xs
xsm
sm
md
lg

"บริจาคเท่าไหร่ก็ไม่พอ" เปิดเบื้องหลังการ "ก้าว" ผ่าน "มือขวาพี่ตูน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ระยะทาง 187 กม. คือระยะเส้นทางที่ตูน Bodyslam ต้องวิ่งหาเงินไปช่วยเหลือโรงพยาบาลอีกครั้ง หลายคนก็พร้อมสนับสนุนแต่ก็มีอีกบางเสียงที่ตั้งคำถามว่า ไหนตูนเคยออกมาพูดว่าจะวิ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แบบนี้เมื่อไหร่จะได้พักจริงๆสักที ท่ามกลางอุปสรรค และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ฝ่าฟัน เขาเชื่อเหลือเกินว่าการวิ่งจากจ.หนองคาย ไปถึง จ.ขอนแก่นครั้งนี้ จะสร้างการรับรู้-เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ รวมทั้งประชาชนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น!!




แสดงจุดยืน ไม่ได้วิ่งเพราะเงิน!

 




"คนเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรากันทุกคนเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมหนักใจมาตลอด เราคิดว่าด้วยการทำงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา น่าจะแสดงจุดยืนที่ขัดเจนของ "ก้าว" ได้เป็นอย่างดี

แต่ก็ยังคงมีประโยค มีคำพูดที่ทิ่มแทงความรู้สึก ให้ได้ยิน ได้อ่านอยู่เป็นระยะๆ พวกคุณมันไร้เดียงสา นี่มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมือง เมื่อก่อนโอเคนะ...ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว มาเอาเงินคนจนทำไม? ทำไมไม่ไปเอาจากคนรวยๆ”



นี่คือคำพูดของ "เบลล์-ชายชาญ ใบมงคล" ผู้ประสานงาน และดูแลการวิ่งโครงการก้าวคนละก้าวทั้งหมด เปรียบเสมือนมือขวาของ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน Bodyslam ที่วิ่งเพื่อหาเงินบริจาคมอบให้แก่โรงพยาบาลรัฐฯ โดยเบลล์ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Chaichan Baimongkol” ระบายถึงความรู้สึกถึงการโดนโจมตี และแสดงจุดยืนของการกลับมาวิ่งอีกครั้งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ” เพื่อช่วยเหลือ 8 โรงพยาบาลชุมชนภาคอีสาน ว่าที่ได้ทำตรงนี้ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการของโรงพยาบาลรัฐฯ



[เบลล์-ชายชาญ ใบมงคล]



จากการทำกิจกรรมก้าวคนละก้าว ในปี 2559-2561 โครงการ “ก้าว” ของ ตูน Bodyslam สามารถระดมทุนเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลได้มากกว่า 1,413 ล้านบาท ทำให้ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากองค์กร และหน่วยงานด้านสาธารณสุขอย่างมาก จึงทำให้คณะทำงานมีแนวคิดคือ 1.ก้าวจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้อยู่ในลักษณะขององค์กรเพื่อการช่วยเหลือที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการก้าวได้จดทะเบียนเป็น “มูลนิธิก้าวคนละก้าว” แล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 62 และ 2.สนับสนุนให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมวิ่งทั่วประเทศ


 


ทั้งนี้เบลล์ได้เล่าผ่านปลายสายให้ทีมข่าว MGR Live ฟังไว้ว่าจากกระแสดข่าวที่ออกมามากมาย เรื่องวิ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของตูน Bodyslam อยู่ตลอด หนึ่งในสาเหตุที่กลับมาวิ่งอีกครั้งคือ การช่วยเหลือเข้าไม่ถึงผู้ป่วย ยังมีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือ ทำให้คิดว่าต้องกลับมาช่วยเหลือเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมการช่วยเหลือไปถึงโรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด จะสามารถแบ่งเบาภาระให้กับโรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือโรงพยาบาลศูนย์ได้



“ก้าวทำกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอด เรื่องวิ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในใจพี่ตูนมาโดยตลอดอยู่แล้ว สาเหตุที่กลับมาทำกิจกรรมเพราะว่าถึงจะหยุดวิ่งไปในปีที่แล้ว แต่การขอความช่วยเหลือมันไม่หยุดเลย ยังคงถามเข้ามา ยังคงร้องขอเข้ามาในเพจของก้าวอยู่ตลอดเวลา พี่ตูนเขาก็อยากช่วยตลอดไป ซึ่งทำให้เราคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันอยู่ยืนยาว คือก้าวจะต้องไม่ใช่แค่โครงการ หรือกลุ่มเพื่อน จึงมีการจัดการไปจดเป็นมูลนิธิ เป็นมูลนิธิก้าวคนละก้าว เพื่อความช่วยเหลือยาวๆ”



สำหรับโครงการล่าสุดที่เกิดขึ้น นำทีมโดยตูน Bodyslam และทีมก้าว รวมทั้งศิลปิน ดาราวิ่งต่อเนื่องกัน จากจุดเริ่มต้น ผลัดกันคนละ 10 กม.จนถึงเส้นชัย แบ่งการจัดกิจกรรมวิ่งเป็น 5 ภาคใหญ่ (1.ภาคอีสาน 2.ภาคใต้ 3.ภาคเหนือ 4.ภาคตะวันออก 5.ภาคกลาง) ซึ่งกิจกรรมครั้งแรกนี้เกิดขึ้นภาคอีสานในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 15-16 มิ.ย. จาก จ.หนองคาย ไปถึง จ.ขอนแก่น รวมเส้นทางทั้งหมด 187 กิโลเมตร

“โรงพยาบาลที่เราช่วยกันโดยหลักๆ เป็นโรงพยาบาลชุมชน เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก ขนาด 30 เตียงเป็นต้นไป โรงพยาบาลเหล่านี้เป็นประตูแรกในการรักษาประชาชน เพราะมันอยู่ชุมชน ใกล้บ้านเขาที่สุด ถ้าเราช่วยพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลเหล่านี้ให้เขาสามารถรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น มันก็ลดการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใหญ่

หลักการคือเข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลชุมชน เพื่อให้เขาช่วยรักษาประชาชนให้มากขึ้น ไม่งั้นจะได้ลดการส่งต่อไปที่โรงพยาบาลใหญ่
โรงพยาบาลที่เราลงไปพูดคุย ไปสัมภาษณ์ก็ขาดหลายอย่างครับ บางโรงพยาบาลต้องการเครื่องมือในการรักษากระดูก ผ่าตัดกระดูกเพิ่ม มีหมอพร้อมที่จะทำงานแล้ว แต่ไม่มีเครื่องมือ ทางโรงพยาบาลต้องการเครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุกหัวใจ บางโรงพยาบาลต้องการเครื่องเอกซเรย์ที่เป็นดิจิทัล เพราะว่ายุคนี้เขาเอกซเรย์ดิจิทัลกันหมดแล้ว แต่ว่าเขายังเอกซเรย์เป็นฟิล์มกันอยู่เลย การส่งต่อ การส่งข้ามข้อมูลก็เป็นเรื่องยาก”






“วิ่งสร้างแรงบันดาลใจ” หวังคนมาดูแลสุขภาพ!

 


“จริงๆ วัตถุประสงค์มี 2 อย่าง คือ 1.เงินบริจาค แต่ครั้งนี้เงินบริจาคพี่ตูนเขาไม่ได้บอกเป็นตัวเลขเอาไว้ว่าอยากได้เท่าไหร่ เพราะสุดท้ายจริงๆ การบริจาคเท่าไหร่มันก็ไม่พอ เพราะฉะนั้นพี่ตูนหวังอีกหนึ่งจุดประสงค์คือเห็นหลายคนหันมาดูแลสุขภาพกันมากที่สุดด้วยการมาร่วมกัน มาวิ่งด้วยกันในช่วง 11 กม. สุดท้าย”

 
[ตูน Bodyslam]

สำหรับการวิ่งครั้งนี้ เขาเชื่อว่าถึงแม้จะมีการบริจาคเงินเข้ามา อย่างไรก็ดีก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เขาอยากเห็นคือ อยากเห็นประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงการกลับมาวิ่งครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ และเป็นห่วงสุขภาพของนักร้องดัง ทีมงานรายเดิมได้ให้คำตอบเอาไว้ว่าครั้งนี้เป็นเพียงการวิ่งในระยะสั้น ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะเขาอยากให้กิจกรรมครั้งนี้เป็นของทุกคน
โดยการวิ่งในช่วง 11 กม.สุดท้ายจากศาลากลาง จ.ขอนแก่น ไปจนถึงสนามกีฬา จ.ขอนแก่น ยังมีการเชิญชวนประชนชนมารวมพลังเล็กๆ ด้วยการมาวิ่งด้วยกัน เพื่อสร้างสถิติ “การวิ่งมินิมาราธอนที่มีนักวิ่งมากที่สุดในภาคอีสาน” อีกด้วย


“ครั้งที่แล้วเป็นครั้งสุดท้ายที่จะวิ่งระยะไกลครับ ครั้งนี้สบายๆ ครั้งนี้เราตั้งระยะไว้ที่จะวิ่งประมาณ 187 กม. พี่ตูนก็จะวิ่งกับทุกคน นั่นหมายความว่าเป็นลักษณะการวิ่งผลัด เพราะฉะนั้นพี่ตูนอาจจะวิ่ง 10 กม . น้องนาย ณภัทร(ณภัทร เสียงสมบุญ ) ต่ออีก 10 กม. พี่บัวขาว(บัวขาว บัญชาเมฆ)มาต่ออีก 10 กม. พี่หนูแหม่ม(สุริวิภา กุลตังวัฒนา)มาต่ออีก 10 กม. อะไรแบบนี้ เป็นพี่ตูน และเพื่อนๆ ดาราคนดังมาวิ่งด้วยกันในระยะทางนี้ เป็นลักษณะการวิ่งผลัด


เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าพี่ตูนจะวิ่งไกล เพราะพี่ตูนอยากให้กิจกรรมครั้งนี้เป็นของทุกๆคน ไม่ใช่พี่ตูนมาวิ่งคนเดียว โดยเฉพาะช่วง 11 กม.สุดท้าย ที่ จ.ขอนแก่น พี่ตูนเชิญชวนประชาชนมาร่วมกันวิ่งด้วยกันที่จุดสุดท้าย ก็ไปสมัครวิ่งได้เลย เพราะฉะนั้นพี่ตูนอยากจบสถิติว่าเรามาวิ่งมินิมาราธอนด้วยกันเยอะที่สุดในภาคอีสาน”

ทั้งนี้ตูน Bodyslamเคยออกมาให้สัมภาษณ์ทางรายการเจาะใจเมื่อวันที่ 7 ต.ค.60 ถึงเรื่องออกมาวิ่งไว้ว่าอยากกระตุ้นให้คนมาวิ่ง เพราะที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุการจะช่วยคนจริงๆ คือให้คนเห็นความสำคัญสุขภาพตัวเอง


 

 


“ถ้าการวิ่งของผมครั้งนี้ จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจที่ไม่เคยออกกำลังกาย ไม่เคยคิดจะดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย แล้วหันมาเริ่มออกกำลังกาย ซึ่งมันอาจเป็นปัญหาที่เรากำลังแก้กันอยู่ในเรื่องของคนล้นโรงพยาบาล ผมคิดว่าถ้าคนดูแลสุขภาพตัวเองดีแล้ว เขาจะไปทำงานที่เขารับผิดชอบได้ดีขึ้น อาจจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”



ล่าสุดกับโครงการ “ก้าวคนละก้าว ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ” ถือเป็นโครงการที่ชัดที่สุดแล้ว เพราะเขาได้ชวนคนออกมาวิ่งในระยะสุดท้ายด้วยกัน

"ผมตั้งใจว่าอยากให้เกิดภาพของการรวมกันของคนวิ่งระยะมินิมาราธอนที่มากที่สุดในประเทศไทย เราอยากใช้ตัวระยะ 10 กม. สุดท้ายที่เราเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่า เราจะร่วมแสดงพลังเล็กๆของพวกเราที่พอรวมกันแล้ว มันไม่เล็ก

ผมอยากจะเชิญชวนทุกคนจริงๆว่า ไม่ต้องรอให้มีกำลังเยอะๆ มีเงินเยอะๆ ทุกคนสามารถเริ่มก้าวเป็นของตัวเองได้ ตั้งแต่วันนี้ และนาทีนี้เป็นต้นไป”





ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพจาก:FB "Chaichan Baimongkol" , "ก้าว"



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น