นักแสดงตลกที่ชีวิตไม่ตลก! “โชเล่ย์ ดอกกระโดน” หลังเจอมรสุมชีวิตว่างงานกว่า 10 ปี ต้องพึ่งพาลูกสาวและภรรยา ล่าสุด ผันตัวเป็น “ยูทูบเบอร์” คนติดตามหลักแสน-ยอดวิวหลักล้าน โชว์สกิลเข้าครัวแบบบ้านๆ ทำอาหารใต้สไตล์โชเล่ย์ พร้อมคำพูดติดปาก “อาหร่อย” สร้างช่องทางทำเงินจุนเจือครอบครัวเดือนละหลายหมื่น!!
จาก 37 คน สู่ 2 แสนฟอลโลเวอร์!
“คนคงแปลกใจเหมือนกันนะครับว่า คนอายุ 60 ทำไมถึงมาเป็นยูทูบเบอร์ได้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเปิดช่องสำหรับหารายได้ แค่ถ่ายคลิปฯ สนุกๆ มีคนติดตามแค่ 37 คน แค่นั้นผมก็ดีใจมากแล้ว”
“โชเล่ย์ ดอกกระโดน” หรือ “นิรัญ ช้างกลาง” อดีตนักแสดงตลกชื่อดัง เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์อัดคลิปฯ สอนทำอาหารปักษ์ใต้ที่มีผู้ติดตามเกือบ 2 แสนคนในระยะเวลา 1 ปี โดยแรงบันดาลใจแรกเริ่มมาจากการอยากหาเพื่อนคุยในยามเหงา ซึ่งเริ่มจากสร้างแฟนเพจในเฟซบุ๊กก่อน หลังจากที่ได้รับความสนใจจึงต่อยอดมาเปิดแชนเนลในยูทูบ
“ตอนแรกลูกสาวสร้างแฟนเพจให้ก่อน เพราะผมอยากมีเพื่อนคุย เราแก่แล้วก็เหงา จนกระทั่งโพสต์คลิปฯ ลงไปเป็นคลิปฯ ตอนผมอยู่ที่งานเลี้ยงแล้วเขาเปิดเพลงอินเดีย ผมชอบก็เลยเต้น เอาช้อนมาทำเป็นเครื่องดนตรี ลูกก็ถ่ายคลิปฯ ไว้
ผ่านไป 2-3 วัน ลูกสาวเอาไปลง ลูกบอกว่าพ่อเหมือนเน็ตไอดอลเลย มีคนมาดูเยอะ ผมก็เลยถามว่าเน็ตไอดอลเป็นยังไง ลูกก็อธิบายว่ามีเอฟซีคือแฟนคลับที่เข้ามาพูดคุยกับพ่อ มาให้กำลังใจ พ่ออยากคุยไม่ใช่เหรอ ผมก็ตาลุกวาวเลย แค่ได้มีคนมาคุยด้วยก็ดีใจแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะมาถึงขนาดนี้หรอก
ส่วนคำถามว่าทำไมถึงต้องเป็นคลิปฯ ทำอาหาร จริงๆ ก่อนจะเปิดแชนเนลก็มีคนแนะนำมาว่าให้ทำอาหาร แต่ผมยังไม่ได้คิดว่าจะมาทางนี้ แต่ที่จุดประกายจริงๆ คือ ตอนที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ ซึ่งย้อนไปตอนที่ผมเป็นเด็ก บ้านเราฐานะไม่ค่อยดี พ่อแม่มีลูกเยอะ ช้อนส้อมก็ไม่พอทำให้พี่คนโตๆ ต้องกินข้าวด้วยมือ
พอผมกินแบบนี้บ่อยๆ ก็ติดเป็นนิสัย ถ้าเราอยู่บ้านก็จะกินสบายๆ สไตล์เรา ตอนนั้นผมนุ่งผ้าถุงแม่ และเปิบข้าวแบบนี้แหละ ลูกสาวก็ถ่ายไปลง คนก็ชอบกัน พอคนเข้ามาดูเยอะขึ้น มันก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราทำกับข้าว
ผมเลยมานึกว่าถ้าจะทำอาหารก็ต้องเป็นอาหารที่แม่ทำ เพราะอย่างอื่นเราคงทำไม่เป็น เราจำการทำอาหารของแม่มา มีแต่กับข้าวแบบบ้านนอก ซึ่งแต่ก่อนบ้านผมกินข้าวไม่เป็นเวลา ผมจะชอบไปนั่งรอแม่ทำกับข้าวทุกวัน ลุ้นว่าเมื่อไหร่แม่จะชิม เพราะถ้าแม่ชิม เราก็จะได้กินแล้ว เพราะใกล้จะเสร็จแล้ว (หัวเราะ)
แต่ช่วงที่นั่งรอก็จะเห็นว่าแม่ทำอาหารแบบนั้น แบบนี้ มันก็ซึมซับมา แต่ความตั้งใจที่ไปดูแม่ทำอาหารคือไม่ได้ไปรอดูสูตรหรอก แต่จะไปรอกิน ฉะนั้น คลิปฯ ทำอาหารที่เห็นก็จะมาจากเมนูที่ผมจำมาจากแม่”
เมื่อลองเข้าไปเยี่ยมชมแชนเนลยูทูบ “โชเล่ย์ ดอกกระโดน” จะเห็นว่ามีคาแรกเตอร์ชัดเจนพอสมควร โดยจะเน้นสอนทำอาหารด้วยเมนูบ้านๆ สามารถทำตามได้ไม่ยาก
ส่วนที่ได้รับเสียงชื่นชมคงหนีไม่พ้นสำเนียงภาคกลางปนใต้ที่สร้างรอยยิ้ม แถมในคลิปฯ ยังมีการสอดแทรกคำพูดน่ารักๆ ให้เด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องสุขอนามัยด้านการรับประทานอาหารอีกด้วย
“คนที่เข้ามาติดตามผมมาจากทุกภาคเลย ดังนั้น ผมจึงต้องพูดภาษากลางเพื่อให้คนเข้าใจ แต่ภาษากลางของผมมันก็ยังมีสำเนียงใต้อยู่ดี (หัวเราะ) คนดูส่วนใหญ่มีทั้งเด็กรุ่นใหม่-วัยรุ่น มีเด็กคนหนึ่งบอกผมว่าตอนดูคลิปฯ เขากำลังกินเบอร์เกอร์อยู่ แต่หลังจากนี้จะลองกินแกงเลียงดู ผมก็ปลื้มใจนะ
ส่วนเวลาที่ผมจะเริ่มทำอาหาร ผมไม่ได้คิดนาน พอนึกว่าอยากทำอะไรก็ทำเลย ผมจะทำแบบง่ายๆ เป็นอาหารใต้และอาหารบ้านนอกที่คนรวยไม่มีโอกาสได้กิน (หัวเราะ) ไม่ใช่อาหารที่หาซื้อได้ตามตลาดครับ ผมทำมาเรื่อยๆ แบบที่ไม่ได้มีรายได้เข้าเลย ตอนนั้นยอดติดตามก็ 7 หมื่นกว่าคนได้แล้ว
จนมาถึงจุดเปลี่ยน ผมมองลูกสาว แต่ละวันลูกไปทำงาน รับผิดชอบเราทุกสิ่งเลย ตอนนี้ผมเริ่มมารบกวนลูกเรื่องขอเงินมาทำคลิปฯ ด้วย
เพราะต้องมีค่าวัตถุดิบมาทำอาหาร แม้ก่อนหน้านี้มีคนเสนอมาว่าจะเปิดกล่องรับบริจาคหาเงินมาให้เราทำอาหาร แต่ผมขอไม่รับ ผมก็เลยคิดว่าถ้างั้นผมเปิดแบบรับรายได้ด้วยดีกว่า สงสารลูกกับเมีย
อย่างตอนที่ผมไม่มีงาน ทั้งลูกและเมียก็รับผิดชอบรายจ่ายทุกสิ่งทุกอย่างเลย พอผมลงคลิปฯ ทำอาหารแล้วมีคนมาติดตาม จากหลักสิบก็ขึ้นมาเป็นหลักร้อยและหลักพัน ตรงนี้มันพอเป็นรายได้ให้ผมมาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านได้ แม้ต่อเดือนจะสร้างรายได้ที่ 1 หมื่น - 2 หมื่นกว่าบาท ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว”
ในวันที่ตกงาน “ครอบครัว” คือกำลังใจ
“คลื่นลูกใหม่-ลูกเก่า ผมเข้าใจ มันเป็นธรรมดา มีคนบอกว่าผมกลับมาดังแล้ว ผมไม่เคยปรารถนาความดังเลย ผมต้องการงานมากกว่า ตอนนี้ผมพอมีงานและไปทำงานด้วยความสุข ทั้งๆ ที่ร่างกายผมมันถึงวัยชราแล้ว แต่ใจมันฟูกว่าร่างกายที่ห่อเหี่ยวอีกนะ”
นักแสดงตลกคนเดิมเผยความรู้สึก ภายหลังจากที่มีการพูดถึงบทบาทการเป็นยูทูบเบอร์ที่ทำให้เขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง รวมถึงมีการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์อยู่หลายรายการ เขาย้อนให้ฟังว่าชีวิตก่อนหน้านี้เจออุปสรรคหนัก งานไม่มี รายได้ไม่มา เขายอมรับว่าคิดมากแต่เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
“ช่วงที่ผมเจอมรสุมชีวิต ก็มีคิดมากเป็นธรรมดา แต่ไม่มีอะไร ผมไม่เครียดหรอก แต่สงสารลูกมากกว่าว่าต่อไปเขาต้องมารับผิดชอบทุกอย่างแทนเรา
แต่ถ้าเครียดถึงขั้นเป็นซึมเศร้า ผมไม่เคยนะ จะมองโลกในแง่ดี ถ้าลูกเมียไม่สบายใจ ผมก็จะหาเรื่องสนุกๆ มาคุย ผมมีความคิดว่าเวลาในชีวิตคนเราเหลือน้อยลงทุกวัน อย่าไปคิดอะไรมาก
การที่เราไปคิดอะไรให้มันบั่นทอนสุขภาพและอายุตัวเอง ผมว่าอย่าคิดดีกว่า เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอนหลับไปวันนี้ พรุ่งนี้จะตื่นหรือเปล่า เหมือนที่บอกว่าเรารู้วันเกิดแต่ไม่รู้วันตายก็เหมือนกัน
เชื่อไหมว่าเวลาผมนอน ผมต้องนอนให้ดีนะ ถ้าเกิดว่าไม่ตื่น คนมาเจอจะได้เห็นสภาพเราดีๆ หน่อย (หัวเราะ) คนเรามันไม่แน่นอน อยู่ที่บาปบุญว่าเราสร้างมาประมาณไหน มีเวลาก็ให้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ สิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ”
แน่นอนว่าชื่อเสียงของโชเล่ย์ไม่เพียงแต่ทำให้นึกถึงภาพนักแสดงตลกในตำนาน แต่ยังเป็น “นักสู้” ที่หลายคนหยิบยกให้เป็นไอดอลด้านการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน
“เรื่องสู้ชีวิต ผมสู้มาตั้งแต่เด็ก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่ก็ยากจน เราสู้มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุ 60 กว่าปีแล้ว ยังสู้อยู่เลย การสู้ชีวิตไม่ใช่สู้ไปจนได้มาแล้วก็หยุดสู้
สมมติเราสู้ไปเพื่อต้องการเงิน 10 บาท แต่พอเราได้ 10 บาทมาแล้วเราหยุด แล้วคิดว่าเงินนั้นเราไม่ใช้จ่ายไปเหรอก็ต้องใช้จ่ายไป พอหมดก็ค่อยมาสู้ใหม่แบบไหนเหรอ
ผมก็สู้ตลอด ตอนที่ไม่มีงาน ผมเป็นหนี้ธนาคารเพราะซื้อบ้าน 4.2 ล้านบาท ผมไม่มีงาน แต่ผมก็ไม่เคยขอเลื่อนจ่ายธนาคารเลย เหมือนที่บอกพอได้เงินมา เราก็ต้องสู้ต่อ ไม่ต้องรอให้มันหมดก่อนแล้วค่อยสู้ใหม่ ผมผ่อนบ้านหลังนั้นจาก 4 ล้านกว่าๆ ตอนนี้เหลือ 4 แสนแล้ว
บางคนเขาสงสารก็ให้ผมไปเป็นพิธีการบ้าง หรือพระท่านที่วัดก็จ้างไปเป็นพิธีกรงานปั่นจักรยาน หรืองานอื่นๆ อย่างงานแต่ง งานสังสรรค์ ผมไปหมดเลย ผมทำใจอยู่แล้ว ใครจะพูดอะไรก็ชั่ง อยู่ที่ใจเราต้องหนักแน่นและเข้มแข็ง
ผมเชื่อว่าคนรักมี คนเกลียดก็ต้องมี จะไปให้คนมารัก มาชอบเราทุกคนเป็นไปไม่ได้ ขณะที่เราเองก็ไม่ได้ชอบคนหมดทุกคนเลย เราต้องเข้าใจตรงนี้ ฉะนั้น กำลังใจของผมคือลูกและเมียคือสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาไม่เคยบ่น ไม่เคยบั่นทอนผมเลย
ทั้งที่ผมตกงานมาตั้งนาน เวลาเขากลับมาบ้าน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยก็ซื้อให้ผมปกติเหมือนเดิมเลย ไม่เคยทำให้ผมคิดว่าทำไมวันนี้ถึงไม่มีของกินจากลูกเลย ครอบครัวคือกำลังใจของผม”
ข่าวโดย MGR Live
ขอบคุณภาพ FB : โชเล่ย์ ดอกกระโดน
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **