จากเด็กยากจนต้องคุ้ยขยะหาของกิน พลิกศพหาเหรียญสลึง สู่นักพัฒนาปลากัดระดับโลกรายได้หลักล้าน “ลุงอ๋าปากน้ำ” กว่าครึ่งศตวรรษ เขาคือผู้แต้มสีสันผสมพันธุ์ปลากัดจนชื่อดังกระฉ่อน ผู้เพาะพันธุ์ “ปลากัดสีทอง หางใบโพธิ์” เป็นตัวแรกของโลก! ทว่า กว่าจะประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย….
ปากกัด ตีนถีบ ผ่านความทุกข์…ยากจน
“ชอบปลากัดมาตั้งแต่ 7 ขวบ เด็กสมัยก่อนไม่มีการ์ตูน ไม่มีมือถือ ต้องหาเครื่องเล่นเอาเอง ถ้าผู้หญิงก็เล่นหมากเก็บ ผู้ชายก็ไปหาช้อนปลา แมลงมาเลี้ยง”
ลุงอ๋า - ธีรศักดิ์ สุพินพง ชายวัยเกษียณแต่ท่าทางกระชับกระเฉง เปิดฉากสนทนากับทีม MGR Live ในร้าน Goldenbetta ที่ตั้งอยู่ในย่านปากน้ำมานานกว่า 30 ปี ท่ามกลางตู้กระจกใบเหลี่ยมนับร้อยวางเรียงราย พร้อมปลากัดหลากสีหลายสายพันธุ์ที่พร้อมใจกันว่ายวนหางสะบัดพลิ้วไหว
ในวงการปลากัดรู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดีด้วยรางวัลการันตีและในฐานะคอลัมนิสต์เขียนเรื่องปลากัด ในชื่อ “ลุงอ๋า ปากน้ำ”
ด้วยความหลงใหลในสีสันและความสวยงามของปลากัดลุงอ๋าจึงเริ่มสนใจเลี้ยงปลากัดเป็นงานอดิเรกมาตั้งแต่ 7 ขวบ ยามว่างมักหากระป๋องสีไปวางไว้ข้างคลองหลังอู่เพื่อดักจับปลากัดป่ามาเลี้ยงดูเล่น เห็นว่าปลามีความสวยงามจึงมีความชื่นชอบตั้งแต่นั้นมา ทั้งตนเองยังมีความเข้าใจในเรื่องการผสมสีรถยนต์โดยเฉพาะสีเมทัลลิก คิดว่าหากนำวิธีการผสมสีรถมาปรับใช้กับการผสมสีของพันธุ์ปลากัดน่าจะทำได้จริง และมีความมุ่งมั่นว่าจะต้องทำให้สำเร็จ
“ เดิมทีผมเป็นคนปากน้ำ แต่ย้ายไป จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ 6 ขวบ ฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่มีลูก 10 คน ผมเรียนเต็มที่ก็ ป.4 จากนั้นก็เริ่มไปฝึกหัดงานในอู่รถยนต์ เป็นช่างเคาะพ่นสี ตั้งแต่ 7 ขวบ
ที่โคราชจะมีทุ่งหญ้า ทุ่งนา และมักมีพวกปลากัดป่า หลังอู่มีคลองยาวหลายกิโลเมตร ในยามว่างผมจะหากระป๋องสีไปวางเอาไว้ข้างคลอง เพื่อดักจับปลากัดป่ามาเลี้ยงดูเล่น เพราะมันสวยงาม เราก็ไปช้อนมาเล่นเอามาใส่ขวด มาดูสวยๆ เพราะชอบสีสัน
ปลากัดตัวแรกของผม คือปลากัดป่า เราก็ช้อนตามทุ่งมาเลี้ยง ไม่ได้ซื้อหรอก แม้มีปลากัดหม้อขายตามตลาดนะ ตัวบาทสองบาท แต่เราไม่มีเงินเราก็ไปช้อนปลากัดป่ามาเลี้ยง ปลากัดป่าสวยกว่าปลาหม้ออีก เกล็ดมันเงางามเป็นมรกต
ตอนนั้นเป็นช่างพ่นสีรถยนต์ เวลารถชน รถผุ เราจะตัดผุ เคาะเชื่อม แล้วก็มาโป้วสีทำสี ผสมสีให้เหมือนแล้วพ่น ถ้ารถชนมายับเราก็ทำให้มันเข้ารูป แล้วก็ทำสีเลย
เงินหาได้เท่าไหร่ก็ส่งให้พ่อแม่หมด เหลือตังค์กินข้าวนั่งรถไปกลับที่ทำงาน ตอนนั้นเป็นช่าง อายุ 12-13 ปี ได้วันละ 10 บาท เดือนนึงก็ 300 บาท พออายุ 16-17 ปี เงินเดือนเริ่มขยับเป็นเดือนละ 600 บาท เราเอาไปใช้วันละ 5 บาทขึ้นรถเมล์มาทำงาน 50 สตางค์ ใช้ประหยัดนะ
เราจน พี่น้องเยอะ สมัยก่อนลำบากมาก ตอนที่อยู่โคราช ที่พ่อแม่ย้ายไปจากปากน้ำ เพราะสมัยก่อนมันมีแคมป์ฝรั่ง ไปอยู่ที่นครราชสีมา ก็มีความเจริญ ก็ไปเปิดร้านขายของชำ กาแฟ พอพักหลังฝรั่งออกไปแล้วก็ต้องย้ายกลับมา เพราะค้าขายเริ่มตก
คนสมัยก่อนเขาไม่ได้เลี้ยงลูกเต้าแบบสมัยนี้นะ กินข้าวไม่ครบสามมื้อหรอก วันนึงกินมื้อเดียว เข้าสวนเก็บผลไม้กินกัน กินอยู่ไปวันๆ แล้วบางทีพวกฝรั่งเอาขยะมาทิ้ง เราไปคุ้ยขยะ เจอนม ขนมหมดอายุเราก็เอามากิน ถึงขนาดนั้นนะ ตอนที่จบ ป.4 ยังไม่มีงาน เราก็ไปคุ้ยอย่างนี้แหล่ะ มันยากจนจริง
อย่างเวลาไปวัด ถึงขนาดไปคุ้ยที่เขาเผาศพ คุ้ยเหรียญที่เขายัดปากผีใส่ไว้ในโลงแล้วก็เผา แล้วเราก็ไปคุ้ยเศษเหรียญมา ก็กินก๋วยเตี๋ยวได้แล้ว ผ่านความทุกข์มาหลายอย่าง ความยากจนมาหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วสบายเลยนะ ตอนอยู่ที่อู่ก็เคยโดนลงโทษ ถูกตีด้วยหางกระเบนจนเลือดซิบ”
ความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวงที่ดาหน้าเข้ามา ผนวกรวมกับความฝัน ความหวัง ความตั้งใจจริงที่บ่มเพาะอยู่ในใจมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อสู่วัยกลางคนจึงต้องลุยสร้างฝันให้สำเร็จ!
เส้นทาง…ปลากัดสีทอง ตัวแรกของโลก
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเป็นช่างพ่นสีรถมากว่า 30 ปี เมื่อเขาอายุมากขึ้นความรักในปลากัดเริ่มฉายชัด! จนต้องสลัดอาชีพงานช่างเพื่อมุ่งหน้าสู่นักพัฒนาปลากัดเต็มตัว
ลุงอ๋าตัดสินใจออกจากงานช่างเพื่อมาเพาะพันธุ์ปลากัดที่ตนเองหลงใหล โดยเริ่มเข้าสู่วงการประกวดปลากัดสวยงามจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2542 เก็บสะสมรางวัลเรื่อยมาในหลายเวที แต่เริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ด้วยการพัฒนา “ปลากัดสีทอง” ตัวแรกของโลกสำเร็จ!
“เมื่อผมอายุมากขึ้น อายุประมาณ 43 ปี จึงได้ออกจากงานช่างเพื่อมาเพาะพันธุ์ปลากัดที่ผมชอบและรักมันเป็นชีวิตจิตใจ ผมตั้งใจผสมสีปลากัดแทนการผสมสีรถยนต์ซึ่งไม่แตกต่างกัน และได้พัฒนาปลากัดขึ้นมาใหม่หลายสีหลากพันธุ์ ตัวอย่างเช่น สลาเวนเดอร์หูใหญ่ ซึ่งผมเพาะพันธุ์ได้ในปี 2551 แต่ไม่เป็นที่นิยม
เนื่องจากเวลาส่งเข้าประกวดจะไม่ได้รับความสนใจจากคณะกรรมการเนื่องจากหูใหญ่เกินมาตรฐาน แต่ปลาที่ทำให้ผมมีชื่อเสียง คือ ปลากัดสีทองที่ผมตั้งใจทำและคิดมาอยู่หลายปีจนประสบความสำเร็จ และสามารถยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ปลากัดสีทองเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างคอปเปอร์หรือสีทองแดงเข้ากับแพลทินัม ครั้งแรกลูกปลากัดที่เกิดมานั้น จะออกมาเป็นสีทองอ่อน โดยเริ่มเพาะครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 จนกระทั่งสำเร็จ ได้ปลากัดสีทองที่สมบูรณ์ในปี 2549
ขอย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2547 เป็นได้แค่มุกทองหรือแพลตินัมโกลด์หรือทองอ่อน ผมได้ใช้เวลาไล่สายพันธุ์มาประมาณ 2-3 ปี จึงได้มาเป็นปลากัดสีทองตัวแรกของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะปลากัดส่วนใหญ่เกิดที่ประเทศไทยจึงกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ ซึ่งผมได้ใช้ความพยายามและความตั้งใจอย่างมากที่ต้องการจะเพาะพันธุ์ปลากัดสีทองให้สำเร็จ
โดยผมมีแนวความคิดว่า ในเมื่อปลากัดที่มีสีทองแดง สีมุขทอง และแพลทินัม ยังสามารถเพาะขึ้นมาได้ ฉะนั้นก็ต้องทำให้เป็นสีทองได้เช่นกัน ซึ่งในความคิดผมนั้นผมคิดว่าการเพาะพันธุ์ปลากัดให้มีสีสันต่างๆตามที่ต้องการนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องมีใจรัก ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
สำหรับผมการทำปลากัดสีทองครั้งแรกเหนื่อยมาก เพราะการที่ต้องการจะทำให้ปลากัดออกมาเป็นสีทอง มีความเงางาม เหมือนดั่งทองนั้น ต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุด เนื่องจากในครั้งแรกลูกปลากัดที่ได้มาไม่เป็นตามที่คิดไว้ บ้างก็มีเขม่าที่ลำตัวบ้าง ก็มีเขม่าที่ครีบ ต้องพยายามหาตัวที่ไม่มีเขม่าหรือมีเขม่าน้อยที่สุดและมีสีทองเข้มมาผสมหลายชั้นหลาย F จนได้สายเลือดที่นิ่ง และเพาะสำเร็จในปี 2549”
ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่สนใจ ชาวต่างชาติก็แห่มาที่ร้านลุงอ๋าเพื่อซื้อปลากัด ทำให้ปัจจุบันนี้ รถเมล์ - นิภา สุพินพง ลูกสาวลุงอ๋า อดีตนักบัญชีที่ลุงอ๋าบ่มเพาะประสบการณ์เลี้ยงปลากัดมาตั้งแต่เด็ก ได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการอย่างเต็มสูบ ต่อยอดพัฒนาธุรกิจ ขยายตลาดไปยังลูกค้าไทยและลูกค้าต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
ลุงอ๋า เล่าว่า ปลาของทางร้านเป็นปลาคัดเกรด พัฒนาสายพันธุ์ ไม่ได้ทำแบบปริมาณแต่ทำแบบเน้นคุณภาพ ยอดขายอยู่ที่หลักแสนต่อเดือน โดยราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 500 บาท และแพงสุดคือ 5,000 บาท ทำให้มีรายได้หลักแสนต่อเดือน และหลักล้านต่อปี!
ทว่า สำหรับลุงอ๋าแล้ว "ยอดเงินแสน-เงินล้านในบัญชี" ไม่ได้มีสำคัญมากเท่ากับ "ความรักและการเผยแพร่ความรู้" เรื่องปลากัดให้แก่ผู้สนใจศึกษา
ในตอนนี้ที่นิยมมากที่สุดคือ “ปลากัดสีทอง หางใบโพธิ์” ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่ม และมีลักษณะพิเศษตรงที่หางเรียวแหลมเป็นใบโพธิ์ แสดงถึงความเป็นไทยอย่างมาก อีกทั้งลูกค้าบางท่านตั้งใจมาซื้อโพธิ์ทองเข้าบ้าน หรือกิจการ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารเพื่อความเป็นสิริมงคล
ตั้งเป้าขยายตลาดปลากัดไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเผยแพร่ความงามของปลากัดให้ปรากฏสู่สายตาชาวโลก ส่วนกลุ่มลูกค้าของทางร้านนั้นสัดส่วนเป็นลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติครึ่งต่อครึ่ง โดยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมีหลากหลาย ทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี แคนาดา ออสเตรเลีย นอร์เวย์ และ อังกฤษ
ปลากัด ถือเป็น ปลาน้ำจืดพื้นเมืองของไทยที่เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามและอยู่คู่กับวิถีคนไทยมาช้านาน จนกระทั่งปัจจุบันปลากัดกลายเป็นปลาสวยงามนิยมเลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลายเป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลเป็นอันดับหนึ่งให้แก่วงการปลาสวยงามของไทย
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
“การค้าขายต้องมีความซื่อสัตย์นะ เพราะซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ถ้าเราซื่อสัตย์ ลูกค้าจะเชื่อถือ พ่อค้าบางคนคิดว่า ลูกค้าซื้อไปเลี้ยง 2-3 เดือนก็ตายแล้วไม่ทันได้สีเปลี่ยน
แต่สำหรับเรา เราคิดว่า ถ้าลูกค้าเขาเลี้ยงรอดขึ้นมาล่ะ แล้วสีมันเปลี่ยน เขาไม่มาด่าเราทีหลังเหรอ เราเลยต้องบอกเขาไปตรงๆว่า ปลามันจะเปลี่ยนสีเพราะมันอยู่ในตระกูลแฟนซี สีมันจะเคลื่อนตัวเรื่อยๆ อาจจะสวยขึ้น หรืออาจจะขี้เหร่ลงก็ได้
เพราะความซื่อสัตย์ ทำให้เรายืนอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะเรื่องเงินทองเราอยู่ตัวแล้ว เหลือใช้แล้ว ลูกเต้าเรียนจบหมดแล้ว เราสบาย เราไม่เดือดร้อนแล้ว เราแค่ต้องการเผยแพร่ปลากัดให้คนรับรู้เท่านั้นเอง
คนที่จะสร้างฐานะขึ้นมาใหม่ สร้างงานขึ้นมาใหม่ ควรจะมีความซื่อสัตย์ และต้องบอกลูกค้าตามตรงทุกอย่าง อย่าไปโกหก เพราะบางคนอาจจะคิดว่าเขาเลี้ยงได้ไม่นาน ก็ตายแล้ว อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะเดี๋ยวนี้เทคนิค เทคโนโลยี มียา มีสิ่งที่ดีๆ แล้ว เขาจะเลี้ยงได้อายุยืนขึ้น ฉะนั้นต้องพูดความจริง จริงใจ ต่อไปลูกค้าก็จะมีความเชื่อถือเรา
ทุกวันนี้รายได้ไม่ตกนะ ไปเรื่อยๆ เราอาศัยก้าวทีละก้าวไปเรื่อยๆ พอเลี้ยงตัว ไม่เดือดร้อน ก็มีช่องทางการขายทางออนไลน์ เฟซบุ๊ก ไอจี ยูทูบ ไลน์ และแอปพลิเคชัน Goldenbetta
ทุกวันนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินแล้ว อยากจะทำเพื่อเผยแพร่ให้ทั่วโลกรู้จักปลากัดของประเทศไทยว่า เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีคุณภาพและยืนยาวมานานก่อนทุกประเทศ”
แนะศึกษาก่อนซื้อ รักปลากัดจริง!
“สำหรับมือใหม่อยากเลี้ยงปลากัดขอแนะนำให้เลือกตัวที่ชอบ เราชอบสีสันแบบไหน ตัวไหนที่เราชอบ ก็ซื้อเลย มันอยู่ที่ใจเรา ก็เหมือนคน บางคนชอบคนอ้วน คนผอม ถ้าเราไปแนะนำ บางทีเราชอบแต่เขาไม่ชอบ ก็ต้องแล้วแต่ตัวเขา
สีไหนเราสะดุดตา เราชอบ นั่นแหละควรจะเอาเป็นหลัก ไม่ต้องให้ใครแนะนำ เราเชื่อตัวเองที่ที่สุด ว่าเราชอบแบบนี้ เหมือนผู้หญิงชอบสีลิปสติก เราชอบสีแดง ไปใช้สีส้ม ก็ไม่เอา เหมือนกัน อยู่ที่ใจ ร้อยคนร้อยความคิด ไม่เหมือนกัน เอาที่เราสบายใจ ชอบ
ใครจะต้องการเลี้ยงปลากัด ควรศึกษาก่อน เดี๋ยวนี้ในยูทูบมีข้อมูลเยอะ ถ้าใครมาที่ร้านผมแล้วไม่ศึกษามาก่อน มาขอซื้อตัวละพันสองพัน เรายังไม่ขายให้เลย เราบอกให้ไปศึกษาก่อน เราไม่ต้องการเงิน เราต้องการเผยแพร่มากกว่า เพราะเราพอแล้วตรงนี้
บางคนกำเงินมา ผมมีเงินผมซื้อได้ ปลากัดทองตัวนึงสองสามพัน แล้วคุณรู้เรื่องปลากัดไหม ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอ้โห แล้วให้ผมไปนั่งแนะนำคุณ ผมกว่าจะศึกษามาเป็นสิบๆปี ผมแนะนำคุณแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง คุณไม่รู้เรื่องหรอก คุณควรจะไปศึกษาก่อน ร้านผมไม่ย้ายไปไหน คุณไปศึกษาก่อน บางคนเลยหาว่าหยิ่ง เขาหาว่าไล่
คนที่จะเลี้ยงสัตว์อะไรก็ตาม ควรจะศึกษาสัตว์แต่ละประเภทนั้นก่อนแล้วค่อยเลี้ยง ศึกษาไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก ดูในยูทูบ ดูในอินเทอร์เน็ต เดี๋ยวนี้ทุกอย่างง่ายหมด
ผมยังเคยแนะนำเด็กที่ติดเกมจนเสียการเรียนนะ ให้เลี้ยงปลากัด บางคนก็สามารถไปทำการค้าได้ เลิกเล่นเน็ตเลย สนใจแต่ปลากัด จนทุกวันนี้เปิดเป็นฟาร์มขายปลากัดด้วย เมื่อก่อนพ่อแม่เอาไม่อยู่ เป็นเด็กติดเกมจนเสียการเรียน
เขาบอกว่า ตั้งแต่เขามาเลี้ยงปลากัด การเรียนดีขึ้น สอบได้อันดับที่ต้นๆ เพราะสัญญากับแม่ไว้ว่า ถ้าเรียนดีขึ้นจะขอแม่มากรุงเทพฯ เพื่อมาดูงานปลากัด อายุแค่ 12 ปีเอง มาคนเดียว จากต่างจังหวัดมาที่เดอะมอลล์ เรียนดีขึ้นแม่เลยอนุญาตให้มา
เขาคุยให้ผมฟังว่า เขาทำงานผ่านเน็ตนะ เขาถ่ายรูปขายปลากัด หาเลี้ยงตัวเอง พ่อแม่ไม่ต้องส่งเสียอะไรเลย ทำให้เขาสามารถเปิดเป็นฟาร์มได้แล้ว ป่านนี้เด็กคนนี้คงจะอายุ 20 กว่าแล้ว
เด็กสมัยนี้บางทีเรียนไม่เก่ง เครียด ไปกระโดดตึก กระโดดห้องเรียน ตกมาตาย เพราะเครียดไง จริงๆ แล้ววิชามีอยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราหยิบให้ถูก ว่าเราสอบแบบไหน เราทำอย่างนั้น พ่อแม่ไม่ควรจะบังคับลูกต้องเรียนอย่างนี้นะๆ เพราะแต่ละคนเขามีความคิดของเขา บางคนชอบศิลปะ อยากจะเลี้ยงปลา ปล่อยเขาไป เขามีวิถีกำหนดชีวิตเขาอยู่แล้ว
ความถนัดแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างผมจบ ป.4 ไม่รู้หนังสือสักตัว ไปได้ความรู้จากไหนรู้เปล่า จากการที่ไปเป็นเด็กอู่ เพราะชื่อเครื่องยนต์ ชื่อยี่ห้อรถ ชื่อสี เป็นภาษาอังกฤษหมด ผมก็ฝึกอ่าน เผลอๆเราจะรู้ภาษาอังกฤษก่อนภาษาไทยด้วย เพราะเราสะกดภาษาอังกฤษก่อน
สมัยนี้ปลากัดเลี้ยงง่าย ถ้าจะหาความสุขลองเลี้ยงเลย หรือลูกหลานติดเกมติดออนไลน์ จะให้เขาหันมาทางนี้ก็ดี เพราะจะมีผลต่อจิตใจ มีแค่ห้องเล็กๆก็เลี้ยงได้แล้ว บางทีคนแก่วัยเกษียณเขายังมาศึกษาเลย เช่น คนที่เขาเคยเป็นใหญ่เป็นโต เขาก็มาศึกษาดู บางที บางคนอายุ 70-80 ปี เขาก็มาดูไปเพาะเลี้ยง เกิดความสุข มันสนุก พอปลาออกลูกมาดีใจ บางคนก็สามารถสร้างรายได้ด้วย
ผมอยากจะเผยแพร่ให้คนไทยได้รู้จักว่า วิธีหาความสุข ไม่ต้องไปหาที่กว้างๆ สามารถเลี้ยงได้ในห้องทำงานเล็กๆ บางทีทำงานเครียด ได้ดูปลากัดเพลินๆ ก็ทำให้เขาคลายเครียด มีความสุข”
ปลากัดไทยสุดยอด! เลี้ยงง่าย ตายยาก
“ปลากัดไทยถือว่าทนที่สุด เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวยังโอกาสตายเยอะ แต่เลี้ยงปลากัดไม่ค่อยมีปัญหา เลี้ยงง่าย ตายยาก อายุของมันอยู่ได้ 2 ปี บางคนปลูกบ้านใหม่ก็เลี้ยงปลากัดในอ่างบัวหน้าบ้าน เกือบ 3 ปีแล้วก็ยังอยู่ หากปลากัดได้อยู่ที่สบาย ก็อายุยืน ขึ้นอยู่กับคนเลี้ยงด้วย”
นอกจากนี้ ยังมีความความถึก-ทน เพราะปลากัดสามารถอยู่ในน้ำสภาพออกซิเจนต่ำมากๆ แนะเลี้ยงด้วยน้ำก๊อก น้ำประปา ห้ามใช้น้ำดื่ม-น้ำแร่!
ลุงอ๋า เล่าว่า ปลากัดไม่ได้มีทุกประเทศ มีเฉพาะในแถบเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม
“แต่ปลากัดของไทยนี่คือสุดยอด เพราะมีถึง 5 สปีชีส์ จากหลายภาคในประเทศ ปลากัดป่าไทย ตอนนี้นิยมทุกสาย แต่ที่สวยที่สุดในใจผมตอนนี้คือปลากัดป่าโขงหลง จากอีสาน หางเขาจะสวยงามมาก จะเป็นแบบใยแมงมุม เป็นหยากไย่เลย”
เคล็ดลับ! เลี้ยงปลากัดให้สวยเป๊ะ!
นับวันกระแสการเลี้ยงปลากัดได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ทำให้หลายคนให้ความสนใจ ทำให้ปลากัดไทยไม่ได้กลายเป็นแค่ปลาสวยงาม แต่กลายเป็นปลาเศรษฐกิจไปแล้ว
สำหรับปลากัดเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้สถานที่ขว้างขวาง สามารถเลี้ยงในโหลหรือเหลี่ยมเล็กได้ เซียนปลากัดแนะนำวิธีการเลี้ยงปลากัดให้สวยงามและอยู่นาน ด้วยวิธีง่ายๆ
ปลากัดจะมีปัญหาในเรื่องครีบหางห่อเหี่ยว ปลากัดไม่ชอบอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะฉะนั้นควรนำปลากัดไว้ในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม เช่นเอาไปไว้ในที่ร่มเย็นหรือควรไว้ใกล้กับอ่างน้ำหรือกระถางต้นไม้สถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี
สำหรับน้ำที่เลี้ยงปลากัด ซึ่งควรเปลี่ยนอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง และควรใส่เกลือลงไปด้วยเล็กน้อยทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนน้ำใหม่ เพราะเกลือจะทำให้ปลากระชุ่มกระชวยไม่ห่อเหี่ยว
ในกรณีที่ไม่อยากถ่ายน้ำบ่อย ก็ให้ใส่ใบหูกวางที่แห้งและกรอบลงไปในน้ำเป็นสีเหลืองเข้มหน่อยจะได้อยู่ได้นานเป็นอาทิตย์เลย ซึ่งใบหูกวางจะมีประโยชน์ ช่วยให้ปลากัดสุขภาพแข็งแรง เกล็ดปลาแน่นรัดตัว ทำให้เกล็ดเนียนและเงางาม ส่งผลให้สีของปลาดูสดและเข้มขึ้น
ส่วนข้อควรระวังสำหรับเรื่องน้ำที่ใช้เลี้ยงปลากัดนั้นสามารถใช้น้ำประปาได้ และควรกักทิ้งไว้สัก 2-3 วัน เพื่อให้คลอรีนระเหยออกไป แต่น้ำที่ไม่ควรใช้เลี้ยงปลาคือน้ำกรองและน้ำแร่
มีหลายคนใช้น้ำแร่หรือน้ำกรองใส่ปลากัด ทำให้ปลาซึมหรือตายไปเลยก็มี เนื่องจากน้ำกรองขาดแร่ธาตุหรือขาดสารบางอย่าง หากนำไปเลี้ยงปลากัดของท่าน จะทำให้ปลากัดของท่านกระดูกอ่อน ครีบหางห่อไม่กาง ปลาซึมไม่คึกคัก หรืออาจทำให้ปลากัดของท่านตายได้เลยทีเดียว
ข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้ปลาได้บริหารร่างกายและกระโดงครีบหาง ควรเปิดให้ปลากัดได้พองตัวอย่างน้อยวันละ 2-3 หน จะทำให้หางกระโดงและหางยืดและกางมากขึ้น ไม่ห่อเหี่ยว
ปลากัดจ้องตาแล้วท้องจริงหรือหลอก!?
หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า ปลากัดเพียงแค่จ้างตากันก็สามารถท้องได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะปกติแล้วปลากัดตัวผู้จะจ้องตาตัวเมียเพื่อกระตุ้นให้สร้างไข่ในท้อง ก่อนที่ตัวผู้จะรัดตัวเมียเพื่อให้ไข่ออกมาครั้งละ 7-20 ฟอง ตัวผู้จึงปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่ แล้วอมไข่ไปพ่นติดกับหวอดที่ก่อไว้บริเวณผิวน้ำ ทำขั้นตอนทั้งหมดนี้ซ้ำๆ จนไข่ของตัวเมียหมดท้อง และสุดท้ายเป็นหน้าที่ของตัวผู้ที่คอยดูแลไข่จนฟักออกมาเป็นตัว กระบวนการทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นการปฏิสนธิภายนอกนั่นเอง
โดยทีม MGR Live
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก goldenbetta Thailand
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **