xs
xsm
sm
md
lg

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว!! เจาะใจดาบตำรวจ "ปลุกไปเรียน-พาไปสอบ" ทำได้เพื่อประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เป็นทุกอย่างให้ประชาชนแล้ว! เปิดใจตำรวจไทยกับเคสแรกช่วยปลุกเด็กไปสอบ ทำเอาเรียกรอยยิ้มพร้อมเสียงชื่นชมเป็นจำนวนมากกับกลวิธีเกลี้ยกล่อมเพียง 5 นาที ยอมลุกอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนทันที พร้อมยืนยันอาชีพตำรวจคือหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนทุกอย่าง!!

ปลุกเด็กไปเรียน ตำรวจไทยก็ทำได้!!

เป็นทุกอย่างให้ประชาชนแล้วจริงๆ สำหรับตำรวจไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุด่วนเหตุร้าย ทำคลอดกลางถนน รับส่งคนป่วย ช่วยได้หมด

ล่าสุด เมื่อมียายคนหนึ่งได้ไปขอร้องอ้อนวอนให้ตำรวจไปเกลี้ยกล่อมหลานชาย ที่ไม่ยอมตื่นไปสอบ ทำให้คนแห่ชื่นชมตำรวจรายนี้เป็นจำนวนมาก ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือ แม้เรื่องดังกล่าวอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม แต่ก็เป็นความเดือดร้อนที่ส่งผลต่อเด็กและผู้ปกครอง

ด.ต.เจด็จ เพชรวิชิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงเรื่องราวกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยเล่าว่าในช่วงเช้าปฏิบัติหน้าที่จราจรอยู่ที่หน้าโรงเรียนไชยวานวิทยา อยู่ๆ ก็มียายท่านหนึ่งเข้ามาขอร้องให้ไปช่วยปลุกหลานชาย เพราะกลัวว่าจะมาสอบไม่ทันเพื่อน จึงรีบขับรถตามคุณยายไปที่บ้าน พร้อมขับรถมาส่งเด็กทันเวลาสอบพอดี



“เราไปกัน 2 คนครับ มีผม แล้วก็ ด.ต.สุเวศน์ ศรีสุข เพื่อนตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันที่หน้าโรงเรียน อยู่ดีๆ ยายท่านหนึ่งก็ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาหา พอเห็นพวกผมทั้งสองคน คุณยายก็เข้ามาคุย มาขอร้องให้ไปช่วยปลุกหลานมาสอบหน่อย หน้าตาเหมือนจะร้องไห้ คร่ำครวญกลัวว่าหลานจะไม่ได้สอบ แกก็ได้แต่พูดว่า ช่วยหน่อยๆ ขอความช่วยเหลือจริงๆ แกอยากจะให้หลานมาสอบ แต่หลานไม่ยอมมาสอบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ยายเล่าให้ผมฟังว่าปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ทำยังไงก็ไม่ยอมมาโรงเรียน ไม่ยอมไปสอบ เด็กคนนี้เป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนไชยวานวิทยา ยายก็ได้แต่พูดว่าขอร้องให้พาหลานไปสอบให้หน่อย เพราะว่ายายไม่มีความสามารถแล้ว หมดปัญญาแล้ว

ผมก็ขับรถตามยายไปที่บ้านทันที บ้านกับโรงเรียนห่างกันประมาณ 7 กม. พอผมไปถึงบ้าน ก็เข้าไปในบ้าน คุณยายก็เปิดบ้านให้เข้าไปเรียบร้อย


เข้าไปในบ้านก็เจอเด็กนอนเอาผ้าคลุมหัว เราก็พูดเชิงแหย่เล่นๆ ว่า ก็น่ากลัวเหมือนกันนะถ้าพูดถึง อยากให้เด็กผ่อนคลาย ก็เลยพูดเชิงเล่นๆ ไป”


ดาบเจด็จเล่าให้ฟังอีกว่า ใช้เวลาในการเกลี้ยกล่อมอยู่ 5 นาที เด็กก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันที โดยคำพูดที่เกลี้ยกล่อมนั้น เป็นการให้กำลังใจ ไม่ดุด่า เพราะกลัวว่าจะเกิดความเสียใจทำให้บั่นทอนจิตใจแล้วไม่มีสมาธิในการสอบ


[ด.ต.เจด็จ เพชรวิชิต (ซ้าย), ด.ต.สุเวศน์ ศรีสุข (ขวา)]

“หลังจากผมเข้าไปก็เรียกให้ลุกขึ้นมา ยายก็เข้ามาเกลี้ยกล่อมอีกแรง ใช้เวลา 5 นาที เด็กก็ตื่นขึ้นมา พอตื่นขึ้นมาเราก็บอกว่า ถ้าขาดสอบก็จะไม่จบ ม.3 นะ ก็พูดดีๆ ด้วย เราไม่ตวาด ไม่ด่า ไม่พูดแรงๆ ใส่ เราไม่พูดในเชิงที่ไม่ดี ไม่ได้พูดขู่ให้เด็กกลัวนะ

ก็เกลี้ยกล่อมว่าไปสอบเถอะ ให้มันจบ ม.3 ก็ยังดี ถ้าไม่ไหวจริงๆ เอาแค่ ม.3 ก็ได้ อย่าให้ยายเสียใจเลย เพราะว่าแม่ก็อยู่เมืองนอก เด็กก็อยู่กับยายแค่สองคน ยายก็เป็นดูแลคอยเฝ้าหลาน ยายแกก็อยากให้หลานไปเข้าสอบ กลัวว่าจะขาดสอบ ผมกับเพื่อนตำรวจก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อมใช้เวลาประมาณ 5 นาที แกก็ลุกไปอาบน้ำ

ก็พูดในทางที่ดีกับเขา พูดอย่างมีเหตุผล พอลุกขึ้นมาแกก็หน้าตาไม่พอใจนิดหนึ่ง คงจะไม่พอใจยายที่อยู่ดีๆ ก็พาตำรวจมา ก็รีบลุกไปอาบน้ำ รีบใส่ชุดนักเรียน ตอนนั้นเด็กดูไม่ได้ตกใจอะไร แต่ดูหน้าบูดๆ เราก็พูดเล่นพูดหัวกับเด็กไป ให้เขามีรอยยิ้ม ผ่อนคลายให้เขาสบายใจ ในการไปสอบ กลัวว่าถ้าไปขู่แกมาก เดี๋ยวจะสอบตกเอา แกคงไม่พร้อมหรือยังไงก็ไม่รู้ เพราะว่าแกตื่นสาย อีกอย่างยายก็ไปปลูกก็ไม่ตื่น คงจะกลัวยายแกเสียใจจึงคิดได้ลุกไปแต่งตัว”

ไม่เพียงแค่นั้น ดาบเจด็จ ยังพูดอธิบายถึงเหตุผลพร้อมให้แง่คิดว่าทำไมถึงต้องไปเรียน ไปสอบให้ทันเวลา พร้อมยอมรับอีกว่าเคสปลุกเด็กไปโรงเรียนถือเป็นเคสแรกตั้งแต่ทำอาชีพตำรวจมา

“ผมก็พูดกับเขาว่า ถ้าเกิดไม่ไปสอบ ขาดสอบ ก็ต้องเรียนใหม่ เรียนใหม่ก็เสียเวลาอีก เราก็อธิบายเหตุผลให้ฟัง ผมก็เป็นคนพามาโรงเรียน พอมาถึงเวลาก็ทันสอบพอดี ในเวลา 9 โมงพอดี ก็ช่วยน้องเขาถึงขนาดนั้นแหละ พอเข้ามาในโรงเรียนก็พาไปพบครูฝ่ายปกครองแล้วก็วิ่งขึ้นห้องสอบ ครูเขาก็ให้สอบ ก็ทันพอดี น้องก็ได้สอบกับเพื่อนๆ”

“ตำรวจคืออาชีพให้บริการแก่ประชาชน”

“ผมก็ทำตามหน้าที่ที่สามารถทำได้ ให้ความช่วยเหลือประชาชน เพราะอาชีพตำรวจคืออาชีพบริการให้แก่ประชาชน และกินภาษีราษฎร กินเงินเดือนหลวง กินภาษีชาวบ้าน เราก็นึกถึงตลอด เราก็ทำหน้าที่ของเรา อันไหนที่เราช่วยได้ เราก็พร้อมช่วยเหลือ ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าเราสามารถช่วยเขาได้ ในเมื่อเขามาขอความช่วยเหลือจากเราแล้ว”



ดาบเจด็จ ย้ำถึงหน้าที่ของอาชีพตำรวจที่ควรจะให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในทุกๆ ด้าน พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงคุณยายและเด็กที่เป็นอนาคตของชาติ พร้อมทั้งขอบคุณเสียงชื่นชมจากทุกคน

“ผมก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ ก็น่าสงสารแก คุณยายแกก็อยากให้หลานสอบให้ผ่าน ม.3 เพราะก็อยู่กับยายแค่สองคน รู้แต่ว่าแม่น้องทำงานอยู่ต่างประเทศ เรื่องที่ว่าทำไมน้องถึงไม่ไปสอบ ผมก็ไม่ได้ถามว่าเป็นเพราะอะไร เพราะผมไม่อยากไปถามอะไรมากมาย ถ้าถามมากกลัวว่าเขาจะเสียใจ กลัวว่าเขาจะใจไม่ดี กลัวว่าจะสอบไม่ได้ ผมก็ได้แค่พูดว่าให้กำลังใจแก ให้สอบให้ผ่าน ไม่ได้กล้าไปด่าว่าทำไมถึงไม่ไปสอบ เดี๋ยวน้องจะเสียใจแล้วสอบไม่ได้ เพราะว่าเขาก็ยังเป็นเยาวชนของชาติ เขาอาจจะเจอสิ่งที่ไม่ได้มา แต่ถ้าทำดีดกับเขา เขาก็คงจะตอบกลับมาในท่าทางที่ดีกับเรา เราจึงต้องพูดดีๆ กับเขา

สำหรับปัญหาที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่ไปสอบ ผมก็ไม่ได้ถาม เพราะผมก็รีบมาหา แล้วก็ต้องรีบไปส่งที่โรงเรียน ต้องทำให้ทันเวลา เนื่องจากว่าบ้านกับโรงเรียนของเขามันอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล

ยายก็รีบมาหาว่าจะทำยังไงที่จะทำให้เด็กเข้าไปสอบได้ทัน เราก็ไปตามคำขอร้องของคุณยาย เราก็ได้แต่หวังว่าเขาจะสอบให้ผ่าน ตอนนี้จะสอบผ่านไม่ผ่านเราก็ไม่รู้ ก็อยู่ที่เขา เราก็ได้แต่ให้กำลังใจ ไม่ไปขู่ พูดแต่ในสิ่งที่ดีๆ เพราะเด็กอ่อนไหวง่าย ถ้าเราไปขู่ ไปตะคอกใส่ ไปแดกดันใส่เขาพฤติกรรมที่ส่งออกมาก็จะเป็นอีกแบบ”

นอกจากนี้ ดาบเจด็จยังทิ้งท้ายไว้ว่า เด็กเป็นเยาวชนของชาติ ก็อยากเห็นเขามีอนาคตที่ดี อยากให้เขาเรียนจบ อยากให้สอบผ่าน ยายเองจะต้องไม่เสียใจ รวมถึงตัวเด็กเองด้วยไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจทีหลัง อีกทั้งในมื่อเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรก็พร้อมช่วยเสมอ



“ถ้าเราไม่ช่วย ก็จะโดนข้อครหาอีกว่าตำรวจทำไมไม่ช่วยเหลือประชาชน ในเมื่อตำรวจก็ทำได้ เมื่อเขามาขอความช่วยเหลือ เราก็แค่ให้ความช่วยเหลือเขาไป ในเมื่อมันไม่หนักหนาสาหัสอะไร เพราะว่าถ้าเราไม่ไปช่วยคนแก่คนหนึ่งก็ไม่รู้จะทำยังไง แกก็คงขับรถหาตำรวจไปเรื่อย เจอตำรวจที่ไหนก็คงจะบอก”

ด้านเด็กนักเรียน ม.3 รายนี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่า สาเหตุที่ไม่ไปสอบ เพราะหัวหน้าห้องบอกว่าไม่มีสิทธิสอบ จึงทำให้ถอดใจไม่ตื่นไปสอบ และรู้สึกสงสารยายมากที่ต้องขับมอเตอร์ไซค์ไปขอร้องให้ตำรวจมาช่วยปลุกไปโรงเรียน



“สาเหตุที่ตนไม่ไปสอบ เพราะว่าหัวหน้าห้องบอกว่าไม่มีสิทธิสอบแล้ว ทำให้ถอดใจ และไม่ตื่นไปสอบ แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนก็ได้สอบตามปกติ มีเพียง 1 วิชาที่ไปสอบไม่ทันคือวิชาคณิตศาสตร์ ยืนยันว่าหลังจากนี้จะไปสอบจนเสร็จ ไม่ทิ้งการสอบแน่นอน เพราะไม่ได้ขี้เกียจนทิ้งการสอบ
ตอนที่ตำรวจมาปลุกไปสอบ ก็ได้สั่งสอนให้รู้จักหน้าที่ และสั่งสอนอีกหลายอย่าง และรู้สึกสงสารยายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ร้องไห้ไปเรียกตำรวจมาช่วยปลุกไปโรงเรียน และก็ดีใจที่ทุกคนเป็นห่วง”

ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “สถานีตำรวจภูธรไชยวาน”




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น