ล้วง! กลยุทธ์การตลาดไร้เทียมทาน สูตรตายตัว ฉบับสามเศียร เคล็ดลับโกยเรตติ้ง กับละครพื้นบ้านสุดปัง ที่อยู่คู่กับผังช่อง 7 มานานกว่า 30 ปี ในช่วงเช้าเสาร์-อาทิตย์ เรตติ้งพุ่งชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถเบียดตกบัลลังก์ได้ พร้อมเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จ เนื้อหาต้องตอบโจทย์-กราฟิกต้องสมจริง-การตลาดคือสิ่งสำคัญ
อิทธิฤทธิ์! ละครพื้นบ้าน เรตติ้งพุ่ง ไร้เทียมทาน
เป็นที่ฮือฮากันอยู่พักใหญ่ หลังประสบความสำเร็จทั้งเรตติ้ง และกระแส สำหรับละครพื้นบ้านของค่ายสามเศียร ที่ไม่ว่าจะทำเรื่องไหนก็ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น แต่ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในปีนี้คงจะหนีไม่พ้น “สังข์ทอง” ที่ยืดตอนออกอากาศยาวนานทั้งหมด 110 ตอน ทำเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 8.472 ยืนเลข 8 ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นับว่าในช่วงเวลานี้ ไม่มีใครสามารถมาเบียดตกบัลลังก์ได้แน่นอน
เพราะปรากฏการณ์ที่แรงจนฉุดไม่อยู่ ผู้ที่จะให้คำตอบเราได้ดีที่สุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ทายาทผู้สืบทอดละครพื้นบ้าน อย่าง ลอร์ด-สยม สังวริบุตร ผู้อำนวยการผลิต และยังเป็นผู้กุมบังเหียน บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชัน ที่ผลิตละครคุณภาพผ่านสายตาผู้ชมมาแล้วหลายเรื่อง ให้สัมภาษณ์ เจาะลึกเบื้องหลัง เคล็ดลับกับการทำละครพื้นบ้าน อย่างเปิดอกคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเรตติ้ง เรื่องของการตลาด สำหรับกลยุทธ์ที่ไร้เทียมทาน ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 30 ปี
“เรื่องสังข์ทอง บอกได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องของการตลาดที่มันไม่จบ ถ้าจบไป แล้วเราจะขายโฆษณายังไง ปลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในประเทศเรา ในแง่เรื่องของโฆษณา จะเห็นได้ว่าทีวีดิจิตทัลพังๆ ไปแบบเยอะมาก แต่ว่าถ้าเรามาจบเดือนกุมภาพันธ์ เราสามารถนำมาเป็นล็อตใหม่ของเงินโฆษณา
ช่วงปลายๆ ปี ละครมันควรจะต้องจบได้แล้ว แต่ถ้าจบตอนนั้นในแง่ของการตลาดค่อนข้างมีปัญหาเยอะ มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดจบเดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่ามันเป็นเรื่องทางการตลาดด้วย ทีนี้เมื่อมีความจำเป็นแบบนี้เราก็ไม่อยากให้เอาความจำเป็นอื่นเข้ามากำหนดทิศทางในตัวเรื่อง มีแฟนละครส่วนหนึ่งเขาบอกอย่าเพิ่งจบเลย แฟนคลับก็บอกไว้ก่อน บางส่วนก็บอกมันยาวมากแล้ว จบได้แล้ว แต่โดยรวมๆ แล้วเราก็พยายามที่จะให้ตัวเรื่องมันน่าสนใจต่อไป
จะว่าไปมันเกี่ยวกับการตลาดผสมด้วย แต่เราก็ไม่ได้ทำให้หนังมันแย่ คือถ้าหนังมันแย่แล้วเราไปยืดก็คือยิ่งเจ๊งหนักเข้าไปอีก เราก็คิดในใจอีกนิดหนึ่งนะ อีกนิดหนึ่ง จะถึงกุมภาพันธ์แล้วนะ แล้วเราจะเปลี่ยนเป็นขวานฟ้าหน้าดำแล้ว ในวงการก็จะทราบดีเลยว่า การตลาดมันเป็นยังไง”
ฉลองแชมป์ "เรตติ้งอันดับ 1" ผ่านหน้าจอช่อง 7 ที่ไม่มีใครมาโค่นแชมป์ลงได้ ในช่วงเวลา เสาร์-อาทิตย์ 08.00- 09.00 น. กับละครพื้นบ้าน หรือหลายคนเรียกกันติดปากว่า ละครจักรๆ วงศ์ๆ แม้ว่าหลายยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังยืนหนึ่งมาโดยตลอด ถือว่ายังไม่มีใครสามารถมาเบียดแซงช่วงเวลานี้ได้ บางช่วงบางตอนถึงกับคว้าอันดับ 1 ของประเทศก็ว่าได้ นับว่าโกยเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้ผู้ผลิตอยู่ไม่น้อย
ปัจจุบันเลขเรตติ้งนับว่าเป็นหนึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จของการผลิตละคร ขณะที่บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น เป็นผู้ผลิตละครค่ายเดียวที่ผลิตละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่ออกอากาศผ่านทางช่อง 7 โดยผลิตในนามของ สามเศียร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนเด็กๆ หลายคนติดละครจักรๆ วงศ์ๆ รวมถึงตัวผู้เขียนเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลาต้องแหกขี้ตาตื่นเพื่อมาดูทุกเช้าวันหยุด เสาร์-อาทิตย์
ก่อนหน้านี้มีการแข่งขันในด้านละครจักรๆ วงศ์ ที่มีคู่แข่งหลายช่องอยู่เหมือนกัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงช่อง 7 ที่ยังคงออกอากาศอยู่
[จากสังข์ทองส่งไม้ต่อให้ขวานฟ้าหน้าดำ กระชากเรตติ้งอีกครา]
ไม่ใช่เรตติ้งผ่านจอโทรทัศน์ที่การันตีคุณภาพว่าได้รับความนิยมสูงสุดเท่านั้น ช่องยูทูบ สามเศียรเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่ใช้เผยแพร่ละคร หลังจากที่ออนแอร์จบไป สามเศียรเองก็ได้นำคลิปแต่ละตอนมาอัพลงยูทูบทันที ซึ่งต้องตะลึงกับยอดคนเข้าชม โดยจำนวนการคลิกเข้าชมแต่ละตอนอยู่ที่ 2 ล้านกว่าครั้งในเวลาอันรวดเร็ว นับว่าเป็นยอดที่มากโข
“ พวกเราก็มีดูการตลาดเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ในการแบ่งสัดส่วนคนดู ว่าเป้าหมายเป็นยังไง คือจริงๆ แล้วสามเศียรเองตอนนี้ กำลังจะจัดเรื่องการตอบแทนผู้ชมที่เป็นแฟนคลับของพวกเรา ซึ่งในเร็วๆ นี้คงมีงานออกมา ยังไม่ค่อยเรียบร้อยแต่เดี๋ยวคงจะมีเป็นงานออกมา เหมือนสามเศียรต้องการตอบแทนผู้ชมที่เป็นแฟนคลับ ต้องรอติดตามกันต่อไปสำหรับสังข์ทองยิ่งยืดตอนคนยิ่งอยากดูมากขึ้น เรตติ้งยิ่งสูงขึ้น
ส่วนเรื่องเรตติ้งเราหวังกันทุกคนครับ ทีมงานทำงานก็ยังหวังเรตติ้งกันทุกคน อยากให้ผู้ชมมีฟีดแบ็ก ว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน เราก็ไปปรับปรุงนะครับ เสียงเตือน เสียงบ่น เป็นเสียงที่สำคัญมาก เราก็ปรับในสิ่งที่ไม่ขัดใจเขา แต่ในละคร เนื้อหามันต้องขัดใจนะบางที เพราะว่าถ้าเราดูอะไรที่นึกออกหมด เราก็คงไม่อยากดู บางครั้งเขาก็อยากเห็นในสิ่งที่นึกไม่ถึง”
ปรับกลยุทธ์ให้ทันผู้ชม “สำคัญคือการตลาด”
ไม่ว่ายุคเวลาจะเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีแค่ไหน แต่ละครจักรๆ วงศ์ๆ กลับคือหนึ่งในละครที่ได้รับผลประโยชน์ไปค่อนข้างมาก เพราะรูปแบบของละครมีการปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัย มีอิทธิฤทธิ์ อภินิหารที่สอดแทรกคติเตือนใจให้แก่ผู้ชม โดยทุกเรื่อง ล้วนได้รับความนิยมในกลุ่มครอบครัวมาโดยตลอด
“จริงๆ แล้วการสร้างละครถ้าเรามองว่าโลกในยุคนี้ที่ทุกอย่างวิ่งเร็วมาก การรับชมข้อมูลข่าวสาร อย่างเช่นเราดูข่าว ถ้าพูดช้าๆ เราก็คงจะไม่อยากดู เราก็อยากจะให้เขาป้อนข้อมูลเร็วๆ แต่ในขณะที่ละครเองบางครั้งเราก็พยายามให้ข้อมูลไปเร็วๆ แต่บางครั้งความประทับใจถ้าไปเร็วๆ บางทีก็ต้องมองในมุมที่ว่าขาดความประทับใจ คือมันมีจังหวะของมัน บางครั้งถ้าความประทับใจมันก็ต้องใช้เวลาในความรู้สึก
ต้องทำให้แปลกออกไป เราก็พอใจในงานของเราเต็มที่นะครับ แต่ว่าความพอใจตรงนั้น มันหยุดไม่ได้ (หัวเราะ) บางครั้งเราทำแปลกออกไปจนกระทั่งคนดูก็ว่ามา ทำไมทำแบบนี้ บางครั้งเราก็รู้สึกว่า บางทีการชมในรูปแบบเดิมๆ เรากลัวคนเบื่อ บางครั้งก็จะบิดไปนิดหนึ่ง เดี๋ยวเรากลับมาใหม่ การออกแบบมันก็จะค่อยๆ เป็นไป เหมือนเราออกแบบบิดออกไปคนก็จะบ่น
สำหรับผม ไม่ว่าละครในยุคไหนๆ มันสะท้อนคนที่ชมในยุคนั้นๆ เหมือนหนังไทยอ่ะครับ เราอยากจะรู้ว่าวัฒนธรรมเราเมื่อปีไหนเป็นยังไง เราก็ดูจากหนังไทย ว่าการบรรยายเป็นอย่างไร การใช้ชีวิตเป็นอย่างไรจึงเป็นตัวสะท้อน ในขณะที่ละครจักรๆ วงศ์ๆ เองพัฒนาไปเรื่อยๆ ณ เวลาเดียวกันก็สะท้อนการรับชมของผู้ชมเหมือนกัน”
ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ ต้องพัฒนา เผยแพร่ให้ต่างประเทศได้รับรู้ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของไทย สำหรับทิศทางของตัวละครพื้นบ้าน สามเศียรเองก็อยากให้วัฒนธรรมไทย ถูกส่งผ่านละครจักรๆ วงศ์ๆ ให้กับนานาประเทศได้รับรู้
“อย่างเรื่องสังข์ทองที่ออกอากาศไปแล้ว เราก็นำไปลงยูทูบ ซึ่งคนเข้ามาดูเยอะมาก และก็ส่วนหนึ่งของแอดมินเราทำโปรแกรมอนาไลซิสของตัวยูทูบ เราพบว่า จริงๆ แล้วต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นคนไทยในต่างแดนหรือเปล่า หรืออย่างในส่วนของประเทศรัสเซีย มีการไปพากย์เป็นภาษารัสเซีย ซึ่งเราก็ตรวจพบว่าทำไมต้องมีการไปพากย์เป็นภาษาต่างชาติ นั่นก็เป็นการตั้งคำถามต่อว่าต่างชาติชมเราหรอ เพราะฉะนั้นเราก็เลยมองว่าจริงๆ แล้วเราจะต้องพัฒนาไปเพื่อให้วัฒนธรรมของบ้านเราให้เป็นที่ชื่นชอบของนานาประเทศ”
ในยุคนี้ การปรับกลยุทธ์ให้ทันผู้ชม ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน คงยังไม่พออีกต่อไป กลยุทธ์ในเรื่องของด้านการตลาดก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการตลาดที่เจาะกลุ่มคนดูละครพื้นบ้าน ถือว่ายากมาหากเทียบกับยุคปัจจุบัน ที่อะไรต่อมิอะไร แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ละครก็มีให้เลือกชมชนิดที่ว่า ดูกันจนตาเปียกตาแฉะก็ยังดูกันไม่หมด แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะเอาไปขายในต่างประเทศให้โด่งดัง
“ละครจักรๆ วงศ์ๆ แต่เดิมที่เรายังไม่ได้ลงยูทูบ เรามีความหวังว่าอยากจะเอาไปขายต่างประเทศ แต่จากที่เราลงยูทูบ เราก็พบว่า ต่างประเทศมียอดวิวขึ้นมาสูงมาก และก็มีคนเอาไปพากย์เป็นภาษาต่างๆ ซึ่งในยูทูบเองเขาก็จะบอก อันนี้แบนไหม อันนี้ปล่อยเอาไว้ไหม มันจะมีเครื่องมือในการจัดการต่างๆ เราก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วในการตลาด เราก็อยากจะให้หนังไทยเราเป็นอินเตอร์มากขึ้น คิดว่าอย่างวัฒนธรรมแบบไทย คนต่างชาติเขาไม่รู้จักวัฒนธรรมเรา เขาจะรู้สึกอินได้กับวัฒนธรรมเราไหม
อย่างเกาหลีก็สามารถขายต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย อเมริกา อะไรแบบนี้ มันก็สามารถปรับกันได้ อย่างญี่ปุ่น ดราก้อนบอลกลับไปดังในอเมริกา ซึ่งไม่น่าเชื่อ วัฒนธรรมมันสามารถทำได้ ถ้าทุกอย่างมันน่าชม เพราะฉะนั้นของเราก็เช่นเดียวกัน”
ฉีกกฎละครพื้นบ้านจากเดิม ให้มีความแปลกใหม่ ให้เข้าถึงวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น เจาะกลุ่มการตลาดให้เข้าถึงทุกเพศ ทุกวัย เรื่องความเสมอภาคทางเพศจึงเป็นปรากฏการณ์ที่ใหม่และแตกต่างออกไปจากเดิม
“สังข์ทองภาคนี้มันเป็นอะไรที่แตกต่างจากแต่ก่อน เพราะมันดันมีเขยหนึ่งที่ชอบผู้ชาย ซึ่งบางทีเราก็ดัดเล็กๆ ให้เข้ากับยุคสมัยนี้ เราจะมีกลุ่มแฟนที่เป็นกลุ่มประจำ นั้นก็คือกลุ่มเด็ก และก็กลุ่มคนสูงอายุนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนประจำ ทีนี่เรื่องสังข์ทองเราก็ได้กลุ่มแฟนคลับที่เป็นวัยรุ่นเข้ามา เนื้อหาของสังข์ทองจริงๆ เป็นตัวที่มีคุณค่า และก็มีความสนุกในตัวของเขาอยู่ เราก็รักษาตรงนั้นไว้ แล้วเราก็เพิ่มเข้ามาให้มีรสชาติ ปรุงแต่งสดเข้าไป”
เบื้องหลังความสำเร็จ สูตรตายตัว “ความดีชนะอธรรม”
ถ้าถามว่าเหตุใดละครพื้นบ้าน หรือละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่หลายคนเรียกกันจนติดปาก ถึงได้อยู่ยงคงกระพันในผังของช่อง 7 แบบยืนหนึ่ง มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี
“มันเป็นเหมือนสูตร ละครจักรๆ วงศ์ๆ จะมีสูตรอยู่ไม่กี่เรื่อง เช่น แก้วหน้าม้า ,ปลาบู่ทอง,เทพสามฤดู แต่ละเรื่องก็จะมีเหมือนการพลัดพรากกัน สุดท้ายแล้วความดีก็ชนะอธรรม เรื่อง ขวานฟ้าหน้าดำก็เหมือนกัน ซึ่งเรื่องขวานฟ้าหน้าดำชัดเจนมาก คือ พระเอกทำความผิดตั้งแต่เริ่มเรื่อง แล้วคุณต้องมาทำความดีชดใช้ก็ลำบากหน่อย แต่สุดท้ายความดีก็ชนะความไม่ดี และทุกบทของตัวละครล้วนมีความสำคัญที่จะดึงดูดผู้ชมได้”
แต่หากถามว่าที่เล่ามานั้น เป็นสูตรตายตัวของละครพื้นบ้านฉบับสามเศียรหรือไม่นั้น ผู้กุมบังเหียน อย่างคุณสยม ก็ได้เอ่ยว่า ในความเป็นจริงอยากให้เป็นสูตรตายตัว เพราะว่าฐานแฟนละครส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าเด็กๆ เมื่อเขาได้ดูแล้ว ก็จะเป็นตัวอย่างในการทำความดีต่อไป
“จริงๆ แล้วเราก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะครับ เพราะว่าเวลาที่แฟนละครที่เป็นเด็กๆ ดู เขาจะได้รู้สึกว่า การทำความดี มันดีนะ ส่วนคนไม่ดีรู้เลย โผล่มาทีเป็นยักษ์ ดูน่ากลัว แต่บางทียักษ์ที่เป็นมิตรก็มี เราก็เลยรู้สึกว่า มันควรที่จะเป็นไปในทิศทางนี้จริงๆ”
แม้ว่าจะนำละครมาปัดฝุ่น แล้วฉายซ้ำภาพเดิม ก็ดูเหมือนความนิยมไม่ได้ลดลงไปเลย แล้วอะไรกันที่เป็นเหตุผลอยากที่จะนำละครมาปัดฝุ่นฉายซ้ำเดิมๆ วนไปมายาวนานกว่าหลายปี
“ละครจักรๆ วงศ์ๆ ก็มีมายาวนานมาก ตั้งแต่ผมเด็กๆ ตอนนี้หัวหงอกแล้ว ละครจักรๆ วงศ์ๆ หรือละครพื้นบ้านมันเป็นอะไรที่เป็นของไทยๆ ครับ พวกเราก็เต็มที่กับตรงนี้มาก เพราะว่าเราก็อยากจะพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปลาบู่ทอง, แก้วหน้าม้า ก็จะนำเอากลับมาทำใหม่หลายๆ รอบครับ
“ทำไมเราต้องมาทำใหม่หลายๆ รอบ ก็เพราะว่า พอเราผลิตไปแล้ว พอผ่านไปอีกสิบกว่าปี รุ่นใหม่ก็ยังไม่ได้ดู เราก็มีความจำเป็นต้องทำใหม่ เพื่อเด็กรุ่นหลังๆ จะได้กลับมาดูใหม่ การที่เราสร้างใหม่ขึ้นมา เราต้องมีพัฒนาการต่างๆ ให้ดีขึ้น และก็คนรุ่นเดิมที่เคยชมแล้วก็สามารถชมใหม่ได้ โดยที่มีความแปลกใหม่ แต่สิ่งสำคัญก็คือ เนื้อเรื่องเราต้องยืนเนื้อหาโครงสร้างของตัวเรื่องไว้ แต่ก็อาจจะมีการปรับปรุงแต่
เติมให้ดูสนุกยิ่งขึ้น จุดนี้เราก็เลยมองว่านิทานของไทย เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เราก็ควรรักษากันไว้”
กว่าจะเป็นละครพื้นบ้านให้เราชมนั้น ก็ไม่ได้ง่ายเลยทีเดียว ทั้งต้องมีเรื่องเงื่อนไขต่างๆ นานา ที่ผู้ผลิตละครเองต้องฝ่าฟัน พาละครออกมาสู่สายตาผู้ชมให้ถูกใจผู้ชม พร้อมทั้งประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยม
“คือจริงๆ แล้วมันมีความยากตรงที่ว่า มันมีเงื่อนไขหลายๆ ด้าน เช่นเรื่องภาษา เรื่องของเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องที่คนก็รู้เรื่องอยู่แล้วว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร บางอย่างเราก็ต้องมีการแวะเนื้อเรื่อง เพื่อให้รสชาติมันเปลี่ยนไป อีกอย่างการสร้างละคร เทคนิคเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ควรปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
โชคดีที่มีทีมงาน ที่ลุยงาน คือถ้าหันซ้ายก็หันไปด้วยกัน หันขวาก็หันไปด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ดีด้า วิดีโอ พวกเราคุยกันมากๆ เลยก็คือ เราฟังฟีดแบ็กของคนดู มีหลายครั้งที่คนดูเขาไม่เข้าใจ เขาบอกว่าเหมือนเราไม่ฟังฟีดแบ็ก แต่จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ที่มันมีปัญหาทำไมเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เราก็นำตรงนั้นมาเป็นเงื่อนไขมาคุยกับทีมงาน มาปรับตลอด ผมว่าผู้ชมคือเป้าหมายที่เราต้องทำให้เขาพอใจ การที่เราจะสร้างนิยาย หรือว่าอะไรก็ตาม สร้างให้ผู้ชมแฮปปี้มากกว่า”
ไม่แค่สูตรตายตัว อย่างความดีชนะอธรรม ในฉบับที่สามเศียรผลิตมาโดยตลอด การที่เอาผู้ชมได้อยู่หมัด ละครต้องมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง โดยเสน่ห์ของละครพื้นบ้านก็คงหลีกหนีไม่พ้นความเป็นไทย เพราะนี่ถือเป็นจุดแข็งที่มัดใจผู้ชมมายาวนานกว่า 30 ปี
“เสน่ห์ของละครพื้นบ้านคือความเป็นไทยครับ มีอยู่ยุคหนึ่งละครจักรวงศ์เราชนกับการ์ตูนญี่ปุ่น เวลาเดียวกันเลย สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าละครจักรๆ วงศ์ๆ จะไปต่อ ให้มีเรตติ้ง เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วเด็กไทย เขาก็จะดูหน้าตาของเด็กไทยด้วยกันเอง อันนี้เป็นจุดแข็งของเรา ก็คือความเป็นไทยนี่เอง”
อีกทั้งการผันเปลี่ยนของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ก็ได้สร้างความท้าทายให้ผู้ผลิตละครจักรๆ วงศ์ๆ เองอยู่ไม่น้อย
“ถ้าถามว่าท้าทายขนาดไหน จริงๆ แล้วละครพื้นบ้านหรือละครจักรๆ วงศ์ๆ มันเป็นอะไรที่พวกเรารักกัน ทีมงานเรามีชีวิต เหมือนกับว่าเราเป็นคณะการแสดงคณะหนึ่ง สมมติว่าเราเป็นลิเก เราก็จะมีความรัก เพราะ เราได้ทำตรงนี้มานานเรารู้สึกว่ามันเป็นชีวิตจิตใจของเรา ฉะนั้นละครจักรๆ วงศ์ๆ หรือละครพื้นบ้าน ทั้งทีมงานไม่ใช่เฉพาะผม ผมก็รู้สึกว่าทีมงานเขาก็รักงานตรงนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาทำมานาน ทำแล้วก็ปรับปรุงไปเรื่อยๆ”
เนื้อหาตอบโจทย์-กราฟิกต้องสมจริง  เรื่องการให้ความสำคัญกับงานโปรดักชัน งานกราฟิก ผมมองว่าเราพัฒนามามาก พัฒนามาตลอด แต่เราก็ไม่ได้เอากราฟิกมาชูว่าละครเรื่องนี้ต้องทำกราฟิกเยอะมากนะ เพราะจริงๆ แล้ว ตัวเนื้อหาเป็นตัวตอบโจทย์ ส่วนกราฟิกเป็นตัวให้อารมณ์ร่วม เพราะฉะนั้นตัวกราฟิกมีความสำคัญที่เราจะต้องพัฒนาให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้นไปอีก จริงๆ การทำกราฟิกที่ดี ต้องมีระยะเวลาในการทำ ให้กับทีมกราฟิก เมื่อสมัยก่อน เราถ่ายละครไป ออกอากาศไปด้วยพร้อมกัน ทำให้งานกราฟิกเราพัฒนาได้ไม่ดีพอ แต่ปัจจุบันพอเราถ่ายทำเป็นสต๊อกไว้ มีถ่ายเป็นหลายๆ เรื่องเก็บไว้ เพื่อให้มีเวลาในการทำกราฟิก ก็ทำให้กราฟิกของเราดีขึ้น ส่วนเรื่องผลตอบรับจากคนดู ในเรื่องของกราฟิกก็มีบ้างครับ คือต้องทำให้สมจริง หรือใกล้เคียงที่สุด บางครั้งที่กราฟิกเราไม่ค่อยสมจริง แต่คนดูก็ให้อภัยเรา เพราะความสนุกมันไปอยู่ตรงอื่นแทน โลกก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากสมัยก่อนเป็นการกราฟิกแบบธรรมดา สมัยนี้ก็มีพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ สามารถทำภาพต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ที่ปัจจุบันวิดีโอเป็นอะไรที่ช่วยในการทำงานได้ง่ายมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก ในแง่ของเทคนิคก็เหมือนกัน สมัยก่อนเราจะเห็นหนังจักรๆ วงศ์ๆ ที่มีภูเขา มียักษ์ มันไม่ได้มีเทคนิค หรือเป็นกราฟิกเหมือนในยุคปัจจุบัน สมัยก่อนก็ต้องทำสดกัน มีการถ่ายใกล้ถ่ายไกล แล้วก็ต้องแบ่งฟิล์มถ่ายทีละส่วน ปัจจุบันคอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยได้เยอะมาก เพราะฉะนั้นโลกก็เปลี่ยนไปมากๆ เราก็ต้องพัฒนากันต่อไป |
เพื่อผู้ชม "รื้อถ่ายใหม่ก็ยอม"  พวกเราไม่ค่อยมองเรื่องต้นทุนกันสักเท่าไหร่ครับ ยิ่งเป็นละครจักรๆ วงศ์ๆ มีเท่าไหร่ใส่หมดเลย ก็คือทุ่มทั้งคน ทั้งของ บางครั้งถามว่าขาดทุนไหม ก็ใช่นะครับ เพราะลงทุนไปเยอะมากกับพวกกราฟิก ยิ่งกราฟิกยุคเก่าๆ จะมีราคาสูงมาก แต่ในปัจจุบันทุกอย่างลดลงมามาก จะใช้เป็นโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ บนโน้ตบุ๊กเรายังทำได้เลย ในแต่ละวันเราจะนำเทปที่ถ่ายทำของแต่วันวันเอากลับมาดู บางวันถ่ายทำไป เนื้อหาที่จะสื่อออกไปก็ไม่ตรง ตีความผิดไป คือบางครั้งแค่นิดเดียว แต่มันทำให้ความเข้าใจของเรื่องผิดไป เราก็ต้องซ่อมใหม่ อย่างเช่น บางทีนางเอกเป็นคนที่ปากร้าย แต่จริงๆ แล้วชีวิตเขาโตมาต้องต่อสู้เพียงลำพัง เพราะไม่มีพ่อมีแม่ เขาจึงจำเป็นต้องเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ ภายในจิตใจเขาเป็นคนดีจะตาย แต่ฉากที่เขาดี เล่นแล้วเราไม่รู้สึกว่ามันดีก็ต้องถ่ายใหม่ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นจิตใจภายในของนางเอกที่คนดูเขาต้องรู้ว่า คนนี้เห็นเป็นแบบนี้แต่ภายในเขาไม่ใช่ยังนี้ เขาเป็นอย่างนี้เพราะอะไร เราต้องสื่อออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ เมื่อก่อนละครจักรๆ วงศ์ๆ ถ่ายไปด้วยออนไปด้วย ทุกวันนี้บางครั้งก็เป็น คือบางครั้งมันเป็นช่วงสงกรานต์ดาราเขาก็ไม่อยู่กัน ทีมงานก็ต้องพักผ่อนกัน สต๊อกมันก็หายไป ยังไงก็ฝากติดตามชมด้วยนะครับ ตอนนี้ออนแอร์เรื่อง ขวานฟ้าหน้าดำ ส่วนเรื่องที่จะจ่อคิวออนก็คือ เรื่องนางสิบสอง ซึ่งก็มีการเตรียมการหลายเรื่องอยู่พอสมควร พวกเราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดนะครับ ตอนเช้าๆ ตื่นขึ้นมาทุกข์สุขร่วมกับแฟนตาซีในนิทานของไทยเรา แล้วเราก็จะปรับปรุงให้ทันสมัย แต่ก็ไม่ลืมเนื้อหาต้นฉบับเดิมไว้ให้ดีที่สุดครับ |
ส่งผ่านสายเลือดจักรๆ วงศ์ๆ จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลุก  การที่คุณพ่อถ่ายทอดมาทางพี่หลุยส์ สยาม สังวริบุตร (พี่ชาย) หรือผม ส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยเข้าใจนะครับ บางครั้งคุณพ่อเห็นว่าเราไม่เข้าใจ ก็ให้เราไปลองทำดูก่อน ลองผิดลองถูก ถ้าผิดเขาก็จะบอกว่าเพราะอะไร ทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าอยู่ดีๆ ให้ไปรับฟังการถ่ายทอดเลย บางทีเราก็จะเข้าใจได้ยากเหมือนกันนะครับ ฉะนั้นต้องเกิดจากการเรียนรู้ก่อน ทุกวันนี้คุณพ่อก็ยังมาช่วยเยอะเลยครับ เมื่อก่อนจะไปต่างประเทศกัน 7 วัน คุณพ่อจะคอยถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะกลับสักที คุณพ่อจะเป็นประเภทแบบไม่ทำงานไม่ได้ ทุกวันนี้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะคุณพ่อสั่งการมาทั้งนั้นเลย แม้กระทั่งละครแต่ละเรื่องจะเอาใครเล่น ส่วนลูกสาวน้องไผ่หลิว อาภานุช สังวริบุตร ไม่ได้สอนเขาเหมือนกัน ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรเลย มันเหมือนคำหนึ่งที่คนชอบพูดกันในนิยายนะครับว่า บางอย่างมันมาทางสายเลือด มันก็เป็นเรื่องจริงนะครับ เพราะว่าผมก็ไม่ได้สอนอะไรเขาเลย อย่างเรื่องการถ่ายภาพ เขาค่อนข้างถ่ายภาพได้ดีมาก มีมุมมองในการถ่ายภาพที่แปลกออกไป บางทีเรามองไปข้างหน้า แต่เขากลับมองข้างๆ ข้างบน ข้างหลัง ซึ่งมุมมองอะไรแบบนี้เราก็ไม่ได้สอน  ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ทำงานที่บริษัทนะครับ เขาทำอยู่รายการๆ หนึ่ง เพราะเขาอยากไปทำงานอะไรที่แบบลุยๆ แบบธรรมดาๆ เขาไม่ได้อยากมาทำงานในลักษณะเป็นผู้บริหาร ผมก็ให้เขาสะสมประสบการณ์ ถ้าเขาอยากวันหนึ่งเขาอยากทำขึ้นมา เราก็ค่อยว่ากัน คือจะปล่อยให้คิดเองว่าอยากทำอะไรมากกว่า ส่วนเรื่องสืบทอด ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าจริงๆ เขาอยากจะทำทางด้านนี้หรืออยากจะทำทางด้านไหน เราก็ไม่ได้ห้าม แล้วแต่เลย แต่ว่าจริงๆ ในนิยายนะครับสายเลือดมันมีจริง เขาจะมาชอบเอง เมื่อพูดจบถึงกลับหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ เพราะว่าจริงๆ เด็กสมัยนี้ ผมว่าเราไปบังคับเขาไม่ได้ เอาอย่างที่ใจเขาต้องการ ถ้าวันหนึ่งใจเขารู้สึกชอบมาทางนี้ เขาอยากรู้อะไรเราก็จะให้ข้อมูลเต็มที่ |
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ภาพ : สวรส พวงเกาะ
ขอบคุณภาพ IG: lorddida, nus_sungvaributr, louis_daravdo, samsearn
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
