xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องร้องได้!! ทนายแนะเหยื่อบริจาค "ธีร์" เศรษฐี 8 ล้านจากความสงสารของคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ถ้าเขาปิดบังความจริงที่เขาควรจะบอก มันเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง” ทนายความชื่อดังสับเละ หลังจาก "ธีร์-ภูมิธนะวัชร์” อดีตดารา ขอบริจาคเงินประทังชีวิตรักษาโรควัณโรค แต่ปิดบังยอดบริจาคที่ได้กว่า 8 ล้านบาท อ้างกลัวโดนทวงหนี้-ถูกอายัดบัตร เพราะตั้งใจจะเก็บเงินให้แม่ให้เยอะที่สุด สังคมขุดคุ้ยหาความจริง ทำแบบนี้เท่ากับหลอกลวง!!?




แฉได้เงิน 8 ล้าน แต่บอก 5 หมื่น!!

 

“อาการไม่ค่อยดีแย่ลงเรื่อยๆ เราจะได้พบกันอีกไหม แต่ก็จะสู้จนตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต” กลายเป็นดรามาที่ถูกสังคมให้ความสนใจ และกำลังตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับยอดเงินบริจาคกว่า 8 ล้านบาท รวมถึงมีบ้าน และรถคันใหม่ สำหรับ ธีร์-ภูมิธนะวัชร์ บุญลือ อดีตนักแสดงหนุ่มวัย 41 ปี

[ธีร์-ภูมิธนะวัชร์ บุญลือ]

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยตกเป็นข่าวใหญ่ เนื่องจากธีร์ ได้อัดคลิปผ่านเฟซบุ๊กบอกเล่าอาการป่วยเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จนเอมมี่ อมลวรรณ (เอมมี่ แม็กซิม) ต้องออกมาเรี่ยไรเงินช่วยเหลือ เพราะสงสาร

เมื่อประเด็นดังกล่าวกำลังถูกพูดถึง ทีมข่าว MGR Live จึงได้ติดต่อไปยัง รัชพล ศิริสาคร ทนายชื่อดังเจ้าของเพจ “สายตรงกฎหมาย” ให้มาช่วยไขข้อสงสัย และสะท้อนขอทานออนไลน์ในยุคปัจจุบันที่ตรวจสอบไม่ได้ว่าเอาเงินไปทำอะไร รวมทั้งถ้าเป็นผู้บริจาคเงินเหล่านี้ไปแล้ว สามารถทำอะไรได้บ้าง

 

“การบริจาคเงินมันก็ต้องดูว่าเขาเดือดร้อนจริงหรือเปล่า บางคนเขาสงสาร เขาอยากช่วยจริงๆ แต่ถ้าหากเราบริจาคด้วยความบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายแล้วปรากฏว่าถูกหลอก ก็สามารถดำเนินคดีได้

อย่างกรณีคุณธีร์ ถ้าเขาปิดบังความจริงที่เขาควรจะบอก แต่เขาไม่บอก มันเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง เพราะว่าเป็นการหลอกเอาเงินคนอื่นเขามา
 
สามารถเอาเงินคืนได้ เพราะว่าคนที่บริจาคเงินไป เข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ และสามารถเรียกร้องเงินคืนได้”

โดยทนายชื่อดังได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าหากเป็นหนี้ก็ควรชดใช้ ไม่ใช่ปิดบังข้อมูลส่วนตัว แบบนี้ถือเป็นการฉ้อโกงประชาชน

ล่าสุด ธีร์ ได้ออกมายอมรับว่า ได้โกหกตั้งแต่ต้น เงินบริจาคไม่ใช่เงิน 50,000 บาท ตามที่กล่าวอ้าง แต่ปกปิดเงินบริจาคจำนวน 8 ล้านบาท เพราะกลัวเจ้าหนี้ทวง ซึ่งตอนนี้ได้โอนเข้าบัญชีแฟน 6.4 ล้าน และหยุดรับบริจาคแล้ว

"เงินบริจาค 8 ล้านบาทครับ สาเหตุที่บอกว่าได้ 5 หมื่น ก็เป็นหนี้บัตรเครดิต กลัวจะโดนอายัด และจะไม่มีเงินเก็บไว้ให้แม่ ก็เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด แต่พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 4-5 วัน ก็รู้สึกเครียด รวมถึงตัวคุณแม่เองก็มีอาการเบาหวานความดันขึ้น

ตอนนี้เงินบริจาคเหลืออยู่ 7.5 ล้านบาท แบ่งไปใช้หนี้ 5 แสนบาท แต่ก็ยังเหลือหนี้อีกบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ส่วนที่มีการแบ่งเงินไปตามบัญชีต่างๆ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกอายัด จึงนำเงิน 6.3-6.4 ล้านบาท ไปฝากไว้ที่บัญชีแฟน”

นอกจากจะกลัวบัญชีโดนอายัดแล้ว เขายืนยันว่าบ้าน และรถที่เห็นเป็นเงินของแฟน ไม่ใช่เงินบริจาค ที่ออกมาพูดความจริงเพราะแคร์คนไทยที่เมตตา เผยได้รับการรักษาฟรีมาโดยตลอด หลังจากนี้ไม่ต้องบริจาค ไม่ตายแล้ว 

"เพราะว่าเอมมี่ให้ตัวเลือกผมว่า พี่จะหายไปเลย แล้วก็โดนสังคมประณาม หรือพี่จะออกมาพูดความจริง แต่ผมก็เลือกที่จะออกมาพูดความจริงเพราะผมแคร์ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ พี่ๆ นักข่าวที่เมตตาผม เพราะว่าเอมมี่ช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ถามว่ามีนอกมีในกันหรือเปล่า บาทเดียวเอมมี่ก็ไม่ได้จากผมเลย เอมมี่ไม่ขอรับอะไรใดๆ เพราะว่าน้องช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้ว่าใครมองน้องว่ายังไง แต่ที่ผมได้เจอกับน้อง น้องงามทั้งภายในและภายนอกจริงๆ ผมขอกราบน้ำใจของเอมมี่ ขอบคุณน้องมากๆ"

 



“เหยื่อใจบุญ” ฟ้องร้องได้!!

 

แน่นอนว่าในทางกฎหมายสิ่งที่อดีตดารารายนี้กระทำนั้น ถึงแม้เขาจะป่วยจริง แต่ถือว่าเป็นคดีฉ้อโกง เข้าข่ายมาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สามารถเอาความผิดได้

และเมื่อลองย้อนกลับไปดู ทนายรัชพล ย้ำชัด กรณีขอทานออนไลน์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่กลายเป็นวัฏจักรวนเวียนซ้ำๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรณีของ “พี่คล้าว 2018” ที่ระดมทุนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว นำไปซื้อควาย ราคา 1 แสนบาท

แต่ระหว่างนั้นกลับโดน บุญเลิศ กาฬภักดี เจ้าของควายแจ้งความ สุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือพี่คล้าว 2018 ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน ต้มตุ๋นหลอกลวง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จน "เจ้าทองคำ" ต้องไปเป็นของกลางอยู่ที่ สน.คันนายาว 

หลังจากเรื่องราวถูกนำเสนอผ่านสื่อได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ทางทนายรัชพล เข้าไปดูแลคดีนี้ และพยายามรวบรวมพยานหลักฐานไปแสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และสั่งไม่ฟ้องไปยังอัยการ จนในที่สุดสุรัตน์ได้เจ้าทองคำกลับมาดูแลเหมือนเดิม

“กรณีพี่คล้าว 2018 จะคล้ายๆ กัน ที่มาขอเงินบริจาค แต่พี่คล้าวเขาพูดความจริง เขาจึงไม่เข้าข่ายเป็นความผิด
แต่กรณีคุณธีร์ เขาปกปิดความจริง การปกปิดถือว่าไม่เป็นการบอกความจริง เรื่องนี้ควรบอกให้คนอื่นเขารู้ครับ มันเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง

เพราะปัจจุบันเป็นยุคโซเชียลฯ ใครลงอะไรไป พอคนเห็นว่าน่าสงสาร ก็บริจาคเงินไปโดยง่าย ซึ่งบางทีเขายังไม่รู้ความจริง ก็เลยหลงเชื่อ แต่เมื่อหลงเชื่อแล้ว ถ้าสมมติว่าพบความจริงขึ้นมาว่าโดนหลอก ถ้าเกิดจะเอาเรื่อง เกิดความแค้นอยากจะเอาเรื่อง ก็สามารถดำเนินคดีได้ครับ”

โดยทนายรายเดิมยอมรับ และทิ้งท้ายเอาไว้ว่า เป็นเพราะการเป็นศิลปิน-ดารานั้นเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ยิ่งทำให้คนบริจาคเงินง่ายมากขึ้น ซึ่งเรื่องแบบนี้คงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนที่จะตัดสินใจว่าควรจะบริจาคหรือไม่ และคงห้ามเรื่องการบริจาคไม่ได้

“คนใจบุญก็ห้ามไม่ได้ คือถ้าใครจะใจบุญมันก็สามารถที่จะบริจาคได้ ถ้าเราไม่ติดใจเอาความก็ปล่อยไปได้เลย ถือว่าทำบุญทำทานไป เพราะว่าจริงๆ แล้วคุณธีร์เขาก็ป่วยจริง เพียงแต่ว่าเขาพูดจริงครึ่งหนึ่ง และพูดหลอกครึ่งหนึ่ง ซึ่งในส่วนหลังมันถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง”




ข่าวโดยทีมข่าว : MGR Live
ขอบคุณภาพจาก : Amarin News




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น