุกวัน มีทั้งเลือด ทั้งแบคทีเรียเต็มไปหมด บางคนใส่แล้วเลือดหยุดไหล ความจริงร่างกายมีกระบวนการในการห้ามเลือดอยู่แล้ว ถามว่าทำไมถึงอยู่ได้ เพราะมันไม่มีโทษร้ายแรงและไม่มีประโยชน์ที่ชัดเจนมันถึงอยู่ได้ ถ้าเราอยากให้มันเป็นยาจริงๆ ก็วิจัยเลยครับ ทดลองในแล็บกับสัตว์กับมนุษย์ แต่ที่ไม่มีการวิจัยก็มันไม่ได้ผล เฉพาะฉะนั้นเลิกนะครับ ถ้าใครในครอบครัวหลงเชื่อก็ตักเตือนหรือเอาคลิปนี้ให้เขาดูก็ได้ เลิกเถอะครับ”

เช่นเดียวกับทางด้านของเพจ “กระทรวงสาธารณสุข” ก็ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า อย่าหลงเชื่อว่าการดื่มปัสสาวะจะรักษาโรคได้ อีกทั้งยังมีผลเสียตามมามากมาย เพราะไม่สามารถควบคุมการลุกลามของโรคได้ รวมทั้งอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้อีกด้วย และที่สำคัญ การใช้น้ำปัสสาวะบำบัดยังมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือออกมารับรองว่ารักษาโรคได้จริงอีกด้วย

และนอกจากนี้ ยังเคยมีบทสัมภาษณ์ของ สมยศ ดีรัศมี รองอธิบดีกรมการแพทย์ในขณะนั้น ก็ได้ย้ำถึงอันตรายที่ผู้ป่วยจะได้รับหากดื่มปัสสาวะเข้าไป โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต



“ผมไม่ขอวิจารณ์เกี่ยวกับการรักษาในแพทย์ทางเลือกในเรื่องนี้ แต่ในส่วนของทางแพทย์แผนปัจจุบันนั้น ไม่แนะนำให้ดื่ม เนื่องจากน้ำปัสสาวะเป็นของเสียที่ขับสารที่เป็นส่วนเกินของร่างกายออกมา เมื่อดื่มเข้าไปก็เหมือนกับเรากินของเสียกลับเข้าไปอีก ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ และไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ และหากผู้ที่ดื่มปัสสาวะเป็นโรคไตอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้ไตเป็นอันตรายเพิ่มมากขึ้น และอาจเกิดภาวะไตวายได้

ปัสสาวะของแต่ละคนมีการขับสารต่างๆ ที่ไม่เท่ากัน จึงไม่สามารถนำมาวัดเพื่อใช้ในทางการรักษาโรคได้ เพราะแม้แต่การให้ยายังต้องวัดเพื่อคุมปริมาณการให้ยาที่เหมาะสมต่อร่างกายในการรักษาโรค จึงไม่แนะนำให้ดื่มกันในทางแพทย์ปัจจุบัน อีกทั้งสารต่างๆ เหล่านั้นมีอยู่ในอาหาร 5 หมู่ ดังนั้น เมื่อเราสามารถเลือกกินจากอาหารได้ เหตุใดต้องมาดื่มจากน้ำปัสสาวะ และไม่มีความจำเป็นที่จะวิจัยเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ปัสสาวะเป็นของเสียของร่างกาย ในทางแพทย์แผนปัจจุบันมีวิธีการอื่นในการรักษาโรคที่ดีกว่า”

แม้จะมีบุคลากรทางการแพทย์ออกมายืนยันว่า การดื่มปัสสาวะรักษาไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มยืนยันที่จะเลือกการรักษาโดยแพทย์วิถีธรรมต่อไป ซึ่งในขณะนี้คนในสังคมที่ไม่ได้เชื่อในแพทย์ทางเลือกดังกล่าว ได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะไม่เจอแจ็กพอตอย่างในกรณีของก๋วยเตี๋ยวใส่ปัสสาวะ หรือครูนำปัสสาวะให้นักเรียนดื่มแทนยาเลย ...




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น