xs
xsm
sm
md
lg

“สิบเอกหญิงสุพิชฌา” สาวไทยร่างเล็กผงาดในกองทัพสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เกือบ 4 ปีแล้วที่สาวไทยร่างเล็กวัย 33 ปี ไปยืนผงาดในกองทัพสหรัฐฯ ในฐานะสิบเอกหญิง ตำแหน่งนักวิเคราะห์บัญชี พีช-สุพิชฌา วิริยะสกุลพันธุ์ สาวไทยแท้ที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ อยู่ตอนนี้ เธอสร้างแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน อยากแกร่ง สตรองเหมือนเธอ ทีม MGR Live ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สดผ่านวิดีโอคอลข้ามทวีป เปิดเส้นทางชีวิตที่กว่าจะมีวันนี้ได้ พร้อมให้ข้อคิด “อย่าไปกลัว ทุกคนต้องเอาตัวรอด เมื่อใจเราสู้ เราจะแกร่งขึ้น”

เปิดเส้นทางทหารหญิงอเมริกันเลือดไทย


ฮือฮาสาวไทยผงาดในกองทัพสหรัฐฯ ตั้งเป้าขอเป็นพลเมืองอเมริกัน หลังวีซ่านักเรียนหมด แต่ไม่อยากเป็นโรบินฮู้ด ทางเลือกไม่เยอะ คิดหาแฟนฝรั่งเพื่อให้ได้สัญชาติ แต่มันไม่ใช่ความรัก เลือกทางเดินใหม่สุดท้าทายกับอาชีพ “ทหาร” โหด หิน เหนื่อย แต่ใจสู้สุดฤทธิ์  

ชีวิตวัยเด็กของเธอนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอซึมซับชื่นชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ

“ตอนอยู่เมืองไทยก็เปลี่ยนที่อยู่ตลอดนะคะ จากตอนอยู่กรุงเทพฯ อยู่บางกอกน้อย ก็ย้ายไปนครศรีธรรมราชแล้วย้ายมาเรียนมัธยมต้นอยู่ที่ แถวปากเกร็ด จากนั้นก็ย้ายบ้านไปอยู่บางบัวทองค่ะ

แล้วย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรี เรียนจบถึงได้กลับมาอยู่บ้านอีกทีค่ะ ตอนสมัยเรียน ชอบทำกิจกรรมมากกับที่มหาวิทยาลัย”

ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเดินทางไปต่างประเทศนั้น เพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ work and travel ซึ่งเป็นประสบการณ์เบิกเนตร ทำให้เธอเกิดไอเดีย และรู้สึกเลยว่า ไลฟ์สไตล์ตัวเธอเองนั้นเหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากกว่าเมืองไทย

“สมัยที้ยังเรียนที่ศิลปากร ได้มีโอกาส work and travel อยู่สองครั้ง จากนั้นก็ทำงานในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แต่บ้านพีชอยู่บางบัวทอง เดินทางไกลมาก รู้สึกเหนื่อยมากค่ะ แล้วเหมือนเงินเดือนที่ได้ก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่

พอดีว่ามีเพื่อนอยู่ที่นิวยอร์กที่เคยเข้าร่วมโครงการ work and travel ด้วยกันเลยแนะนำว่าให้ลองมาอยู่มาหาที่เรียนและทำงานชั่วคราวที่นี่ไหม เผื่อจะได้ไอเดียใหม่ๆให้กับชีวิต ก็เรียนไปทำงานไปอยู่ 5 ปีเลยค่ะ อยู่ไปอยู่ไปก็เริ่มชิน แล้วเราก็รู้สึกว่า ไลฟ์สไตล์ของที่นี่น่าจะเหมาะกับเรามากกว่า

พอวีซ่าหมดเท่านั้นแหละก็เริ่มลน เพราะว่า อยากจะอยู่ต่อ แต่ไม่อยาก เป็นโรบินฮู้ด มีทางเลือกไม่เยอะ หาคนแต่งงาน จ้างคนแต่งงาน ถูกลอตเตอรีใบเขียว

เคยไปออกเดตกับผู้ชายหลายคนอยู่เหมือนกันแต่มันไม่ใช่ มันยังไม่เจอ เคยมีนะเพื่อนแนะนำคุณลุงคนหนึ่ง โสดไม่มีเมีย ไม่มีลูก รวยมากเลยนะ มีเพนส์เฮาส์ แต่อายุมากแล้ว มากกว่าเราเยอะ ลุงก็ชวนไปกินข้าว ก็เลยลองดูก็ได้ คุณลุงพาไปกินอาหารฝรั่งเศส หรูหรามาก ดูแลอย่างดี พนักงานก็รุมมองเรา รู้สึกอายมาก คนก็คงจะคิดว่าเราเป็นแบบเมียเด็ก เมียเช่า คนดูแลคนแก่ คือมันไม่ได้จริงๆ ทำใจไม่ได้อย่างแรง มันไม่ใช่ความรัก

ถ้ามันเป็นความรัก คนมองเราก็ไม่อายไหม จะจูบโชว์เลยจ้ะ แล้วถ้าเราแต่งกับคนที่เราไม่ได้รักไม่ได้อยากอยู่ด้วยเราต้องทนขนาดไหน เพื่อใบเขียวต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ ไม่เอาดีกว่า

สำหรับแรงขับที่ทำให้เธออยากเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกานั้น นอกจากจะชอบการใช้ชีวิตในต่างประเทศแล้ว เหตุผลสำคัญคือ “ชอบท่องเที่ยว” เพราะหากเป็นพลเมืองอเมริกันแล้วสามารถไปเที่ยวประเทศต่างๆ ได้ไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยาก

“เพราะเราเล็งเห็นว่า เราชอบการใช้ชีวิตที่นั่น แล้วรู้สึกชิน และอีกอย่างเราก็อยากเป็นพลเมืองถูกต้องตามกฎหมาย เรารู้สึกว่า รู้สึกตัวเองโตขึ้นเยอะตั้งแต่ ย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์กพระบอกก่อนนะคะนิวยอร์กไม่ใช่เมืองที่ใครก็ไม่อยู่ได้มันเป็นเมืองที่ ถ้าไม่รักก็เกลียดเลย ถ้าไม่ลองมาอยู่ไม่รู้นะคะ มันไม่เหมือนกับที่เราเห็นในหนังนะ

เขาถึงมีคำพูดที่ว่า พายุนิวยอร์กได้อยู่ที่ไหนก็ได้ มาอยู่ต่างประเทศก็ต้องสู้ชีวิตเราไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือเพื่อนคือครอบครัวของเรา เราต้องดูแลกันเองยามเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีปัญหาอะไร เพราะว่าเราจะได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย อีกทั้งการท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆก็ง่ายขึ้น ก็ไม่ต้องทำวีซ่า เพราะตัวเองเป็นคนชอบเที่ยวมาก”

สตรองยืนหนึ่ง! ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

จังหวะเป๊ะ! หลังจากที่หาทางทุกอย่างเพื่อให้ได้กรีนการ์ด แต่ดูท่าจะไม่เวิร์ค ความหวังใหม่สำหรับการเป็นพลเมืองอเมริกันด้วยการเป็น “ทหาร” จึงเป็นทางแห่งแสงสว่างที่ทำให้เธอเดินฝ่าฟันเข้าไปด้วยความมุ่งมั่น

“พอดีว่ามีเพื่อนที่ทำงานร้านอาหารเดียวกัน เค้ามาบอกเกี่ยวกับการสมัครทหาร เป็นโปรแกรมที่ชื่อว่า Mavni ถ้าฝึกทหารจบก็จะได้ก็จะได้ Citizen ตอนนั้นอายุ 29 ปี ก็ยังได้อยู่ เพราะเขาจำกัดอายุ ไม่ให้เกิน 34 ปี และกำหนดว่าคนที่สมัครได้ต้องมาอยู่ที่อเมริกาอย่างถูกกฎหมายเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป จะมาเป็น ออแพร์ (AuPair) นักเรียน หรืออะไรก็ได้ ส่วนน้ำหนัก ส่วนสูง ไม่เกี่ยง ขอให้สมส่วน สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคร้ายแรง โรคติดต่อ และต้องใช้วุฒิการศึกษาจบมัธยมปลาย

ตอนแรกก็กลัวๆนะ เกิดมาไม่เคยคิดจะเป็นทหาร ไม่ไหวหรอกมันไม่ใช่ ไลฟ์สไตล์ของเรา แต่ก็ไปสมัครนะ ลองดู ไปสอบเรียบร้อย ตรวจร่างกาย เสร็จสรรพ จากนั้นก็ไปสอบ ข้อสอบก็เป็นแบบเลขภาษาอังกฤษ คำศัพท์ช่าง แล้วก็จิตวิทยา มันก็ไม่ได้ยากมาก เหมือนออกแนวมัธยมปลาย หากเราทำข้อสอบเกิน 50% ถือว่าผ่าน ใช้เวลาสอบทั้งหมดประมาณ 2 เดือน

เสร็จแล้วเขาก็จะเอาคะแนนมาดูแล้วเขาก็ให้เราเลือกว่าเราอยากทำงานอะไร จากคะแนนที่เราได้ ตอนแรกเขาจะให้ไปเป็นพยาบาลแต่เราคงไม่ไหว เขาเลยให้มาทำการเงินแทน ซึ่งเราก็โอเค จากนั้นก็รอ 6 เดือนเรียกตัวแล้วก็ไปฝึก

ตอนแรกเราก็คิดไปนะเพราะว่าเรายังมีโอกาสที่จะบอกเลิกเขาไง เพราะมันถึงสุดท้ายแล้วที่เขาบอกว่าเธอต้องไปฝึกแล้วนะ ก็คิดหนัก แต่ก็เอาวะ ดีกว่าเสิร์ฟอาหารขาลาก ไปไหนก็ไม่ได้ วีซ่าไม่มี ออกประเทศไม่ได้ไปไหนก็กลัว เป็นทหารก็ได้

จากนั้นก็เริ่มฝึก ช่วงที่หนักสุดคือตอนไปนอนป่าแล้วฝนมันตก คือมันมืดมากไม่มีไฟเลยนะแล้วฝนตก ต้องนอนอยู่ในเต็นท์แต่ว่ามันก็ยังเปียก หนาวก็หนาว เหม็นตัวเองด้วย เหนื่อยมากเลย ตอนนั้นคือใกล้จะฝึกจบแล้ว นี่ไม่เคยเรียน รด.ไม่รู้ว่าเขาฝึกทหารกันยังไง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความอดทน แล้วก็ motivation ทำอะไรที่มัน นอกเหนือจาก Comfort Zone มันยากหมดแหละ

นอกจากนี้ ยังมีการฝึกยิงปืน ปาระเบิด เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เป็นกิจกรรมที่ชอบ และสนุก มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายปีละ 2 ครั้ง ด้วยการวิ่ง 2 ไมล์ ช่วงแรกพีชใช้เวลาวิ่ง 20 นาที ปัจจุบันนี้ 15 นาที นอกจากนี้ ยังมีการเดินทางไกลกว่าสิบกิโลฯ พร้อมแบกเป้ใบโตหลายสิบโลฯ

ช่วงที่แรกฝึกทุกคนอาจจะผอม สักพักจะน้ำหนักขึ้นแน่นอนเพราะเริ่มมีกล้ามเนื้อ ร่างกายทุกคนจะฟิตแข็งแรง

ใครจะไปคิดอายุตั้งเยอะแล้ว ไปเกณฑ์ทหาร แต่บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่จะจำไปตลอดชีวิต ไม่เคยลืม เพื่อนที่ฝึกทหารมาด้วยกันทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ มันเหมือนเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ ก็ยังคิดถึงเป็นบางทีนะจะให้ไปฝึกอีกก็คงไม่เอาแล้วล่ะ พอฝึกจบเท่านั้นแหละไม่ถึง 2 เดือนนะ ก็ได้ citizen เลย fast track ไม่ต้องทำใบเขียวให้วุ่นวาย”

ทหารมะกัน สวัสดิการเยี่ยม เปย์ไม่อั้น!

ปัจจุบันเธอเป็นทหารอยู่แผนกการเงิน ตำแหน่งนักวิเคราะห์บัญชี โดยที่แรกที่ไปประจำการคือฮาวาย ซึ่งเป็นความทรงจำที่เธอสุดประทับใจกว่า 3 ปี ทว่า ตอนนี้เธอประจำการอยู่ที่เยอรมนี พร้อมเล่าว่า การเป็นทหารของอเมริกันมาพร้อมสวัสดิการสุดเยี่ยม ตรวจสุขภาพฟรี การศึกษา ส่งเรียน เปย์ไม่อั้น! ยิ่งเธอพูดภาษาไทยได้ ก็ได้เงินเพิ่มขึ้นอีก

“หลังจากฝึกจบแล้วตอนแรกก็มี Wish List ให้เราเขียนว่าเราจะไปประจำการที่ไหน อันดับ 1.เราเลือกเยอรมนี 2.ฮาวาย 3.แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายก็ถูกส่งมาฮาวาย ตอนแรกก็แบบ ฉันอยากไปอยู่ยุโรป เราก็อยากเที่ยวเนอะ แต่พอไปอยู่ฮาวาย รักเลย ทุกวันนี้นอนคิดถึงเสมอ อากาศดีมาก ชีวิตดีมาก สุขภาพ จิตใจดี ทุกอย่างดีหมด

จากที่เป็นคนชอบดื่ม เที่ยวกลางคืน ไปผับบาร์ ตอนอยู่นิวยอร์ก พอมาอยู่ฮาวาย กิจกรรมเอาท์ดอร์หมดเลย ชอบทะเล ปีนเขา เดิน 8 ชั่วโมง ก็สู้ อากาศดี สุขภาพดี

ส่วนที่ตัดสินใจขอย้ายมาอยู่เยอรมัน เพราะการที่เราจะก้าวหน้าในการงาน มันต้องย้าย จะมาอยู่ที่เดิมไม่ได้ เพื่อจะได้ตำแหน่ง ประสบการณ์ที่ดีขึ้น เพื่อสายงานในอนาคต ถ้าอยู่กับที่ ฮาวายต่อก็ได้นะ แต่เราคิดว่า เดี๋ยวอนาคตก็อาจจะได้กลับ เพราเราเพื่อนที่ฮาวายเยอะ ตอนนี้เพิ่งย้ายมาอยู่ที่เยอรมันได้เกือบ 4 เดือนแล้ว ก็รอให้อากาศร้อนไม่ร้อนสักที หนาวมาก ที่ประจำการตอนนี้ห่างจากแฟรงก์เฟิร์ต ชั่วโมง กว่าๆ ก็ประจำการที่นี่ 3 ปี

ตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดีนะ การเป็นทหาร เรารู้สึกว่าเราทำได้ รู้สึกชินกับมันไปแล้ว ไม่ได้ยากมาก และทางกองทัพก็ดูแลทุกอย่างให้อย่างดี

คือเงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะมาก ทุกวันนี้ก็มีเงินเก็บอยู่ แต่เราไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเยอะ เพราะทุกอย่างครอบคลุมหมดแล้ว ไม่ได้มีค่าใช้จ่าย เลยทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ลำบาก ไม่ต้องไปคิดอะไรเยอะ ถึงเวลาเขาก็จะส่งอีเมลมาบอกเราว่า เธอจะต้องไปทำฟันแล้วนะ ครบ 1 ปีแล้ว ถึงเวลาต้องตรวจตา ตรวจมดลูกของเธอแล้วนะ ถึงเวลาตรวจหู ตรวจการได้ยินแล้วนะ

หัวหน้าของเราก็ดี เพราะเขาจะดูแลเราดีมาก ใครมีปัญหาอะไรก็ต้องแก้ไข อย่างพีชมีลูกน้อง ก็จะต้องถามเขาว่า ไปเช็คฟันมายัง ถึงเวลาแล้วนะ และที่นี่เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก อย่างใครจะพาภรรยาไปโรงพยาบาลในเวลางานก็ไม่เป็นอะไร หัวหน้าก็ให้พาไป

นอกจากนี้ การศึกษา เขาก็ให้ความสำคัญ จะให้เงินไปลงเรียนเลย เราก็เรียนออนไลน์ เช่น ให้หน่วยกิตละไม่เกิน 2,500 ดอลลาร์ เวลาเข้างานเลิกงานก็ 09.00-17.00 น. ช่วง 6 โมงเย็นเราก็มีเวลาเรียนออนไลน์ได้

ส่วนค่ากินเขาก็ให้ 500 ดอลลาร์ต่อเดือน เราจะเอาไปใช้อะไรไปกินอะไรก็ได้เลย ยิ่งพูดภาษาไทยได้ก็ได้เงินเพิ่มอีก แต่ถ้าเป็นภาษาที่คนพูดได้เยอะแล้ว เช่น ภาษาจีน เขาก็ไม่เงินเพิ่มนะ

สำหรับอนาคตนั้น ตอนนี้พีชยังชอบการเป็นทหารอยู่ เพราะเขาก็ให้ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ ตอนนี้เรายังไหวอยู่ แต่ด้วยความที่ว่าเราก็ไมได้เด็กๆแล้ว เข้ามาตอนอายุเยอะแล้ว ตอนอายุ 29 ปี ใจเราไหวแต่เราก็ไม่รู้ว่าร่างกายเราไหวหรือเปล่า

ตอนนี้ก็พยายามเรียนให้ได้เยอะที่สุด มีคอร์สอะไรก็เรียนเพิ่ม เผื่อวันหนึ่งเราไม่ไหวจริงๆก็ออกมา แต่ก็ยังอยากทำงาน Government อยู่ เพราะรู้สึกว่าสวัสดิการเขาให้ดี และเราก็ชอบย้ายไปเรื่อย ไม่ชอบอยู่กับที่ อาจจะเป็นเพราะเรายังโสด ไม่มีครอบครัวด้วยมั้ง ถ้าเรายังทำงานกับ Government อยู่ เขาก็จะย้ายเราไปเรื่อยๆ เราก็มาทำงานเป็นข้าราชการธรรมดา ก็คิดอยู่ว่าอาจจะเป็นแบบนั้น

ส่วนเรื่องของหัวใจนั้น เธอยอมรับว่าตอนนี้กำลังศึกษาดูใจพูดคุยกับทหารอากาศอเมริกันอยู่
ทหารอเมริกันหนุ่มรู้ใจ
“คือสเปกผู้ชายเราก็เยอะนะ บางทีก็ชอบตาฟ้า ตาน้ำตาล แต่ที่สำคัญต้องรักสุขภาพ ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย สะอาด ตอนนี้ก็คุยๆ อยู่กับหนุ่มอเมริกันทหารอากาศ เหมือนเป็นเพื่อนดูแลกันมากกว่า ไม่ได้สวีทหวานแหวว เราก็ต่างคนต่างอยู่ เจอกันเสาร์อาทิตย์ ”

เมื่อใจเราสู้ เราจะแกร่งขึ้น!

นอกจากนี้ เธอยังแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นทหารเหมือนเธอ ต้องมี “ใจที่ไม่ท้อ” ร่างกายแข็งแรงฝึกกันได้ แต่ “ใจสู้” สำคัญที่สุด เพราะมีช่วงเวลาที่ท้อมากถึงมากที่สุด อยากกลับบ้าน ร้องไห้ แต่สุดท้ายใจต้อง “แกร่ง” ฝ่าฟันอุปสรรคให้ได้ทุกอย่าง

“การเตรียมใจและร่างกายสำหรับการฝึกทหารของทางสหรัฐฯ นี่ ร่างกายไม่ต้องเท่าไหร่ค่ะ เดี๋ยวร่างกายของเราก็จะปรับ เองแต่ใจ สำคัญมาก ต้องมีความอดทน แล้วมีความมุ่งมั่นค่ะ ต้องบอกตัวเองเสมอว่า ”เราทำได้ มันง่ายนิดเดียว”

เพราะถ้าจะเลิกกลางคันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะไม่ใช่ไปฝึก 2 อาทิตย์แล้วบอกเขาว่ากลับบ้านแล้วจะได้กลับเลยนะคะ เปล่าค่ะ เผลอๆอยู่นานจนเพื่อนคนอื่นฝึกจบไปแล้วยังไม่ได้กลับเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าใครกำลังจะไปฝึกหรืออยากจะไปฝึกทหารอเมริกันหรือทหารที่อื่น ใจต้องพร้อมค่ะ สู้ๆ ที่สำคัญพอเราอยู่ๆไปใจเราก็จะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกคนต้องเอาตัวรอด

คิดว่าการฝึกทหารในทุกๆที่ทุกประเทศก็คงคล้ายๆกัน ต้องใช้ความอดทนทั้งกายและใจอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับเราที่ไปฝึกในกองทัพสหรัฐฯ รู้สึกไม่ได้แตกต่างหรือไม่ได้รู้สึก ว่าโดนแบ่งแยกอะไรเลยค่ะ เพราะมีผู้หญิง เยอะพอใช้ได้เลยทีเดียว คิดว่า 1 ใน 10 ของผู้ชาย น่าจะได้

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อย่างแรกเลย คือ ภาษา ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นภาษาแรกของเรา สื่อสารปกติก็ว่ายากแล้ว ตอนฝึกยิ่งลำบาก แล้วมันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งถามคนอื่นตลอดเวลาหรือจะให้เขาพูดช้าลง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ก็ต้องอาศัย Common Sense

แล้วก็การช่างสังเกต ดูว่าคนอื่นเขาทำกันยังไงเราก็ทำตาม พอมีเวลาว่างเราก็ไป make sure กับเพื่อนๆว่าสิ่งที่เราได้ยินคือสิ่งที่เราทำมันถูกต้องหรือไม่ แต่มันก็ไม่ใช่มีแค่ชาวเอเชียนะคะ ที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ในกองทัพสหรัฐฯก็มีชาว hispanic ที่เข้ามาเป็นทหารและภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาที่สองของเขาเหมือนกัน

ที่สำคัญใครอ่อนภาษาอังกฤษก็จะได้เอง เพราะสถานการณ์จะบังคับให้เราต้องพูดภาษาอังกฤษไปเอง ต้องพูด พอเราพูด ฟังไปเรื่อยๆ จะซึมซับเอง ไม่เห็นว่าจะต้องไปเรียนแกรมมาร์เพิ่มเรียน เพราะเราจะนึกขึ้นได้เอง และไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครฟังรู้เรื่อง เป็นตัวของตัวเองเลยค่ะ นี่ก็พูดสำเนียงไทย พูดๆไปเขาก็เข้าใจ ไม่มีใครมาล้อเลียนสำเนียงเราได้ มันผิดกฎ เราสามารถฟ้องเขาได้

บางคนภาษาอังกฤษแย่กว่าเราอีกค่ะ แต่ก็ช่วยเหลือกันไป ท้อไหมท้อได้ทั้งวัน ตอนฝึกมันเหนื่อยมาก คิดตลอดว่า ทำไมต้องมาทำแบบนี้กับตัวเอง แต่พอมันฝึกจบแล้วมันก็รู้สึก ตัวเบารู้สึกโล่งภูมิใจในตัวเอง มากๆค่ะ”

อะไรคือสิ่งที่ต้องรู้ เตรียมตัวบ้างในการที่เป็นผู้หญิงไทยที่มาอยู่ต่างประเทศคนเดียวต้องเผชิญในต่างประเทศ

“จะให้ดีจริงๆแล้ว ถ้ามีเพื่อนอยู่หรือมีเพื่อนไปด้วยกันก็จะดีมากค่ะ อย่างที่ภาษิตไทยบอกคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายนะคะ จะบอกว่าคนไทยในต่างประเทศ ก็ช่วยเหลือกันนะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะช่วยเหลือเรา เราต้องยืนด้วยขาของตัวเอง อย่าคิดว่าจะมีคนมายื่นมือช่วยตลอดเวลา มาอยู่ต่างประเทศคนเดียวอย่าลืมนะคะว่าไม่มีพ่อแม่พี่น้อง คอยดูแล แล้วทุกคนก็ต่างพยายามเอาตัวรอด ไม่มีใครที่จะมาช่วยเราตลอดเวลา

ส่วนภาษาก็ขอให้ได้บ้าง แล้วมาศึกษาเพิ่มเติมตอนไปอยู่ต่างประเทศเพราะถึงเวลายังไงก็ต้องพูดให้ได้ค่ะ จะไปติดต่อธนาคาร และอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่มีคนพาไปเป็นล่ามให้เสมอไป

เตือนภัย! มิจฉาชีพหลอกกรีนการ์ด

สำหรับมุมมองของเธอที่มีต่อข่าวประเด็นร้อนของผู้หญิงไทยคนหนึ่งกำลังตั้งครรภ์หอบท้องบินลัดฟ้าเพื่อจะไปคลอดลูกที่อเมริกาเพราะอยากให้ลูกได้สัญชาติ รวมถึงข่าวของ "ผีน้อย-โรบินฮู้ด" คนไทยที่เข้าไปทำงานต่างประเทศอย่างผิดเป็นเรื่องที่กำลังเป็นปัญหานั้น เธอมองว่า

“เข้าใจที่หลายคนมองว่า การกระทำแบบนั้น ไม่แฟร์ เพราะทำให้คนไทยหลายคนที่อยากจะไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องลำบากมากขึ้นในการเข้าประเทศขอวีซ่าก็อาจจะยากขึ้น หรือมีโอกาส โดนปฏิเสธ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

ส่วนเรื่องผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หวังจะไปคลอดลูกต่างประเทศเพื่อให้ลูกได้สัญชาตินั้น เขาทำกันเยอะแยะนะ มีมานานแล้ว มันอาจจะดูไม่ดีนะ แต่บางคนเขาก็อยากจะให้โอกาสกับลูกของเขา ซึ่งมันก็ไม่ผิด เหมือนกับเราเป็นแม่คนก็อยากให้ลูกเรามีโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าตัวแม่คิดว่าลูกมาอยู่ประเทศนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอเมริกาก็ได้ อยากให้ลูกได้เติบโตที่ประเทศนี้ เขาจะได้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น มีการศึกษา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนเป็นแม่อยากให้ลูกตนเองได้ดี

แต่เขาอาจจะไม่ได้คิดว่าหลังจากป่าวประกาศบอกในโลกโซเชียลฯไปแล้วจะมีผลตอบรับในทางที่ไม่ดี   สำหรับพีชเองไม่ได้แอนตี้เขานะคะ เพราะรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องของเขา เขาคิดมาแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาแล้ว เขาจึงทำ สำหรับพีชมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
เราไม่ควรไป Judge คนอื่น เพราะเราไม่รู้ว่าหรอกว่าเรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร การไปมองเขาด้านเดียว เพราะเราไม่ได้รู้จักเขาทุกด้าน เราก็เคยโดนมาเยอะ เหมือนคนมามองเราไม่ดี ทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักเราเลย

เราเองอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจโลกมาก ไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับเรามาก เพราะถ้าเราไม่ได้ไปทำอะไรให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม มันก็น่าจะโอเค

สุดท้าย เธอฝากเตือนถึงคนไทยที่อยากได้สัญชาติอเมริกันจนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินผ่านโลกโซเชียลฯ  

“มีคนส่งอินบอกซ์มามากหลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก New York ออกสาว แชร์เรื่องราวของพีชไป ว่าอยากเป็นทหาร แบบพีชบ้าง แต่บางคนก็โดนหลอก ว่าเป็นทหาร มาหลอกเอาเงิน

มาถามพีชว่า ส่งรูปมาให้ดูว่าคนนี้เป็นทหารจริงไหม เช็กให้หน่อยว่าเป็นใคร เราดูปุ้บเราก็รู้ ดูออกเลยว่า ไม่ใช่ มาหลอกทำทีเป็นมาติดต่อในเฟซบุ๊ก มาจีบ ใช้เทคนิคคุยตะล่อม ฉันรักเธอ จะพาเธอมาอยู่ที่นี่ ให้ส่งเงินมาให้ ซึ่งน้องบางคนก็ซื่อๆใสๆส่งเงินไปให้ ใครก็ไม่รู้ มีหลายคนติดต่อมา ส่งรูปมาให้ คือรู้เลยว่าไม่ใช่ เจ้าตัวคนในรูปยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกเอารูปมาใช้ในทางที่ไม่ดี

อยากให้ระวัง เพราะบัตรทหารนี่เขาไม่ส่งให้กันหรอกค่ะ ใครส่งบัตรทหารให้น่าจะโดนหลอกแล้ว มิจฉาชีพบางคนบอกว่า เฟซไทม์ วิดีโอคอล กับเธอไม่ได้หรอก เพราะฉันอยู่ในที่เป็นความลับห้ามใครรู้อยู่ที่ไหนห้ามใครเห็น อ้าวแล้วถ้าห้ามใครเห็น มาส่งข้อความออนไลน์หาน้องได้อย่างไร มันไม่มีหรอกค่ะ เป็นความลับแล้วมาคุยกับสาวผ่านออนไลน์ได้

ถ้ามาครึ่งๆกลางๆแบบนี้โดนหลอกแน่นอน ทหารไม่มีครึ่งๆกลางๆ ความลับก็ความลับเลย เขาจะทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน เพราะมีหลายคนที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ อยากจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ กลายเป็นว่ามาใช้ข้อนี้มาหลอกเงินเขา ฉันส่งให้เธอ เธอช่วยส่งเงินค่าส่ง ซึ่งไม่มีอะไร ได้เงินไปก็ลอยนวลหายไป

มีพี่คนไทยคนหนึ่งส่งข้อมูลมาบอกว่า มิจฉาชีพที่ไปร่วมมือกับเขาก็มีคนไทยด้วยนะ ไปร่วมอยู่ในกระบวนการเขา ทำทีหลอกว่า โอนเงินมา 1 แสนบาทเดี๋ยวจ้างฝรั่งให้แต่งงานด้วย คนไทยด้วยกันเองก็มาเร่งเร้าบอกว่าโอนเงินให้เขาเลยสิ แล้วเขาจะแต่งงานให้ จากนั้นเขาจะส่งใบทะเบียนสมรสมา

ซึ่งมันจะเป็นไปได้ ทะเบียนสมรสออนไลน์ มันไม่ใช่เอกสารที่ถูกกฎหมาย สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เพราะโอนเงินไปให้เขาแล้ว ก็อยากจะขอเตือนให้คนไทยระวังกันด้วย เพราะมิจฉาชีพประเภทนี้เยอะมาก”


โดย MGR Live

เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Supitcha Peach Wiriyaskunpan


 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **

กำลังโหลดความคิดเห็น