“ซีอุย” แลนมาร์กพิพิธภัณฑ์ศิริราช นักศึกษาแพทย์เสียงแตก ซีอุยไม่ใช่จุดขาย ย้อนแย้งทำไมต้องเอานักโทษมาโชว์เพราะยังไม่ให้เห็นถึงความสำคัญ ส่วนอีกด้านมองว่าเป็นจุดขายสามารถนำรายได้ไปช่วยเหลือคนไข้ของโรงพยาบาลศิริราชได้ แนะควรเปลี่ยนคำว่า "มนุษย์กินคน" ออกไปดีกว่า
นักศึกษาแพทย์เสียงแตก ซีอุยไม่ใช่จุดขาย!!
ดรามาเดือด!หลังมีการล่ารายชื่อให้ย้ายร่างไร้วิญญาณของซีอุยมนุษย์กินคน ออกจากพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช
เพื่อทวงคืนความยุติธรรมโดยสังคมส่วนใหญ่เห็นว่าต่อให้ซีอุยทำจริงก็ไม่สมควรเอาร่างมาดองและตั้งโชว์แบบนี้นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆแล้ว ยังเป็นการละเมิดความเป็นมนุษย์อีกด้วย
ทีมข่าว MGR Live จึงได้ลงพื้นที่ไปสำรวจ “พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช” ที่มีการจัดตั้งโชว์ร่างไร้วิญญาณของ “ซีอุย แซ่ตั้ง” ที่ได้ถูกตั้งฉายาว่า “มนุษย์กินคน” ที่มีการจัดแสดงอยู่บนชั้น2 ของพิพิธภัณฑ์ในโซนที่มีชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกานต์นิยมเสน” หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่า พิพิธภัณฑ์ซีอุย
โดยร่างของซีอุยถูกจัดแสดงไว้ในส่วนสิ่งแสดงเกี่ยวกับศพถูกจัดแสดงศพจริงถนอมรักษาศพโดยทางการแพทย์โดยมีลักษณะผิวหนังแห้งแต่ยังคงรูปร่างเดิมซึ่งถูกจัดไว้ในตู้กระจกเพื่อให้นักศึกษาแพทย์และผู้สนใจได้เรียนรู้
จากการสังเกตผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติส่วนคนไทยนั้นจะเห็นได้น้อยมากอีกทั้งการเข้าเยี่ยมชมในพิพิธภัณฑ์ก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจอย่างเคร่งคัดไม่ให้นำสัมภาระ โทรศัพท์กล้องถ่ายภาพ หรือสิ่งของอื่นๆเข้าไปพิพิธภัณฑ์เนื่องจากทางพิพิธภัณฑ์มีข้อห้ามไม่ให้ผู้เข้าชมถ่ายภาพ
ขณะที่ กุลสตรี ประดิษฐอุกฤษฏ์ นักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลชั้นปีที่ 4มหาวิทยาลัยมหิดลได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรหากจะนำร่างของซีอุยออกหรือตั้งโชว์ไว้คงเดิมเพราะสิ่งที่เรารู้กับความจริงอีกด้านอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
“มีโอกาสเข้าไปดูซีอุยในพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่งสำหรับเรื่องนี้หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรขนาดนั้นเราก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรบ้างสิ่งที่เรารู้กับความจริงอาจจะเป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้ ถ้าสมมติเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆก็รู้สึกสงสารเขา หนูคิดว่าถือเป็นอาจารย์ใหญ่ร่างหนึ่งเฉยๆค่ะ ในนั้นก็มีร่างอาจารย์ใหญ่หลายๆร่าง ก็รู้สึกว่าเหมือนๆกัน จึงไม่ได้มีปัญหาอะไรหากจะโชว์ต่อไปหรือนำซีอุย ออกจากพิพิธภัณฑ์
เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ศิริราชเองเขาไม่ได้เอาจุดนี้มาเป็นจุดขายคือมันมีพิพิธภัณฑ์เยอะมากในนี้ มีพิพิธภัณฑ์อะไรแปลกๆก็เยอะ เช่น มีร่างเด็กเกิดมาผิดปกติให้ดูด้วยค่ะจริงๆ แล้วก็ดูไว้เป็นความรู้ดีกว่าส่วนใหญ่คนที่มาดูก็ไม่ได้มาดูซีอุยอย่างเดียวคือดูจุดอื่นด้วยเพื่อศึกษา
ส่วนคำที่เขียนไว้ว่ามนุษย์กินคนนั้นตอนที่เข้าไปดูเขาไม่ได้เขียนว่ามนุษย์กินคนแต่อาจจะเพิ่งมาเขียนหรือเปล่าไม่แน่ใจหรือไม่ทันสังเกตอันนี้ก็ไม่แน่ใจค่ะ”
สอดคล้องกับเจ้าที่ประจำด้านในพิพิธภัณฑ์ศิริราชที่ได้บอกกับทีมข่าวของเราว่าคนมาดูซีอุยก็เยอะอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วก็มีดูอย่างอื่นด้วยไม่ใช่มาดูแค่ซีอุย
มนุษย์กินคน”แลนมาร์กจุดขายพิพิธภัณฑ์ศิริราช
“รู้สึกย้อนแย้งว่าทำไมต้องเอานักโทษมาโชว์เพื่ออะไร งงมาก คนดีๆก็สตาฟไว้ก็โอเค แต่คนที่ไม่ดีมาสตาฟไว้ก็คืองงจริงๆ แล้วอยากรู้จุดประสงค์ของคนที่เขาเอามาไว้มากกว่าคือเราไม่รู้จุดประสงค์เราก็เลยไม่กล้าที่จะไปออกความเห็นอะไรมาก”
นี่เป็นเสียงสะท้อนจาก หญิงสาวนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหิดลที่ไม่เปิดเผยชื่อ ได้เปิดใจกับทีมข่าวถึงเรื่องดังกล่าวนี้ว่าเหตุใดถึงต้องนำร่างนักโทษเหล่านี้มาตั้งโชว์เพราะหากมองดูแล้วยังไม่เห็นถึงความสำคัญอะไรมากนัก
สำหรับหนู หนูคิดว่าควรที่จะไปคุยกับคนที่เอามาตั้งมากกว่าหมายถึงว่า ต้องรู้จุดประสงค์เขาว่าเอามาโชว์ทำไม
คือเราก็อยากรู้จุดประสงค์ของเขาว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรเหมือนกับเวลาตั้งกฏถ้าเกิดเรารู้เนื้อแท้ของกฏเราอาจจะต่อต้านน้อยลงแต่คือเฉยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเอามาตั้งโชว์ทำไม”
ขณะเดียวกัน นักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลชั้นปีที่ 4 อีกราย ก็ได้เปิดใจกับทีมข่าวของเราว่าซีอุยนับว่าเป็นแลนมาร์กของพิพิธภัณฑ์ไปแล้วแนะนำให้เปลี่ยนคำว่ามนุษย์กินคนออกไปน่าจะดีกว่า
“ผมคิดว่าที่นี่เป็นแลนมาร์ก คนส่วนใหญ่เรียกพิพิธภัณฑ์นี้ว่าพิพิธภัณฑ์ซีอุย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้ถามหาพิพิธภัณฑ์ศิริราชแต่ถามว่า พิพิธภัณฑ์ซีอุยต้องไปดูที่ตึกไหนหากจะมีการนำออกไปจริงก็คงขาดแลนมาร์กของที่นี้ไปแต่ควรเปลี่ยนคำว่ามนุษย์กินคนออกไปไม่ควรที่จะเขียนถึงเขาในทางที่ไม่ดีขนาดนั้น
เรื่องนี้ผมว่าก็ทำให้รู้สึกผิดนิดๆที่เอามาสตาฟทิ้งไว้ตรงนี้ซึ่งไม่ได้ใช้ในการเรียนการสอนเพราะว่าถ้าพูดตามความจริงแล้วพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ศึกษาทางการแพทย์ขนาดนั้นเพราะว่าจะมีพิพิธภัณฑ์อนาโตมีศึกษากายไว้อีกตึกหนึ่งมากกว่าส่วนใหญ่ที่นี่เหมือนให้เยี่ยมชมมากกว่าต้องถามผู้ใหญ่ว่าเอามาสตาฟไว้ทำไม“
นอกจากนี้ ศุภสิริ รัตนกิจ นักศึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ชั้นปีที่ 2คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลขยายความประเด็นดังกล่าวว่าตนได้เห็นข่าวผ่านทวิตเตอร์โดยที่ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปไปดูซีอุยมาแล้วซึ่งมองว่าเป็นกรณีศึกษาจะดีกว่าหากจะให้นำร่างออกยังไม่เห็นด้วยแต่ควรจะเปลี่ยนคำพูดที่ติดไว้ว่ามนุษย์กินคนเป็นคำอื่นแทนจะดีกว่า
“เขามีประวัติอยู่ข้างๆคอยบอกว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอย่างตรงที่เขียนว่ามนุษย์กินคนถ้าพาดหัวข่าวให้ดีขึ้นหรือความเป็นจริงเป็นยังไงก็ใส่รายละเอียดเพิ่มลงไปแบบนี้ดีกว่าค่ะส่วนร่างของเขา ถ้ายังอยู่ที่นี่ก็อยู่ได้ แต่ไม่ใช่เอามาเพื่อเป็นการประจารอาจเป็นกรณีศึกษามากกว่าว่าเมื่อก่อนมีการลงโทษแบบนี้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นคิดว่าตรงนี้หากไม่ได้เอาออกก็ยังเป็นกรณีศึกษาที่ดีอยู่ค่ะ”
ไม่เพียงเท่านี้อีกเสียงความคิดเห็นของ ณัฏฐนิช ใจดี นักศึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ชั้นปีที่ 2คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล ยังคงมองว่าร่างไร้วิญญาณของซีอุยได้กลายเป็นจุดขายของพิพิธภัณฑ์ศิริราชไปแล้วเนื่องจากคนที่เขามาเยี่ยมชมมักจะถามหาชื่อของซีอุยเป็นอย่างแรก
“หนูว่าเป็นจุดขายนะเคยมีคนมาถามว่าพิพิธภัณฑ์ซีอุยที่กินคนอยู่ตรงไหนเขาไม่ได้เรียกชื่อพิพิธภัณฑ์จริงๆค่ะส่วนใหญ่จะเรียก ซีอุยๆหนูรู้สึกว่าไม่ต้องเอาออกหรอกแค่เปลี่ยนคำจะดีกว่าหนูรู้สึกว่าอย่างน้อยถ้าเขาไม่ได้กินคนจริงๆก็ยังได้รู้ว่าประเทศไทยยังมีเหตุการณ์ที่คนกลายเป็นแพะรับบาปแบบนี้อยู่ค่ะ
ด้านนักศึกษาแพทย์รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่า ซีอุยเป็นหนึ่งในจุดขายของพิพิธภัณฑ์ศิริราชเป็นที่ดึงดูดแก่สายตานักท่องเที่ยวทำให้มีรายได้เข้าพิพิธภัณฑ์จำนวนมากซึ่งรายได้เหล่านี้จะถูกนำไปช่วยเหลือคนไข้ของศิริราชพยาบาลต่อไป
นอกจากนี้เฟซบุ๊ก "MGROnline Live" ได้สร้างโพลล์สำรวจว่าเห็นด้วยหรือไม่หากนำร่าง "ซีอุย" ออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราชหลังมีกระแสทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ล้างฉายามนุษย์กินคน
จากโพลล์สำรวจในขณะนี้ที่ยังไม่สิ้นสุดมีจำนวนคนเข้าไปโหวตแล้วจำนวน 1,400 คนเห็นด้วย 74 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วย 26 เปอร์เซ็นต์
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก:Siriraj Museum - พิพิธภัณฑ์ศิริราช
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **