ถ้าเปรียบเขาใหญ่เป็นวงแขนของผู้ชายสักคน ก็คงเป็นอ้อมกอดที่แสนละมุนละไม อบอวลไปด้วยความอบอุ่นของไอแดดยามเช้า คละเคล้าความชุ่มฉ่ำของน้ำค้างกลางขุนเขา เชื่อได้ว่า “เขาใหญ่” คงจะเป็นลิสต์ในสถานที่ท่องเที่ยวของใครหลายคน เพราะใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพฯ เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น นับว่าคุ้มค่ากับการได้หลบอากาศร้อนไปนอนสูดอากาศที่ปลอดโปร่งกันอย่างแน่นอน
สถาปัตยกรรมจริง ที่อ้างอิงจากเทพนิยาย
หากเอ่ยถึงที่พักเขาใหญ่ หลายคนน่าจะนึกถึงสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ความลึกลับของสิ่งสวยงามในป่า นั่นคือที่มาของคอนเสปต์โรงแรมน้องใหม่อย่าง Hotel Labaris Khao Yai อาณาจักรที่ขนทัพฟังก์ชั่นเด็ด มาเป็นจุดขายที่โดดเด่น และสร้างความแตกต่างได้อย่างน่าสนใจ ภายในพื้นที่เขาใหญ่ติดถนน แต่ทว่าโรงแรมก็ซ่อนกลความเป็นส่วนตัวไว้ได้อย่างน่าประทับใจ
ทีมข่าว MGR Online ได้เดินทางไปที่ Hotel Labaris Kao Yai ตั้งอยู่ริมถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 16 เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา สิ่งแรกที่พบก็คือทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้บริเวณทางเข้า มีรูปปั้นกระต่าย และบรรดาสัตว์ตัวน้อยในเทพนิยายที่เป็นกิมมิกสำคัญของโรงแรม ตั้งตระหง่านคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน ทุ่งหญ้าเขียวชะอุ่มสูงเท่าอกโบกพลิ้วลิ่วลมให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติแบบสุดๆ ยามเย็นพระอาทิตย์จะทอแสงกระทบแปลงดอกหญ้าสีขาว สวยราวกับมาเที่ยวต่างประเทศ ใครที่ชอบถ่ายภาพรับรองว่าได้มุมเด็ดจากสวนนี้แน่นอน
ไฮไลท์สำคัญของสวนด้านหน้านี้ คือ “Rabbit Cafe” คาเฟ่ขนาดเล็กที่ฝังตัวอยู่ในโพรงดิน ให้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านหลังน้อยของเจ้าสัตว์ตัวจิ๋ว เรือนกระจกทำให้เวลานั่งอยู่ในคาเฟ่เราสามารถมองออกไปเห็นวิวทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ข้างนอกได้ การตกแต่งของคาเฟ่นี้ ประดับประดาด้วยของจำลองขนาดเล็ก ซึ่งสามารถเอามาเป็นพร๊อพถ่ายภาพสวยๆ ลงโซเชียลกันได้ไม่มีเบื่อ ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ที่ทีมข่าวได้ลองชิมนั้น ก็มีสตอรี่ว่าการมาเยือนบ้านกระต่าย ต้องกินน้ำแครอท ที่ผสมโซดาเพิ่มความสดชื่นเข้าไปหน่อย รสชาติออกจะเฝื่อนๆ ซ่าส์ๆ แปลกลิ้นดี ทานคู่กับเค้กมะพร้าวราดแยมสตรอว์เบอร์รี่ก็เข้ากันได้แบบลงตัว
จิบของว่างยามบ่ายแล้ว เดินผ่านสวนเข้ามาถึงล็อบบี้ ตรงนี้เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน ทั้งแบบตะวันตกที่ดูโอ่อ่าสง่างาม และความเรียบง่ายอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ห้องพักที่เราเข้าไปเยี่ยมชมกันนั้น แบ่งเป็นสองส่วน คือบนปราสาทสองหลัง ที่ออกแบบให้มีประตูทางเข้าไปสู่ตัวอาคาร 3 ชั้นแบบแยกตึกกันไปเลย ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวดี แต่หากใครได้ห้องพักอยู่ชั้น 3 ก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะเดินขึ้นบันไดไปถึงก็อาจจะมีหอบกันบ้าง
ห้องพักส่วนปราสาท 3 ชั้นนี้ต้องบอกได้เลยว่าไม่น้อยหน้า Pool villa แน่นอน มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน สิ่งที่ทีมข่าวประทับใจก็คงเป็นห้องน้ำ ที่แบ่งโซนเปียก โซนแห้งชัดเจน แถมยังมีพื้นที่โล่งตรงกลางไว้ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างกว้างขวางสุดๆ
Infinite Forest เขาวงกตสู่ห้องพักสุดพิเศษ
ไฮไลท์เด็ดของโรงแรม เขาว่าที่นี่ไม่ใช่แค่โรงแรมแต่เป็นอาณาจักรเขาวงกต ฟังตอนแรกก็แอบตกใจว่าเราจะหลงทางกันไหม เพราะการเดินทางไปหา The Secret Room ต้องผจญภัยกันสักหน่อย
เขาวงกตที่ว่านี้เป็นเส้นทางที่ซ่อนห้องพักแบบ Pool Villa มีทั้งหมด 10 หลัง โดยเขาวงกตนั้นจะมีกำแพงต้นไม้ แถมยังพลางสายตาด้วยกระจกเงาที่ทำให้ที่นี่ดูแปลกตา และแตกต่างจากที่เราเคยเห็นกัน สร้างความลึกลับว่าเราจะเดินไปทางไหนดี แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง เพราะด้านข้างจะมีป้ายบอกทางช่วยให้ท่านไปยังที่พักได้แน่นอน
ใครที่กังวลว่าการเดินทางในโรงแรมนี้จะซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า ทีมข่าวของเราลองสำรวจดูแล้ว พบว่าจะมีแค่ทางเข้าห้องพัก Pool Villa เท่านั้นที่จะเป็นเขาวงกตพลางตา แต่บริเวณล็อบบี้ ห้องอาหาร และสระว่ายน้ำส่วนกลาง ยังคงมองเห็นได้ง่าย และเป็นเส้นทางตามปกติ
ความพิเศษของห้องพัก Pool Villa จำนวน 10 หลัง ก็แน่นอนว่า ในห้องพักจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว เหมาะสำหรับครอบครัวพาเด็กๆ ไปเล่นน้ำ หรือคู่รักที่จะไปสวีทกัน บรรยากาศภายในห้องพักดูกว้างขวาง หรูหรา ด้วยโทนสีขาวดูสะอาดตา มีโซฟาสำหรับนั่งเล่นดูทีวี แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ห้องน้ำถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งโซนเปียก โซนแห้ง แถมยังมีอ่างไว้ให้นอนแช่น้ำผ่อนคลายกันได้อีกด้วย
เปิดประตูข้างเตียงออกไปจะเป็นสระว่ายน้ำ ความลึกระดับเอว มีเก้าอี้นั่งริมสระ ทั้งสะดวก สะอาด แถมยังสงบอีกด้วย ผนังที่กั้นพื้นที่ของ Villa แต่ละหลังนอกจากจะเป็นกำแพงสูงพอสมควรแล้ว ยังมีกำแพงต้นไม้ปกคลุมอีกชั้น ปลอดภัยหายห่วง ให้ความเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่มิดชิดแบบสุดๆ
คาว-หวาน-ไทย-เทศ เมนูเด็ดชวนให้ลอง
โบราณกล่าวว่าบ้านที่ดีให้ดูที่ครัว ทีมข่าวของเราก็เลยพุ่งตัวไปที่ Labaris Restaurant ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง นับได้ว่าเป็นห้องอาหารที่เรียบหรูด้วยเพดานสูง ผนังด้านข้างเป็นเรือนกระจกที่โปร่งตา ทำให้สามารถรับชมบรรยากาศด้านนอกได้อย่างเต็มที่ เมนูอาหารที่จัดมาให้ทีมข่าวได้ลองนั้น มีทั้งอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น เมนูซิกเนเจอร์อย่าง แกงรันจวนรสชาติจัดจ้าน กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์จัดเข้มเต็มขั้น หรือเนื้อปูหลนกับผักสดก็รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ สักจานสองจานกำลังดี
ไฮไลท์ของอาหารที่นี่ต้องยอมรับว่าหน้าตาค่อนข้างดี ด้วยการจัดจานที่ดูโดดเด่น ใครเห็นก็ต้องอยากยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้อวดเพื่อนๆ แต่ฟังก์ชั่นบนจานอย่างพวกถ้วยน้ำจิ้มทรงสูงอาจจะทำให้ตักไม่ถนัดมือไปเสียหน่อย แต่เรื่องรสชาติความอร่อยก็ไม่น้อยหน้าความสวยงาม อิ่มเอมกับอาคารคาวแล้วตบท้ายด้วยขนมหรือผลไม้ก็มีให้เลือกอีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม ฮันนี่โทสต์ แพนเค้ก หรือผลไม้ตามฤดูกาล
ส่วนมื้อคำนั้น Labaris Restaurant จัดอาหารอิตาเลียนมาให้ได้ลิ้มลอง ทั้งพิซซ่า สเต็กเนื้อลิบอายนุ่มลิ้น นอกจากนี้ จุดเด่นของ Labaris Restaurant ก็ต้องยกให้คอนโซลกลาง ที่เนรมิตรบาร์เครื่องดื่มอันหลากหลาย ตั้งแต่น้ำผลไม้ ไวน์ เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์อีกหลายเมนู ทีมข่าวได้ลองชิมค็อกเทลสูตรเด็ด ตัวซิกเนเจอร์ของที่นี่ เป็นน้ำสตรอว์เบอร์รี่ผสมกากเพชรวิบวับขับกับแสงไฟดูน่าตื่นตาตื่นใจ แถมยังขึ้นกล้องมากๆ ส่วนรสชาติก็ถูกปาก หวานซ่าส์กำลังดี แต่ก็ระวังดีกรีความร้อนแรงที่อาจจะทำให้หน้าคุณแดงไม่รู้ตัว
หลังจากอิ่มอร่อยกันพอตัวแล้ว ทีมข่าวได้ออกมาเดินเล่นพื้นที่ด้านหลังสุด ติดกับ Labaris Restaurant ซึ่งเป็นสวนอันงดงามกับสระว่ายน้ำที่ออกแบบคดเคี้ยวราวกับแม่น้ำของจริง พร้อมด้วยเครื่องเล่นมากมายเอาใจคุณหนูๆ ลองเดินข้ามสะพานสระว่ายน้ำไปเราจะได้พบกับป่าและลำธารธรรมชาติที่เรียกว่า “Endless River” น่าเสียดายที่ทีมข่าวเดินทางไปช่วงฤดูร้อน น้ำในลำธารจึงแห้งไปสักหน่อย แต่หากเป็นช่วงฤดูฝนหรือต้นหนาว บรรยากาศที่นี่น่าจะชุ่มฉ่ำกำลังดี
การมาเยือนอาณาจักรแห่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ จากการออกแบบพื้นที่ห้องพักต่างๆ ที่เป็นส่วนตัว มีสถาปัตยกรรมเอกลักษณ์ที่น่าประทับใจ แถมยังใส่สตอรี่เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเยี่ยมชม สมกับความงามตามแบบฉบับเทพนิยาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องราวทั้งหมด ณ Hotel Labaris Khao Yai
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
