ระยะทาง 259 กม. คือเส้นทางที่ผู้ชายคนหนึ่งอุทิศตนให้ผู้ยากไร้มาทั้งชีวิต ต้องฟันฝ่านำ “กัญชา” ออกจากยาเสพติด และเขาเชื่อเหลือเกินว่าการเดินจากพิจิตร ไปสุพรรณบุรีครั้งนี้ จะสร้างการรับรู้-เปลี่ยนกฎหมายนำกัญชามาใช้ในการรักษาโรคได้!!
หวัง!เดิน 259 กม.แก้กฎหมาย -ลดช่องโหว่การใช้ “กัญชา”
[อ.เดชา ศิริภัทร]
“การที่ผมเดิน 20 วัน ผมมองในมุมกว้างว่ามันจะสื่อสารให้เขารับฟังได้ สื่อสารให้คนทั้งประเทศรับรู้ได้ และจะให้คนป่วย กับคนเรียกร้องแก้กฎหมายมาลงชื่ออย่างเป็นทางการเลยว่า เราต้องการให้เปลี่ยนกฎหมายจริงๆ นะ”
นี่คือคำพูดของ อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ผู้ริเริ่มคิดค้นและแจกจ่ายน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ที่ให้ไว้เกี่ยวกับกิจกรรม “เดินเพื่อผู้ป่วย กัญชารักษาโรค (Cannabis Walk Thailand)” เพื่อเดินไปพูดคุยกับชาวบ้านว่าโรคมะเร็ง - ไมเกรน และหลายๆโรค รักษาได้
ทั้งนี้อาจารย์ ผู้ริเริ่มคิดค้นและแจกจ่ายน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ได้ร่วมกับวัดป่าวชิรโพธิญาณ รวมทั้งเครือข่ายภาคเอกชน 11 องค์กรเดินระยะทาง 259 กม.จาก อ.โพทะเล จ.พิจิตร สู่ อ.ดอนกำยาน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งได้เริ่มเดินไปแล้วตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.- 9 มิ.ย. 62 วันละ 2 ช่วง ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 06.00-10.00 น. และช่วงบ่ายเวลา 15.00-18.00 น.ในระยะ 15 กม.
“ผมหวังให้แก้กฎหมาย โดยมีผู้ป่วย และญาติผู้ป่วยเป็นตัวตั้งว่ากฎหมายนี้ทำให้เขาเข้าไม่ถึงยา จะต้องแก้กฎหมายให้เขา ผมจะเดินถามไปเรื่อยๆ ว่าเป็นโรคอะไร ที่รักษาหายเพราะกัญชาหรือเปล่า ถ้าเรามีเงินพอผมเชื่อว่าจะแก้กฎหมายได้ไวขึ้น พี่ตูนทำได้ ผมคิดว่าเราก็ทำได้”
โดยตลอดระยะทางวันแรกมีประชาชนมาคอยให้การต้อนรับตลอดเส้นทาง และร่วมบริจาคเงินกันอย่างคึกคัก รวมทั้งมีการ Live ผ่านเฟซบุ๊ก “เดินเพื่อผู้ป่วย : Cannabis Walk Thailand” ตามเส้นทางการเดิน ซึ่งแต่ละจุดในทุกวันจะมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากวิทยากรเรื่องกัญชาอีกด้วย
วัตถุประสงค์ของการเดินรณรงค์ในครั้งนี้ เพื่อระดมทุนผลิตยากัญชาแจกจ่ายแก่ผู้ป่วย และไม่สามารถเข้าถึงตัวยาได้ รวมทั้งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชา สร้างเครือข่ายเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเทศ
สำหรับเส้นทางการเดินช่วงแรกเริ่มจากวัดป่าวชิรโพธิญาณ ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ถึงวัดใหม่มงคลทุ่งกระทั่ง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ระยะทางรวม 13 กม.
นอกจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชนที่ร่วมจัดกิจกรรมด้วย ได้ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก เดินเพื่อผู้ป่วย : Cannabis Walk Thailand อีกว่าการเดินร่วมอ.เดชาครั้งนี้เป็นความหวัง และอิสรภาพของประชาชนให้เข้าถึงตัวยาได้
“การเดินเพื่อผู้ป่วย คือการประกาศอิสรภาพของประชาชน ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถืงยาจากกัญชา และหมอยาพื้นบ้านตลอดจนบุคคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขสามารถปลูก ปรุง และแจกจ่ายยากัญชาได้โดยปราศจากกฎระเบียบและกฎหมายขัดขวาง
ขบวนการเดินด้วยเท้าของสามัญชนคนเล็กคนน้อยครั้งนี้ มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่เฉกเช่นการเดินของมหาตมคานธี เพื่อเรียกร้องสิทธิการทำเกลือของประชาชนอินเดีย ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การประกาศอิสรภาพของอินเดีย ในขณะที่เป้าหมายการเดินครั้งนี้เป็นไปเพื่อการเข้าถึงยา การคุ้มครองส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในการรักษาพยาบาลของประชาชน ต่อต้านการผูกขาด และการออกกฎระเบียบหรือกฎหมายใดๆที่เอื้ออำนวยประโยชน์การใช้กัญชาทางการแพทย์แก่กลุ่มทุนหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
การเดินด้วยเท้าจากวัดสู่วัด มีนัยของการฟื้นฟูการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีวัดและชุมชนเป็นศูย์กลาง ซึ่งการเดินครั้งนี้มีเป้าหมายระยะยาวในการสร้างศูนย์การรักษาด้วยอาหารและสมุนไพรรวมทั้งยาจากกัญชาในทุกอำเภอเป็นอย่างน้อย”
เดชา “ความหวัง” ของผู้ป่วย
“สิ่งที่มองเป็นเรื่องใหญ่ๆ คือกัญชายังอยู่ในประเภทยาเสพติดที่ 5 เพราะฉะนั้นเมื่อมันอยู่ในประเภทนี้คุณก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้หรอก นำวิจัยมาก็ไม่ได้ ใช้ทำอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นนำมาใช้ทางการแพทย์ แต่ก็มีข้อยกเว้นปลีกย่อยเยอะ คนทำข้อนี้น้อย ไม่พอต่อคนที่ป่วยเป็นจำนวนมาก ผมจะแจกฟรีคุณก็เข้ามาจับ เพราะคุณอ้างกฎหมาย”
ความในใจของ อ.เดชา ศิริภัทร ที่ได้เล่าผ่านปลายสายให้ทีมข่าว MGR Live ฟังถึงการปรับเปลี่ยนกฎหมายปัจจุบันให้ได้ เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ รวมทั้งยอดผู้ป่วยแจ้งความจำนงขอรับน้ำมันกัญชา ณ วันที่ 15 พ.ค.62 ที่ผ่านมา มีจำนวนเกิน 20,000 คน และไม่นับผู้ป่วยอีกมากมายที่ไม่สามารถประเมินได้ที่กำลังหลั่งไหลมาเพิ่มเติม
ถึงแม้ว่าจะผ่อนผันให้ทำยาได้แต่ขอบเขตจำกัดมาก ทำให้การผลิตและแจกจ่ายเข้าถึงผู้ป่วยได้น้อย ทั้งนี้ต้องการให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชนว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นยารักษาโรค ซึ่งถ้าได้นำมาใช้อย่างถูกต้องจะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะการรักษา
และสุดท้ายการวิ่งเดินครั้งนี้เพื่อระดมทุนบริจาค ผลิตยาสำหรับแจกฟรี หากยังทำไม่ได้มาก เขาก็ใช้ทุนก้อนนี้ในการรณรงค์ในการปรับกฎหมาย
“ผมคิดว่าควรเปลี่ยนกฎหมาย กฎหมายที่ดีก็คือควรนำกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อนำออกจากประเภทยาเสพติด ก็สามารถทำอะไรก็ได้ เราเห็นว่าพืชตัวนี้มีสรรพคุณบางอย่างที่คล้ายยาเสพติดอยู่ ซึ่งถ้าใช้ไม่ถูก ไม่ดีก็อาจจะเป็นโทษได้ เราก็มีข้อแม้ว่าคุณใช้ได้ทุกอย่างตาม แต่ต้องมีข้อห้ามใช้ ก็มีข้อยกเว้นไปซิในสิ่งที่กลัว
เราก็ไม่ว่าถ้ามีเหตุผล แต่ข้อที่ไม่ว่าและไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งมันเยอะ ห้ามทุกอย่างแต่ทำได้อย่างเดียวมันไม่ดี มันไม่มีอะไรเปิด หรือสุดโต่ง มีเสรี แบบนั้นมันไม่ใช่ ทำที่จำเป็น มันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่สารเสพติด"
โดยการเดินดังกล่าวมีพระสงฆ์ และคนจากองค์กร 11 องค์กรรวมทั้งผู้ป่วย จำนวนกว่า 1,000 คน ร่วมเดินขบวนตั้งแต่เวลา 09.39 น. และมีการถือป้าย -ธงสัญลักษณ์สนับสนุนกัญชาอีกด้วย
ทั้งนี้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในคนที่ร่วมเดินเท้า ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลยังกีดกันให้กัญชาเป็นยาเสพติด เราจึงต้องเดินด้วยเท้าเรียกร้องให้กัญชาออกจากยาเสพติด และเป็นสมุนไพรรักษาประชาชน อยากให้เห็นใจประชาชนที่ป่วยยาก ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อค เพื่อไม่ให้ เป็นการผูกขาดการปลูกอยู่แค่ระดับรัฐ นายทุน ที่ทำเงื่อนไขกับรัฐ แต่ผู้ป่วยไม่มีโอกาสเข้าถึง
อย่างไรก็ดี ตลอดระยะทางวันแรกมีประชาชนมาคอยให้การต้อนรับตลอดเส้นทาง และร่วมบริจาคเงินกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางตำรวจใน-นอกเครื่องแบบ มาร่วมอำนวยความสะดวก และสอดส่องกลุ่มผู้เดินรณรงค์ ซึ่งคณะผู้จัดกิจกรรมก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการแจกน้ำมันกัญชา หรือสิ่งของใดๆที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน ทางด้านโซเชียลฯต่างมองว่าการที่อ.เดชาออกมาครั้งนี้ สร้างกำลังใจ และทำให้ผู้ป่วยที่หมดความหวัง มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่เพื่อหวังว่าจะได้ใช้
"กัญชา” มารักษาโรคได้"
“กัญชาเป็นที่พึ่งของคนจนในการรักษาโรค”
“ขอให้ได้มาตามสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทยอย่ากลัวกฎหมายที่ล้าหลังเราจะต่อสู้เพื่อผู้ป่วยและชาวบ้านที่เข้าไม่ถึงพืชสมุนไพรให้ได้ครับ”
“ขอให้ผลักดันแนวทางกัญชาเพื่อการแพทย์ได้ตามที่ตั้งใจค่ะ เน้นความปลอดภัยควบคู่กับการเข้าถึงของคนไข้ค่ะ”
ข่าวโดย: ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ :เฟซบุ๊ก"เดินเพื่อผู้ป่วย : Cannabis Walk Thailand"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
