xs
xsm
sm
md
lg

ยังเสี่ยง!! “ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ” เพาะเชื้อ-เพิ่มโรค-แลกราคาถูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เหยื่อ จุกอก-มีเสมหะ-หายใจไม่ออก!! ผลจาก “ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ” ทางกรมอนามัยเร่งกวาดล้าง ตู้เถื่อน-ไร้คุณภาพ-ไร้เจ้าของ คอนเฟิร์มคุณภาพน้ำดีขึ้น แต่สังคมกลับตั้งคำถามว่า เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยเกินครึ่งมาได้นิดเดียว แบบนี้จะวางใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย-ไม่เสี่ยงโรคจริง

ดีขึ้นเกินครึ่ง นี่หรือคำยืนยัน “น้ำมีคุณภาพ”
สติกเกอร์รับรองว่าตู้น้ำผ่านมาตรฐาน
คำว่า “ประหยัดเงิน” อย่านำมาใช้กับร่างกาย ภัยเงียบแห่งชาติ! “ตู้น้ำหยอดเหรียญ” อาชญากรร้ายคุกคามร่างกายอย่างไม่รู้ตัว ต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะกวาดขันตู้น้ำเถื่อนสักเท่าไร แต่ก็ไม่เคยหมดไป

“เราซัดน้ำไปครึ่งขวด สักพักเริ่มมีอาการจุกอก หายใจไม่ออกและเริ่มมีเสมหะ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ป่วย จู่ๆ ก็มีเสมหะติดในคอ”

นี่คืออาการของเหยื่อโชคร้ายที่ดื่มน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญ ซึ่งเจ้าตัวได้แฉ! ความสกปรกตู้กดน้ำ ไว้ในกระทู้พันทิป เมื่อต้นปี 61 มีชื่อกระทู้ว่า “เตือนภัย ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ!!!” จากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าตัวต้องเลิกกินน้ำตู้กดไปโดยปริยาย
กระทู้พันทิป “เตือนภัย ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ!!!”
“เราพักอยู่หอพัก ใน กทม. แถวๆรามคำแหง โดยชั้น 1 จะมีตู้กดน้ำและตู้ซักผ้า เนื่องจากเราอยากประหยัดเงิน เลยกดน้ำในตู้หยอดเหรียญใต้หอเอา ตกขวดละ 1 บาท ถ้ากด 10 ขวด ก็แค่ 10 บาท ถูกมากค่ะ

เราก็กดกินอยู่เรื่อย คือปกติเราเป็นคนกินน้ำเยอะมาก วันนึงประมาณ 2 ขวด (ขวดละ 1.5ลิตร) ไม่ก็ 3 ขวด เราก็ไปกดน้ำมากินปกติ แต่ครั้งนี้มันไม่ปกตินะสิ เพราะน้ำมันเริ่มเหม็นๆ ทั้งๆ ที่น้ำก็ใส่สะอาด แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็ดื่มไป อยู่ดีๆ รู้สึกหายใจไม่ออก

หลังจากนั้น เราก็เริ่มคิดแล้วว่า มันเกิดจากอะไร? แต่ในระหว่างที่คิด ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินไปดูขวดน้ำที่เพิ่งกินไป แล้วก็เจอคลาบสีขาวขุ่น เล็กๆ นับไม่ถ้วน ลอยเต็มอยู่ในน้ำ มันเหมือนน้ำผสมนมบูดเลย พอเห็นแบบนั้นก็รู้เลยว่า
สาเหตุที่เราหายใจไม่ออกเป็นเพราะอะไร!! อยากฝากเตือนทุกๆ คน ที่ชอบความประหยัด ของบางอย่างประหยัดก็จริง แต่สิ่งที่เราประหยัด ถ้ามันไม่มีคุณภาพ มันอาจจะฆ่าเราได้ มันไม่คุ้มเลยที่จะประหยัดเงินหนึ่งบาท แล้วต้องใช้เงินทั้งหมดในการรักษาตัวเองที่โรงพยาบาล”

แต่ล่าสุดทาง พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กลับออกมาเผยข้อมูลคุณภาพน้ำของตู้กดน้ำไว้ว่า คุณภาพน้ำดีขึ้นแล้ว พร้อมทั้งฝากมายังกลุ่มผู้บริโภคว่า หากพบตู้น้ำชำรุด หรือเจ้าของตู้ให้บริการอย่างผิดกฎหมาย สามารถแจ้งราชการในท้องถิ่นได้ทันที

“จากการเก็บตัวอย่างน้ำจาก ตู้กดน้ำ หยอดเหรียญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เทศบาลนคร และเทศบาลเมือง พบว่าคุณภาพน้ำมีแนวโน้มดีขึ้น โดยปี 2561 มีผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ร้อยละ 68.59 สูงขึ้นจากปี 2557 ที่มีเพียงร้อยละ 40.9

ปัญหาหลักที่ทำให้คุณภาพน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญไม่ผ่านเกณฑ์ คือปนเปื้อนแบคทีเรีย เนื่องจากไม่มีการดูแลรักษาความสะอาด และขาดการบำรุงรักษาคุณภาพน้ำภายในตู้ เช่น ไม่ล้างไส้กรอง ไม่เปลี่ยนไส้กรอง เป็นต้น

หากพบตู้น้ำหยอดเหรียญที่ไม่มีคุณภาพ หรือน้ำไม่สะอาด สามารถแจ้งไปยังราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ให้เข้ามาตรวจสอบได้ และผู้ประกอบการท่านใดไม่ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการ มีความผิดฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท”

ที่น่าสนใจคือ ทางกรมอนามัยยืนยันด้วยตัวเองว่า สถิติคุณภาพน้ำของปี 61 ดีขึ้นแล้ว แต่สังคมกลับตั้งคำถามถึงเปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยว่า ผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้อยเกินไปหรือเปล่า เพราะจากข้อมูลบ่งบอกชัดเจนว่า คุณภาพน้ำจากตู้กดน้ำที่ได้มาตรฐานนั้น มี 68.59 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 31.41 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเป็นตู้น้ำหยอดเหรียญที่ไร้มาตรฐานเหมือนเดิม

แล้วอย่างนี้ผู้บริโภคยังจะไว้วางใจได้อยู่ไหม ว่าตัวเองจะไม่ใช่คนใน 31.41 เปอร์เซ็นต์นั้น ที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับโรคต่างๆ แถมชาวโซเชียลฯ ยังร้องขอความยุติธรรมให้ตรวจสอบ ตามต่างจังหวัดบ้าง ไม่ใช่ตรวจแค่ในกรุงเทพฯ
คอมเมนต์จากชาวเน็ต

“น่าจะไปตรวจสอบเครื่องกรองทำน้ำดื่มหมู่บ้าน และตู้หยอดเหรียญทำน้ำดื่มประชารัฐในชุมชนกันบ้างมีทั้งฝุ่นละอองเต็มไปหมดที่รั่วก็มี ไม่มีคนดูแล จะใช้ดื่มกินกันอย่างไร ผิดหลักสุขอนามัย ไปเจอตอนไปเป็นกรรมการเลือกตั้ง”

“อย่าเสี่ยงเลยครับกับน้ำตู้กด ลิตรละ 1 บาท ถ้าเกิดเจ้าของตู้ไม่ดูแล เป็นอะไรขึ้นมารักษาราคาไม่ใช่ 1 บาทนะครับ”

“จริงๆ ควรออกตรวจเป็นประจำ เพื่อให้ผู้ให้บริการตู้กดน้ำเปลี่ยนกรอง และบำรุงรักษาเครื่องไม่ใช่นั่งเอ๋อแดกอยู่สำนักงาน”


“แต่ผมว่าการที่เอาสถิติปี 2557 กับปี 2561 มาเทียบกันเป็นการเอาใจนายกฯ ประยุทธ์มากกว่า เห็นผลกระทบกลับประชาชน (ที่หน้าเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้คือ ข้าราชการที่ไม่ใส่ใจงาน แต่หันไปเอาใจนายมากกว่างาน) อย่างเช่นเรื่องนี้”

เลือกให้เป็น ตู้ไหนปลอดภัย-ได้มาตรฐาน

น้ำหยอดเหรียญมีทั้งได้คุณภาพ และไร้คุณภาพ ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะห่วงใยร่างกายตัวเอง เลือกดื่มตู้ไหน หากเห็นแก่ความประหยัดก็จะได้ของแถมกลับมาคือ สารปนเปื้อนแสนจะมากมาย ที่ทำให้ร่างกายเจ็บปวด

ทางทีมข่าว MGR Live ได้ต่อสายตรงหา นพ.วงศ์วัฒน์ ลิ่วลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ให้ช่วยวิเคราะห์ถึงอาการที่ตามมาหลังจากดื่มน้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ได้ยืนยันว่า จะมีอาการท้องร่วงแน่นอน
นพ.วงศ์วัฒน์ ลิ่วลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
“เจ้าของตู้น้ำกดต้องไปจดทะเบียนกับสำนักงานเขต ทางหน่วยงานจะได้เอาน้ำไปตรวจเป็นระยะๆ เพื่อตรวจเบื้องต้นว่ามีการปนเปื้อนหรือไม่ ส่วนตู้ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนก็กำลังหาเจ้าของ ถ้าหาเจ้าของไม่ได้ก็ต้องยกออก

อีกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่า น้ำจากไหนก็ตามที่มีการปนเปื้อน ซึ่งผมก็ไม่สามารถวิเคราะห์อย่างละเอียดได้ แต่มีการปนเปื้อนอยู่ 2 อย่างคือ ปนเปื้อนเชื้อโรคกับสารเคมี ถ้าปนเปื้อนเชื้อโรค จะทำให้คนทานเข้าไปท้องเสีย ท้องร่วง และหากปนเปื้อนสารเคมีมันก็ไม่ควรจะมีในน้ำ เพราะน้ำส่วนใหญ่ผ่านการกรองของตู้อยู่

โดยปกติไส้กรองจะมีอายุการใช้งาน หากต้องการดูว่าตู้ไหนผ่านเกณฑ์มาตรฐานของหน่วยงานแล้ว สังเกตดูที่ตู้จะสติกเกอร์ติดอยู่ และดูว่าตู้นี้เปลี่ยนไส้กรองไปเมื่อไหร่ เราควรเปลี่ยนไส้กรองตามเวลานะครับ นี่คือสิ่งที่หน่วยงานอยากให้คนที่เป็นเจ้าของตู้ ต้องทำตรงนี้ให้ได้ตามมาตรฐาน

ผมยังยืนยันว่า แหล่งน้ำส่วนใหญ่ของ กทม. ดื่มได้ เพราะเห็นว่าตู้กดน้ำส่วนใหญ่ก็ต่อตรงกับท่อน้ำประปา บางทีน้ำอาจจะมาดีๆ แต่มาเจอกับตู้ที่ไม่ดูแลเรื่องความสะอาด โดนแดด โดนฝน มันก็มีขี้ตะไคร่ อะไรมันก็สกปรกไปหมด และมันก็ลงขวดน้ำดื่มไป

การที่เอาน้ำในตู้มาต้มบริโภค มันก็ฆ่าเชื้อโรคได้อย่างเดียว แต่ฆ่าสารเคมีบางอย่าง หรือสารปนเปื้อนบางตัวก็กำจัดด้วยความร้อนแค่นี้ไม่ได้ ยังไงมันก็ยังคงปนเปื้อนอยู่ในน้ำเหมือนเดิม”

ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ออกมาแนะนำถึง “การสังเกตเลือกใช้ตู้น้ำที่ปลอดภัยต่อตัวเอง” โดยต้องเป็นไปตาม 4 ดังต่อไปนี้ ถ้าไม่อยากเลือกผิด จนตกเป็นเหยื่อความสกปรกที่แฝงอยู่ในตู้น้ำหยอดเหรียญทั่วประเทศ

1.สภาพภายนอกของตู้ต้องสะอาด มีการทำความสะอาดเป็นประจำ ทั้งตัวตู้และบริเวณรอบๆ รวมทั้งจุดวางภาชนะ หัวบรรจุ หัวจ่ายน้ำห้ามมีสนิมหรือตะไคร่น้ำเด็ดขาด

2.ควบคุมคุณภาพน้ำ เลือกตู้ที่มีสติกเกอร์ แจ้งวัน เวลาการตรวจคุณภาพเครื่อง และไส้กรองเท่านั้นถึงจะปลอดภัย

3.สังเกตสี กลิ่น และรสชาติของน้ำ ว่ามีความผิดปกติไปหรือไม่ หากเจอน้ำที่มีกลิ่นหรือรสชาติของน้ำเปลี่ยนไปจากเดิม ให้เปลี่ยนไปใช้ตู้ใหม่ทันที หรือรอจนกว่าจะมีการทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองเสียก่อน

4.ภาชนะที่นำไปบรรจุน้ำดื่มจากตู้ ควรเป็นภาชนะที่สะอาดและขนาดพอดีกับปริมาณน้ำที่ซื้อ และวางไม่ให้สัมผัสกับหัวจ่ายน้ำ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคในน้ำดื่ม

ข่าวโดย MGR Live


 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **

กำลังโหลดความคิดเห็น