พิเรนทร์ชวนอ้วก! วัยรุ่นแห่กินขี้ควาย ขี้วัว ขี้ไก่ อวดอัปโลกโซเชียลฯ หวังแลกยอดไลค์ ยอดแชร์ โชว์สาว ก่อเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเพราะอยากเป็นไอดอลบ้าง สังคมตั้งคำถาม ทำไมกล้าทำขนาดนี้ ใครด่าทอก็ไม่แคร์ หมอชี้กินขี้อันตราย ศูนย์รวมเชื้อโรค อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดเสียชีวิต จิตแพทย์ชี้ไม่ใช่อาการทางจิต แค่อยากเป็นที่ยอมรับในโลกออนไลน์ แนะวัยรุ่นหาพื้นที่ปล่อยของ ปลดปล่อยพฤติกรรมทางลบ!
กระหายยอดไลก์! กินขี้โชว์โซเชียลฯ
พฤติกรรมสุดแหวะนี้เปิดเผยโดย เพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า บรรยายถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นสมัยนี้ที่เป็นเอามากเพื่อการได้มาของการเป็นที่ยอมรับของโลกโซเชียลฯ ด้วยการ “กินมูลสัตว์” ไม่ว่าจะเป็นขี้ควาย หรือขี้ไก่ นอกจากนี้ ยังกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบส่งต่อกันเพราะรู้สึกว่าคนกินอุจจาระได้เท่ากับ “เจ๋ง” ยิ่งอ่านคอมเมนต์ยิ้งอึ้ง! เพราะมีวัยรุ่นมากมายสนับสนุนว่าเป็นการกระทำที่เด็ดมาก จนรีบแอดเฟรนด์!
“บรรลัยแล้วครับมันมีจริงๆด้วยพวกทำอะไรห่ามๆ แลกยอดวิวยอดไลค์ ล่าสุดวัยรุ่นกินขี้โชว์ครับ ตอนแรกกินขี้ควายแล้วมีคนไปคอมเมนต์และแชร์เยอะมาก คงรู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง เป็นที่สนใจ
มาวันนี้ครับ กินขี้ไก่โชว์ครับไปไล่อ่านคอมเมนต์ยิ่งปวดหัว กลายเป็นไอดอลของสาวๆวัยรุ่นซะด้วย “รับแอดหน่อยนะที่รัก บลาๆ”
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญนะน้อง เพราะในขี้นี่คือศูนย์รวมเชื้อโรคเลยนะ เช่น เเบคทีเรีย โปรโตซัว และพยาธินานาชนิด ล่าสุด เหมือนมีคนไปคอมเมนต์ว่า กล้ากินขี้ตัวเองมั้ย แน่นอนว่าเด็กคนนี้ตอบว่า “กล้าดิ”!”
สังคมตั้งคำถามพฤติกรรมสุดห่ามชวนแหวะของวัยรุ่นเหล่านี้ ว่าทำไมถึงกล้าทำได้ทุกอย่างกับแค่การเรียกยอดไลค์ไม่แคร์ใครจะติเตียนขอให้มียอดไลก์ก็พอ!
“ทำแบบนี้ได้เงินหรือเปล่าก็ไม่ แถมพฤติกรรมบางอย่างก็เกินจะพรรณนา แค่อยากให้มียอดคนดู คนติดตามเยอะ ๆ แค่นั้น ซึ่งคนที่เขามาตามดูตามฟอลโลว์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาชื่นชอบในพฤติกรรมที่เราทำ บางทีที่เขาตามฟอลฯ ตามดูเพราะคิดในใจว่าทำพฤติกรรมแบบนี้ไปได้อย่างไร อะไรดลใจให้ทำแบบนั้น”
“ต้องการให้เป็นที่สนใจ ต้องการได้รับความสนใจ จึงหาอะไรทำเพื่อให้ใครมาสนใจและให้ตัวเองรู้สึกเจ๋งว่ะ “
“เพื่อยอดไลค์ ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ เด็กสมัยนี้แยกไม่ออกว่า คนติดตามเพราะชื่นชม หรือคนติดตามเพื่อด่าทอ ขอให้มียอดไลก์ยอดวิว”
เช่นเดียวกับ นพ.วิทวัส ศิริประชัย อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลเกาะลันตา เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ก็ออกมาย้ำเตือนถึงอันตรายของอุจจาระ ชี้พฤติกรรมดังกล่าวในการอัดคลิปกินอุจจาระเรียกยอดไลก์นั้น พบว่ามีคนนำคลิปไปแชร์ว่า 2 หมื่นครั้งแล้ว
หนำซ้ำยังเริ่มมีเด็กมีพฤติกรรมเลียนแบบเพราะเห็นว่าทำแล้วได้รับความสนใจ แม้จะมีคนเข้าไปเตือนก็ไม่ยอมฟัง ยันทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร
นพ.วิทวัส วอนผู้ปกครองสอดส่องดูแลบุตรหลานเพราะในอุจจาระมีเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ ปรสิตมากมาย ชี้อาการขั้นเบา ก็จะเกิดการท้องเสียรุนแรง หากอาการหนักก็อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมสุดแปลกและอันตรายของวัยรุ่นไทยทำให้หวนคิดถึงกรณีหนุ่มจีนคนหนึ่งที่มีพฤติกรรม "กินแปลก" คล้ายกัน คือการไลฟ์สดดื่มน้ำหลากหลายชนิดในปริมาณมากๆ เช่น น้ำมันพืช เหล้า เบียร์ และน้ำอื่นๆ เพียงแต่การกินแปลกเรียกยอดไลค์ ยอดฟอลโลว์ของหนุ่มจีนรายนี้ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต เพราะเขาดื่มจนหมดขวดโดยไม่พักแม้แต่วันเดียว
เขาได้ถ่ายทอดสดตัวเองผ่านโลกออนไลน์เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน เพื่อหวังให้คนดูติดตาม กดไลค์ กดแชร์ โดยเขาจะมีรายได้วันละประมาณ 500 หยวน (ราว 2,320 บาท) จากบรรดาแฟนๆ ที่มาชมวิดีโอของเขาบนแอปพลิแคชันที่ชื่อ ‘เหลียวเหลียว’
“ในคลิปหนึ่ง เขาบอกคนดูว่าเขาไม่ไหวแล้ว ตัวเขาชักกระตุก แต่คนดูก็ยังขอให้เขาทำต่อ” เพื่อนของเขาเปิดเผยหลังจากเสียชีวิตไม่นาน
ไม่ใช่อาการทางจิต แค่ค้นหาตัวเอง
“การทำพฤติกรรมแปลกๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ก็เป็นลักษณะอย่างหนึ่งในการค้นหาตัวเองของวัยรุ่น โดยหลักแล้วไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติอะไร เป็นการค้นหาตัวตนของตัวเขาเองว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร ที่คนอื่นจะสามารถยอมรับได้”
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ จิตแพทย์หัวหน้าที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของวัยรุ่นเหล่านี้ให้ทีมข่าว MGR Live ได้เข้าใจถึงวิธีคิดของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ยันไม่ใช่อาการทางจิต แต่เป็นพฤติกรรมแสวงหาตัวตน และการยอมรับ
“ถ้าสังคมเรามีพื้นที่ให้เด็กค้นหาตัวตนในทางบวกได้ง่าย ปัญหาของการที่จะมาแสดงออกในทางลบที่เราเห็นบ่อยๆ คือ 1.ก้าวร้าวรุนแรง การตีกัน 2.การแสดงออกทางด้านอบายมุข กินเหล้า เล่นการพนัน ใช้ยาเสพติด 3.การแสดงออกโดยพฤติกรรมแปลกๆ เพื่อให้ความแปลกของพฤติกรรมเป็นสิ่งที่คนยอมรับ 4.การติดเกม พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการแสดงออกทางด้านลบที่เป็นการสะท้อนว่า บ้านเรามีพื้นที่ให้วัยรุ่นได้แสดงออกได้น้อย
ถ้าพูดถึงในแง่ของสุขภาพจิตแล้ว เราไม่ควรจะไปพูดถึงพฤติกรรมแบบนี้มากนัก ควรจะหันกลับมาทบทวนบริบทของบ้านเรามากกว่า ว่าเราเองหรือเปล่าที่ทำให้วัยรุ่นเขาไม่สามารถแสดงออกทางอื่นได้มาก จนทำให้แสดงออกทางลบมากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมเหล่านี้คงไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ยังมีการแสดงออกพฤติกรรมแปลกๆได้อีกมาก
ดังนั้นการที่มาถกเถียงกันในโลกโซเชียลฯ ว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็จะทำให้เรารู้แค่ว่า มันมีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าจะดีกว่านั้น เราถามตัวเราเอง หรือช่วยกันขบคิดว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น และจะทำอย่างไรไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น “
นพ.ยงยุทธ ย้ำปัญหาพฤติกรรมแปลกๆ เป็นเรื่องธรรมชาติของวัยรุ่นที่จะแสวงหาตัวตนและการยอมรับ ถ้าอยากให้ปัญหาเหล่านี้ลด ก็ต้องพยายามส่งเสริมให้มีพื้นที่ให้เด็กวัยรุ่นได้ “ปล่อยของ” แสดงตัวตน และแสดงการยอมรับทางบวกได้มากกว่านี้
“ยกตัวอย่างง่ายๆ โรงเรียนมีกิจกรรม ควรมีชมรมที่หลากหลายให้เด็กๆสามารถแสดงตัวตน หรือปล่อยของ และนอกโรงเรียน ก็ควรมีพื้นที่สาธารณะนอกโรงเรียนที่จะทำให้เด็กๆสามารถไปปล่อยของทางบวกทั้งหลายได้ เช่น การแสดงความสามารถ แสดงทักษะพิเศษต่างๆจะเห็นได้ว่าบ้านเรายังมีพื้นที่ลักษณะนี้น้อย
ฉะนั้นทั้งในโรงเรียน และนอกโรงเรียน ถ้าเราจะแก้ปัญหานี้ที่แท้จริงที่ต้นเหตุ เราคงต้องยอมรับว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับ ค้นหาว่าตัวเองเป็นอะไรที่ภาคภูมิใจและคนอื่นยอมรับได้ ถ้าเราไม่สามารถให้ธรรมชาติของเขาแสดงออกในทางบวกได้เขาก็อาจจะแสดงออกไปเป็นทางลบได้
พ่อแม่ ผู้ปกครอง โรงเรียน ชุมชน ท้องถิ่น ควรจะเข้าใจและส่งเสริม ให้เด็กมีพื้นที่สาธารณะในการแสดงออกทางบวกเพิ่มมากขึ้น ถ้าเรามีแนวคิดแบบนี้ที่จะเปิดกว้าง ยอมรับวัยรุ่นให้แสดงออกทางบวกได้ ปัญหาของเด็กวัยรุ่นก็จะน้อยลง การไปถกเถียงว่าพฤติกรรมแบบนี้ ถูก หรือไม่ถูก ผิดปกติ หรือไม่ผิดปกติ หมอว่าไม่เพียงพอหรอก เราต้องไปไกลกว่านั้น
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นมักจะชอบทำอะไรแผลงๆบ้าง แต่ส่วนใหญ่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เราจะมีวุฒิภาวะมากขึ้น พฤติกรรมลักษณะแบบนี้ก็จะหายไป แต่บางคนก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้เหมือนกัน กลายเป็นคนติดเกม ติดการพนัน
ถ้าเป็นคนชอบทำอะไรแผลงๆ อาจจะพิการ เสียชีวิต เจ็บป่วย มีผลเสียตามมา ซึ่งบางทีไม่ได้เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วผ่านไป แต่บางทีผลที่เกิดขึ้นเกิดผลระยะยาวได้ เช่น เจ็บป่วยรุนแรง ทำให้เสียโอกาสการเรียน หรือไม่สามารถใช้ชีวิตปกติไปช่วงหนึ่งได้”
โดยทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **