เปิด 10 เมนูใหม่ ไอศกรีมไทยสไตล์โฮมเมด ไร้สารปนเปื้อนจากสารเคมี กับการผสานไอศกรีมไทยรสเข้มข้นระดับตำนาน ย่านเตาปูน ที่มีหนุ่มนักเรียนขาสั้น สาวคอซอง แวะเวียนมานั่งอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เข้าถึงคนไทยทุกเพศทุกวัย ยังมีการนำเครื่องเคียงต่างๆ ในรูปแบบแปลกใหม่ สร้างสรรค์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พร้อมเปิดใจ ทายาทรุ่นที่ 3 กับวิธีมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด รวมไปถึงย้อนตำนานความเป็นมา ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
10 เมนูใหม่ ผสมผสานอย่างลงตัว!!
หากเอ่ยคำว่า “ทิพย์รส” หลายคนคงคิดว่าเป็นชื่อน้ำปลาแบรนด์หนึ่ง รวมถึงผู้เขียนเองก็เช่นเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า “ทิพย์รส” เป็นชื่อไอศกรีมที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ถึง 49 ปี เป็นร้านไอศกรีมสไตล์ไทย ซึ่งเปิดให้บริการในย่านเตาปูน ที่หนาแน่นไปด้วยพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยของกินเลิศรส
โดยไอศกรีมของทิพย์รสเป็นที่ยอมรับนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ด้วยรสชาติโดดเด่น เนื้อละมุน เข้มข้น เป็นเอกลักษณ์ เพราะใช้วัตถุดิบของแท้จากธรรมชาติอย่างไม่เคยหวงปริมาณ อาทิ กะทิคั้นสดจากมะพร้าวทับสะแก ที่เป็นเลิศทั้งด้านความหวาน ความหอม และความมัน ทุเรียนหมอนทองคัดพิเศษรสเข้มกลิ่นหอม ชาไทยและกาแฟสูตรต้นตำรับ ที่รสชาติกลมกล่อมตามแบบฉบับชากาแฟไทยโบราณ และเผือกเนื้อแน่นสีขาวบริสุทธิ์
[5 เมนูระดับตำนาน พ.ศ. 2513]
นอกจากนี้การเลือกผลิตไอศกรีมในปริมาณจำกัด ไม่ใช้สารเคมี ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะอร่อยกับไอศกรีมที่สดใหม่อยู่เสมอ เมื่อประกอบกับตัวเลือกเครื่องเคียงแบบไทยนานาชนิด ที่คัดสรรมาให้เลือกอย่างถูกจริตคนไทย ทั้ง ลูกชิด เยลลี่ ข้าวเหนียวมูน มะม่วงเชื่อม มะยมเชื่อม เม็ดบัวเชื่อม ซุปข้าวโพด หรือทีเด็ดอย่างไข่แดงสดแช่แข็ง จึงเกิดเป็นมนตร์เสน่ห์ของไอศกรีมทิพย์รส ที่ไม่มีใครเหมือน
จนทำให้คนไทยหลายต่อหลายรุ่นเทใจให้มาตลอดเกือบ 50 ปี และเลือกให้เป็นไอศกรีมไทยที่ไม่ว่ายุคสมัยไหน ก็ต้องไม่ลืมนำกล่องโฟมไปใส่กลับบ้าน เพื่อให้มีติดตู้เย็นเป็นประจำ หรือแวะเวียนไปลิ้มรสที่ร้านให้หายอยากอยู่เสมอ
จากรสชาติที่โดนใจในวันนั้น สู่การก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ในวันนี้ ทิพย์รสยังคงเดินหน้าผลิตไอศกรีมไทยแท้คุณภาพระดับพรีเมียม อย่างใส่ใจ นำทัพโดยไอศกรีมรสยอดนิยม อย่างกะทิรวมมิตร ทุเรียน ชาไทย เผือก แมงลัก และข้าวโพด
เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ทิพย์รส ตั้งใจที่จะเข้าถึงคนไทยทุกเพศทุกวัยมากขึ้น เพราะเชื่อว่าไอศกรีมไทยที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย คือไอศกรีมไทยสไตล์โฮมเมด ที่มีรสชาติอร่อยเข้มถึงใจ ซึ่งเกิดจากวัตถุดิบมากคุณภาพและความใส่ใจต่อความสดใหม่ ไร้การปรุงแต่งหรือสารเคมี อันยากจะหาได้จากไอศกรีมที่ผลิตโดยระบบอุตสาหกรรมทั่วไป
ทำให้มีการคิดค้น ๑๐ เมนูใหม่ ที่เป็นการผสานไอศกรีมไทยรสเข้มข้นระดับตำนาน เข้ากับเครื่องเคียงต่างๆ ในรูปแบบแปลกใหม่ สร้างสรรค์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ไปที่เมนูแรก “ถังทอง” เมนูขึ้นหิ้ง การปลุกขนมถังแตกในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยไอศกรีมกะทิรวมมิตร โรยมะพร้าวอ่อน เกล็ดน้ำตาล และงาขาวงาดำคั่ว กลมกล่อมลงตัวไม่เหมือนใคร
ต่อด้วยเมนูที่ 2 “รสแห่งสยาม” จากต้มยำไทยแลนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ผ่านการการสร้างสรรค์สู่เมนูไอศกรีมรสชาติเผ็ดร้อนของพริกหอมทอดกรอบ พร้อมเครื่องเทศแสนสดชื่นของเยสลี่ตะไคร้ใบเตย ทานคู่กับไอศกรีมนมสด เพื่อเร่งรสชาติความเข้มข้น
และเมนูที่ 3 “เหินห่าวซือ” การจับคู่ไอศกรีมชาไทยสูตรต้นตำรับกับซอสไข่เค็มหยาดเยิ้มและขนมยิ้มเสน่ห์ ขนมไทยเชื้อสายจีนโบราณที่หาทานได้ยาก ถือเป็นการสานต่อตำนานผู้บุกเบิกไอศกรีมไทยของประเทศ ด้วยการฉีกกฎประสบการณ์ความอร่อยของวงการไอศกรีมพรีเมียมของไทยอย่างสิ้นเชิง
ไปต่อที่เมนูที่ 4 “จตุมงคลจารึก” คุณค่าอัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมขนมไทย 4 ชนิด ได้แก่ เม็ดแมงลัก ลอดช่อง ข้าวตอก ข้าวเหนียวดำ ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช ถูกบันทึกไว้ในศิลาจารึก นิยมนำมาเสิร์ฟในงานเลี้ยงประเพณีสมัยโบราณ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ไปต่อกันที่เมนูที่ 5 “แตงโมปลาแห้ง สังขยาเคี่ยว” มนต์เสน่ห์แห่งกาลเวลาของข้าวเหนียวแตงโมปลาแห้ง ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพิ่มความหวานมันกับไอศกรีมนมสด เพิ่มความหอมด้วยการราดสังขยาเคี่ยวสูตรเฉพาะของทิพย์รส
สำหรับเมนูที่ 6 “น้ำเต้าหู้โบราณ” รสชาติสุดคลาสสิคของน้ำเต้าหู้ผสานกับไอศกรีมงาดำ ที่หอมกลิ่นงาคั่ว ค่อยๆ ละลาย ปนเครื่องเคียงหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น แปะก๊วย วุ้น สาคู ลูกเดือย ถั่วแดง เม็ดบัว และโก๋กรอบ
ต่อกันด้วยเมนูที่ 7 “บานาน่า ไทยสไตล์” กล้วยที่ไม่ใช่แค่เรื่องกล้วยๆ ไอศกรีมวนิลาทานคู่กับกล้วยตากทอดหนุบหนับ กล้วยฉาบกรุบกรอบ รวดด้วยน้ำกล้วยปิ้ง เกิดรสชาติที่ซับซ้อนของรสสัมผัสได้อย่างมีมิติ
เมนูที่ 8 ก็ไม่น้อยหน้าสำหรับ “ปลากริมไข่เต่า กะทิหอม” ที่หนึ่งของความกลมกล่อม หวาน มัน เค็ม รสชาติที่หลากหลายจากปลากริมต้มน้ำตาลมะพร้าว ไข่เต่าต้มน้ำกะทิ พร้อมกับไอศกรีมเผือก และเผือกทอด รับรองว่าเคี้ยวเพลินจนลืม
มากันกับเมนูที่ 9 “วิจิตรไข่ฝอย หมี่กรอบส้มซ่า” กลิ่นไข่ฝอยทอดหอมกรุ่นโรยบนไอศกรีมกะทิรวมมิตร ทีเด็ดของทิพย์รส รายล้อมด้วยหมี่กรอบส้มช่าอมเปี้ยวอมหวาน เป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 5
เมนูสุดท้าย “หอมหมื่นไมล์” ที่สุดของความหอมที่เป็นเอกลักษณ์จากการผสมผสานระหว่างขนมปังปิ้งเนยสดร้อนๆ ราดด้วยซอสใบเตยเมเปิ้ล และไอศกรีมนมสด ทำให้เกิดกลิ่นหอมในหลากมิติ แบบที่ไม่มีมาก่อน
ย้อนตำนาน 49 ปี อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน!!
ไอศกรีมทิพย์รส ที่เปรียบเสมือนมรดกของคนไทยหลายๆ ครอบครัว นับจากวันแรกที่ทิพย์รสถูกก่อตั้งขึ้น ครั้งนี้เราจึงจะพาย้อนกลับไป ถึงตำนานความเป็นมาที่อยู่มาอย่างยาวนาน
ด้าน ลูกปลา-เสาวลักษณ์ โสภณธนวัฒน์ ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้สืบทอดกิจการไอศกรีมทิพย์รส ได้บอกเล่ากับทีมข่าว MGR Live ถึงเรื่องราวความเป็นมาของไอศกรีมที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงเคล็ดลับที่เด็ดที่สุดที่มัดใจลูกค้าจนต้องกลับมากินซ้ำแล้วซ้ำอีก
“เราเป็นรุ่นที่ 3 ที่รับช่วงมาจาก อากง และอากู๋ เริ่มสานต่อมาได้ประมาณ 2 ปีที่แล้ว ได้มาบริหารตรงนี้เป็นรุ่นที่ 3 ก็เลยได้ชวนเพื่อนๆ มาร่วมลงทุนด้วย เพื่อที่จะทำให้มันเดินต่อไป มีหุ้นส่วนด้วยกันทั้งหมด 7 คน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพราะถ้าอากู๋เลิกทำไปแล้วสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานก็จะไม่มีใครสานต่อเลย ก็คือจะถูกปิดไปเลย เราจึงตัดสินใจที่จะทำต่อ”
ทายาทรุ่นที่ 3 ยังเล่าต่อไปถึงจุดเริ่มต้น ที่มาเริ่มแรกของไอศกรีมทิพย์รส มาจากความชื่นชอบการกินไอศกรีมของอากงอาม่านั้นเอง และกว่าจะมาเป็นร้านในทุกวันนี้ก็อากงก็ขายเป็นรถเข็นมาก่อน เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนจึงผันตัวเองมาเปิดเป็นร้านให้คนสามารมานั่งกินที่ร้านหรือสั่งกลับบ้านได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
“จุดเริ่มต้นทิพย์รส อากงอาม่าชื่นชอบไอศกรีมแล้วก็มีการคิดค้น ปรับสูตรเองทุกอย่าง คิดเองทั้งหมด ไม่ได้เอามาจากที่อื่นเลย เมื่อก่อนไอศกรีมยังไม่ค่อยมี มันก็เลยทำให้ทิพย์รสดัง สมัยก่อนรุ่นพ่อแม่เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนใส่เป็นถุงพลาสติกเหมือนถุงก๋วยเตี๋ยวมัดๆ แล้วก็ห่อหนังสือพิมพ์ พอผ่านไปก็ขยับมาเป็นกล่องพลาสติกมีฝาปิดช่วงปีใหม่หรือช่วงเทศกาลก็จะทำไม่ได้หยุดกันเลย ทำทุกวัน
[บรรยากาศร้านเมื่อสมัยก่อน]
ต้องเท้าความก่อนนะคะว่าอาม่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของอากงคนที่เป็นเจ้าของไอศกรีมทิพย์รสคนแรก เขามาด้วยกัน พ่อแม่เขามาจากเมืองจีนแล้วมาตั้งอยู่เตาปูน โดยส่วนตัวเองเกิดไม่ทันรุ่นแรก แต่มาทันคือรุ่นที่สองแล้วค่ะ
ก่อนจะมาเป็นร้านได้จนถึงทุกวันนี้ อากงขายเป็นรถเข็นมาก่อน สำหรับสูตรไอศกรีม และชื่อทิพย์รสอากงเป็นคนคิดค้นเองทั้งหมด เพราะเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว โดยที่มีกะทิเป็นหลัก อากงเสียไปได้ประมาณ 6-7 ปี อากู๋ก็เข้ามาสานต่อได้ประมาณ 3 ปี แต่ในระหว่างนั้นอากู๋เองก็ช่วยอากงทำมาตั้งแต่แรกๆ อยู่แล้ว จนมาถึงอากงเสีย อากู๋เองก็เริ่มอยากปล่อย อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้น รวมไปถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ”
นอกจากจะอยู่มาอย่างยาวนานเป็นตำนานขนาดนี้แล้ว ทำไมทิพย์รสเองถึงไม่ขยายร้าน หรือมีแฟรนไชส์ ทายาทรุ่นที่สามก็ได้ให้คำตอบอย่างพูดติดตลกกับเราว่า เพราะอากงหวงสูตรมาก ขนาดขั้นตอนในการทำ ยังไม่มีใครได้เข้าไปเห็น เนื่องจากตอนทำนั้นอากงเองได้ปิดห้องและทำทุกอย่างด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ไม่ให้ใครรู้แม้แต่คนที่บ้าน
“เขาจะสอนแค่อากู๋คนเดียว ซึ่งมันเป็นมรดก อากงค่อนข้างจะซีเรียส จากนั้นอากู๋ก็มาสอนพวกเราอีกทีหนึ่ง ตอนแรกอากู๋เองไม่ยอมสอนคนอื่นด้วยนะ ไม่ยอมสอนหุ้นส่วน สอนแค่หนูคนเดียว แต่เมื่อได้มาฟังแนวคิดของกลุ่มเพื่อนๆ อากู๋ก็ค่อยยอมสอน แต่ในอนาคตเราก็หวังว่าจะเปิดสาขาอีกอยู่เหมือนกัน”
ไม่เพียงเท่านี้ หัวใจสำคัญของไอศกรีมทิพย์รสที่ส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่นได้อย่างลง นั้นคือความใส่ใจเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ของสดใหม่ ใส่ใจเรื่องวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่ปรุงแต่ง หรือไม่ใส่สารที่เป็นเคมี แม้ว่าวัตถุดิบจะมีราคาแพงขึ้น แต่ทางร้านเองก็ยังต้องซื้อในปริมาณเท่าเดิม เพราะไอศกรีมทิพย์รสเป็นแบบโฮมเมด
“หัวใจสำคัญของทิพย์รส คือใช้ของสดใหม่ตลอดเวลา เราต้องมีคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพราะสิ่งที่อากู๋ส่งต่อมาคือเคล็ดลับความอร่อย และสูตรตำนานของไอศกรีมทิพย์รส คนส่วนใหญ่ที่มาทานก็ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชื่นชอบ และทานมาตั้งแต่เด็กๆ อีกอย่างอากู๋ฝากไว้ว่า ทำให้ดี เก็บไว้ อย่าทิ้ง”
หากนักชิมหรือคอไอศกรีมคนใดสนใจ ก็แวะไปที่ร้านได้ โดยร้านตั้งอยู่ย่านเตาปูน ใกล้กับ MRT สถานีเตาปูน ทางออกที่ 3 ตั้งอยู่ซอย กรุงเทพ-นนทบุรี 2 ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 -20.00 น.
ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก: ไอศกรีมทิพย์รส
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **