xs
xsm
sm
md
lg

“ภูมิใจค่ะที่เขารอด แค่นี้เราก็สุขที่สุดแล้ว" เจาะใจนางฟ้าเสื้อกาวน์ สัตวแพทย์สาวผู้ช่วยชีวิตทารกน้อย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยชีวิตเด็กค่ะ” เปิดใจ “หมอมน” จากคลิปนาทีชีวิต ช่วยเหลือทารกน้อยคลอดกะทันหัน ที่ต้องพลิกหน้าที่จาก “สัตวแพทย์” มาเป็น “หมอสูติเฉพาะกิจ” ทำคลอดคนครั้งแรกในชีวิต ด้วยเหตุผลเดียว “ต้องช่วยเด็กให้ได้” ฟากโลกโซเชียลฯ ถูกใจสิ่งนี้ พร้อมยกให้เป็น “คลิปวิดีโอแห่งปี”!!!

“ถ้าหมอไม่ไปช่วยเด็กต้องตายแน่ๆ”

กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดประทับใจที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียลฯ ขณะนี้ หลังจากที่เฟซบุ๊ก “Min K Wg” โพสต์คลิปวิดีโอ เผยให้เห็นวินาทีชีวิตของทารกน้อยรายหนึ่ง ที่แม่ของเด็กซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวเกิดคลอดลูกอย่างกะทันหันริมถนนภายในซอยฉิมพลี ย่านตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ทว่า...อาการของเด็กนั้นเป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเด็กนิ่ง ไม่ส่งเสียงร้อง และสีผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงซีดอย่างน่ากลัว

แต่ขณะนั้นเอง ก็ได้มีสัตวแพทย์สาวที่มีคลินิกอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ถูกชาวบ้านบริเวณนั้นตามตัวให้มาช่วยชีวิตหนูน้อยรายนี้ เธอได้พาทารกมายังคลินิกของเธอ ก่อนจะทำการช่วยชีวิตตามสัญชาติญาณของผู้เป็นแพทย์ จนในที่สุด ทารกน้อยก็สามารถหายใจได้เองและส่งเสียงร้องไห้จ้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะนำส่ง ณ โรงพยาบาลศิริราชต่อไป



ไม่รอช้า ทีมข่าว MGR Live จึงได้ต่อสายตรงไปยัง “หมอมน - สัตวแพทย์หญิง วารีย์ ลิ้มรุ่งสุโข” เจ้าของคลินิก “หมอมนรักสัตว์” และเจ้าของแฟนเพจ “เพื่อนซี้สี่ขา ประสาหมอมน” ซึ่งเป็นสัตวแพทย์หญิงผู้ปรากฏในคลิป เธอเปิดใจถึงวินาทีชีวิต ที่ต้องมาเป็น “หมอสูติเฉพาะกิจ” เพื่อช่วยชีวิตทารกน้อยคลอดก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์ 8 เดือนว่า ตนเองรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องช่วยอย่างเต็มที่

“ตอนแรกมีคนเรียกให้ไปช่วยเด็ก เขาบอกว่าให้ไปช่วยทำคลอดคนหน่อย เราก็แบบ...ช่วยทำคลอดเหรอคะ เขาบอกว่าเด็กคลอดออกมาแต่ว่าเหมือนกับเด็กนิ่งไปแล้ว ถ้าหมอไม่ไปช่วยเด็กต้องตายแน่ๆ



แต่ก่อนที่จะไปช่วยเด็ก ตอนนั้นหมอกำลังรักษาน้องหมาอยู่ตัวหนึ่งค่ะ ก็ใส่ถุงมือแล้ว หมอก็มองหน้าเจ้าของ กำลังจะถามเขาว่าหมอขออนุญาตไปได้มั้ยคะ แต่เจ้าของก็บอกมาก่อนว่า ไปเลยค่ะหมอ ซึ่งทางเจ้าของน้องหมาเขามากัน 2 คน อีกคนก็เลยจับน้องหมา ส่วนอีกคนไปเป็นเพื่อนหมอในซอยที่มืดๆ ค่ะ

ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจนิดๆ ค่ะ แต่เตรียมใจไว้แล้ว เพราะเขาบอกว่าไปช่วยทำคลอดเด็กคือต้องเห็นเด็กแน่ๆ ณ วินาทีนั้นก็คิดว่ายังไงก็ต้องเห็นเด็ก แต่ว่าก็ช่วยเต็มที่ พอไปถึงก็เห็นเหตุการณ์อย่างที่ในคลิปเลยค่ะ คือน้องนิ่ง แล้วก็ไม่หายใจ จับที่หัวใจก็ไม่ได้รู้สึกถึงหัวใจเต้น

ก็เลยขอเขาว่าไปที่คลินิกได้มั้ย ตรงนี้ไม่มีอะไรเลย ลูกยงลูกยาง อุปกรณ์อะไรก็ไม่มีซักอย่าง เราใส่แต่ถุงมือไปอย่างเดียวระหว่างที่พามาที่คลินิกก็พยายามกดหัวใจเด็กไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วก็พยายามล้วงคอ พอไปถึงก็ขึ้นโต๊ะอย่างที่เห็น ใช้ลูกยางดูดของเหลวออกจากคอน้อง”



เมื่อมาถึงคลินิก หมอมน ช่วยชีวิตเด็ก ด้วยการใช้ลูกยางดูดน้ำคร่ำออกมาจากทางจมูกและปากของทารกน้อยเพื่อเปิดทางให้เด็กหายใจได้ สลับกับการให้ออกซิเจน ในระหว่างที่ช่วยอยู่นั้น บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความกังวลและลุ้นเอาใจช่วย แต่ทางด้านของหมอมนกลับมีสีหน้าที่นิ่งสงบ พร้อมกับพูดว่า “ลูก หนูต้องรอดนะลูกนะ หนูกำมือแล้วลูก”

“หมอช่วยตามหลัก ABCการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานค่ะ A - Airway คือ การเปิดช่องทางเดินหายใจ B - Breathing คือ การช่วยให้หายใจ และ C - Circulation คือ การนวดหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่ว่าต้องช่วยเขาให้ได้” หมอมนตอบ เมื่อถูกถามถึงความคิดภายในสีหน้าอันแสนใจเย็น ขณะช่วยชีวิตหนูน้อย

เวลาผ่านไปเกือบ 4 นาที หลังจากการช่วยเหลือของสัตวแพทย์สาว จากผิวของทารกน้อยที่ตอนแรกเป็นสีม่วงซีด ก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีชมพูมีเลือดฝาด และเริ่มส่งเสียงร้องอ้อแอ้อันเป็นสัญญาณที่ดี ท่ามกลางความดีใจและเสียงขอบคุณคุณหมอ จากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น

แทบไม่ต่าง “ทำคลอดคน - สัตว์”

ทางด้านของสัตวแพทย์หญิงวัย 34 ปี ยังกล่าวต่อไปว่า ด้วยความที่เป็นสัตวแพทย์ นี่จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ “ทำคลอดคน” เพราะโดยปกติแล้วตนเองจะทำคลอดสัตว์เสียมากกว่า โดยเฉพาะน้องหมาและน้องแมว

“ไม่เคยทำคลอดคนเลยค่ะ คนนี่ทำครั้งแรกเลย แต่ว่าหมากับแมวก็ทำมาเยอะค่ะ”

ส่วนประเด็นที่ว่า ระหว่างการทำคลอดสัตว์ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร หมอมนก็ได้ให้คำตอบว่า ทั้งคู่ใช้หลักการเดียวกัน



“เหมือนกันเลยค่ะ มันใช้หลักการเดียวกัน ก็คือต้องพยายามเปิดช่องทางเดินหายใจให้ได้ก่อนค่ะ แล้วก็พอเปิดช่องทางเดินหายใจได้แล้ว เราก็ต้องให้น้องหายใจด้วยตัวเองให้ได้ แต่จะต่างกันที่ขนาดและกายภาพภายนอกนิดหน่อยค่ะ ส่วนการเขย่าที่ตัวเด็กจากที่เห็นในคลิป เป็นการทำเพื่อให้น้ำคร่ำที่อยู่ในช่องปากและจมูกออกมาค่ะ”

นอกจากนี้ เจ้าของคลินิก “หมอมนรักสัตว์” ยังได้เผยเหตุการณ์นอกเหนือจากในคลิปวิดีโอ รวมถึงอัปเดตอาการของทารกน้อยหลังจากที่นำส่งโรงพยาบาลแล้ว

“พอช่วยเสร็จ กู้ภัยเขาก็มารับไปค่ะ แล้วก็เข้าสู่กระบวนการรักษาตามปกติ ตอนแรกก็คิดว่ามันจบแค่นั้น เราก็รู้สึกดีใจแล้วที่เราได้มีโอกาสช่วยชีวิตเด็กค่ะ พอผ่านตรงนี้ไปก็คิด ดีใจจังเลย แค่นั้นคือจบแล้ว

ส่วนอาการของเด็กดีขึ้นค่ะ มีคนมาคอมเมนต์บอกว่าดีขึ้น เห็นว่าปลอดภัยแล้วตั้งแต่ไปถึงโรงพยาบาลศิริราชตอนดึกแล้ว ก็มีการถามกันว่าเคสนี้เป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าน้องปลอดภัยค่ะ”



ทั้งนี้ คลิปวิดีโอการช่วยเหลือทารกน้อยนั้น มีผู้กดไลก์ไปกว่า 200,000 ครั้ง และเข้าชมเกือบ 7,000,000 ครั้ง ด้านความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ชื่นชมความสามารถของคุณหมอ รวมถึงลุ้นและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหล่าคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกน้อย หลายคนถึงกับบอกว่าดูแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พร้อมกับยกให้คลิปวิดีโอนี้เป็นคลิปแห่งปีกันเลยทีเดียว

“หมอเก่งมาก ที่ยอมยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ เพื่อเด็ก ถ้าเด็กตายหมอเสร็จแน่เพราะไม่ใช่ทางของหมอ แต่หมอไม่คิดถึงจุดนั้นเลย ยอมช่วยเด็กก่อน นับถือใจหมอมากครับ ถ้าเป็นผมคงคิดแล้วคิดอีกเพราะกลัวเด็กตาย”

“ลุ้นมากตอนหมอไปถึงแล้วเด็กตัวสีม่วงนิ่งเงียบ ดูคลิปไปน้ำตาไหลไปเพราะตอนแรกน้องนิ่งไม่มีเสียงและตัวม่วง ขอบคุณคุณหมอ ดีใจกับคุณพ่อคุณแม่น้องด้วยค่ะ”

“ปกติไม่ค่อยกล้าดูคลิปอะไรแนวนี้ คลิปนี้ดูและลุ้นมาก จังหวะที่เด็กร้อง ตัวเปลี่ยนสีชมพูคือ น้ำตาไหลเลย บุญรักษานะเด็กน้อย โตมาอย่าลืมมาขอบคุณหมอคนนี้นะ”

“น้องคลอดก่อนกำหนดหรอคะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ น้ำตาไหลเลยหัวอกคนเป็นแม่ลูกอ่อนค่ะ ดูข่าวนี้แล้วดีใจ ใจชื้นหน่อยหลังจากมีแต่ข่าวแย่ๆ เกี่ยวกับเด็ก”



เมื่อถามความรู้สึกของ หมอมน ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งการช่วยชีวิตทารกน้อยและการได้รับเสียงชื่นชมจากชาวโซเชียลฯ มากมาย เธอก็ตอบว่า ขอบคุณทุกคำชื่นชมแล้วทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนที่มาเรียกเธอให้ไปช่วยทารกน้อย

“รู้สึกภูมิใจ ดีใจมากๆ ที่ว่าเขารอดแล้วนะ แล้วก็ขอบคุณทุกคำชื่นชม ทุกกำลังใจที่ให้มานะคะ แล้วก็อยากจะขอบคุณคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาเรียก ซึ่งเป็นคนสำคัญที่สุดเพราะเป็นจุดเริ่มต้น เขาเป็นสะพานชีวิตของเด็กน้อย

แล้วก็ขอบคุณพี่ผู้ช่วย พี่อ้อกับพี่น้อย ก็เป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่ช่วยหยิบของ ช่วยนู่นนั่นนี่ ส่วนคนที่ถ่ายคลิปก็เป็นคนสำคัญมากๆ เช่นกัน แต่เขาก็ขออนุญาตหมอก่อนโพสต์แล้ว หมอก็บอกไม่มีปัญหา หมอคิดว่าความดีมันอยู่ในใจค่ะ มันอิ่มเต็มอยู่ในใจ แค่นี้เราก็มีความสุขที่สุดแล้ว”

ข่าวโดย MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Min K Wg” และ “เพื่อนซี้สี่ขา ประสาหมอมน”



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น