xs
xsm
sm
md
lg

เลิกเหอะ!! ค่านิยมเสี่ยงๆ "ผ่าคลอดตามฤกษ์" แพทย์คอนเฟิร์ม "คลอดเอง" ดีที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ค่านิยมผิดๆ ระวังอันตรายถึงชีวิต!! หลังจากได้รับการเปิดเผยว่า อัตราผ่าคลอดแม่ยุคใหม่เพิ่มสูงขึ้นจนน่าวิตก แพทย์สับเละ! ตรรกะฤกษ์งามแล้วยามจะดีไม่มีอยู่จริง ชี้สนับสนุนให้คลอดลูกเองตามธรรมชาติ เพราะดีกับชีวิตลูก!!




สูงเกินมาตรฐานโลก “ผ่าคลอดโดยไม่จำเป็น”

 

‘ผ่าคลอดโดยไม่จำเป็น’ เรื่องใหญ่ใต้คมมีดหมอ ถูกยกมาเป็นประเด็นที่ควรระวังสำหรับบรรดาแม่ๆโดยทันที เมื่อไทยมีอัตราการผ่าท้องคลอดสูงมากประมาณร้อยละ 35-40 หรือ 1 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด และสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจากประเทศจีน

ขณะที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดว่า การผ่าท้องคลอดที่มีความจำเป็นตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่ควรเกินร้อยละ 15 นำมาซึ่งการตั้งข้อสงสัยของสังคมเอาไว้ว่า การผ่าคลอด ไม่ควรเกิดขึ้นถ้าไม่จำเป็นใช่ไหม

อย่างไรก็ดีทางด้าน รศ.นพ.เอกชัย โควาวิสารัช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน สูตินรีเวชกรรม กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี และประธานอนุกรรมการกิจการพิเศษ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เคยได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ว่า คนไทยฮิตผ่าคลอดโดยไม่จำเป็น ซึ่งพบแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยันคลอดธรรมชาติปลอดภัยกว่า ราคาถูกกว่า พร้อมย้ำเป็นวิธีคลอดลำดับแรกเสมอ แต่หากมีข้อบ่งชี้ มีความจำเป็นจึงเลือกการผ่าท้องทำคลอด มิใช่ว่าจะเลือกคลอดโดยวิธีไหนก็ได้ตามที่แม่หรือครอบครัวต้องการ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ปัจจุบันหญิงตั้งครรภ์นิยมผ่าท้องทำคลอด เห็นได้จากอัตราการผ่าท้องทำคลอดในโรงพยาบาลรัฐที่พุ่งสูงขึ้น โดยอยู่ร้อยละ 35-40 ของการคลอดทั้งหมด ส่วนโรงพยาบาลเอกชนร้อยละ 70-80 ของการคลอดทั้งหมด ซึ่งองค์กรอนามัยโลกได้กำหนดอัตราผ่าท้องทำคลอดที่เหมาะสมไว้ที่ร้อยละ 15 ของการคลอดทั้งหมด

 

ดังนั้น หากอัตราผ่าท้องทำคลอดมากกว่าองค์การอนามัยโลกกำหนดย่อมไม่ได้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น ทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงมีการดำเนินการเพื่อที่จะลดอัตราผ่าท้องทำคลอดที่พุ่งสูง ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องมีอัตราสูงขนาดนี้

ทว่าด้านโซเชียลฯ ต่างออกมาถกเถียง รวมทั้งเล่าประสบการณ์ปัญหาการผ่าคลอด และคลอดธรรมชาติ ว่าควรมีมาตรการที่ชัดเจนต่อคนที่คลอดกว่านี้ รวมทั้งมองว่าเพราะแพทย์ขาดทักษะ จึงหันมาหนุนผ่าคลอดเพิ่มขึ้น

“ความคิด...คลอดตามฤกษ์ ....กลัวเจ็บของบรรดาแม่ๆและญาติ นี่แหละเหตุผลหลักประเทศนี้ตามใจคนไข้มากกว่าความถูกต้องตามหลักการแพทย์อีก”

“ส่วนใหญ่ที่เห็นคือ ถ้าคนไข้ต้องการผ่า หมอก็ผ่าให้เลย ตามความต้องการของคนไข้ อาจจะด้วยกลัวเจ็บ ต้องการฤกษ์ดี หรือหาฤกษ์สะดวกก็ตาม"

“ถ้าคนไข้ต้องการผ่าแล้วหมอไม่ผ่าให้ แล้วเกิดมีปัญหาตอนคลอดขึ้นมา หมอนั่นแหละจะโดนฟ้องหมดตัว ทางที่ดีก็ทำตามความต้องการของคนไข้ไปเถอะ คนไข้ก็ชอบ หมอก็สะดวก เพราะนัดผ่าตอนกลางวัน ไม่ต้องรอรับคลอดดึกๆ”




แพทย์ชี้ผ่าด้วยฤกษ์ อันตรายถึงชีวิต!!

 

“ถ้าเทียบการที่หมอช่วยคลอดทางช่องคลอด กับการผ่า ผ่าคลอดยากกว่าสำหรับหมอนะครับ หมอเรียนตรงๆเลย ทุกครั้งที่ช่วยคนไข้คลอดทางช่องคลอด หมอแทบจะไม่ทำอะไรเลยครับ ธรรมชาติมันคลอดอยู่แล้ว เราแค่ดูความปลอดภัย ยังไงการเบ่งก็พาลูกออกมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้รักษาอะไรเลย แต่ผ่าคลอดมันอันตรายกว่า ต้องผ่าไปตรงแนวที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปโดนเส้นเลือด ไปโดนอวัยวะสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องขาดทักษะ จึงทำให้หนุนผ่าคลอด ไม่เป็นความจริงแน่นอน”

นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช ได้ไขข้อสงสัยผ่านปลายสายให้แก่ ทีมข่าว MGR Live ว่าข้อบ่งชี้อะไรที่ทำให้คนไข้คลอดธรรมชาติ หรือเลือกผ่าคลอด และปัจจุบันที่บรรดาแม่หันมาผ่าคลอดมากกว่า เป็นเพราะแพทย์ขาดทักษะด้านการคลอดหรือเปล่า จึงทำให้แพทย์เองหันมาหนุนผ่าคลอดมากกว่า รวมทั้งฤกษ์งามยามดี ที่เป็นตัวกำหนดลูกนั้น ดีต่อแม่และเด็กจริงไหม

โดยผู้เชี่ยวชาญรายนี้ได้ให้คำตอบเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่มีการคลอดลูก ทางแพทย์จะมีการนัดประเมิoก่อนทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันนี้มันเป็นยุคที่คนมีอินเทอร์เน็ต มีการศึกษาหาความรู้เยอะ ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่ที่มี8;k,ประสงค์จะผ่าคลอด หรือว่าคลอดเอง เขามักจะปรึกษาแพทย์ก่อน แล้วดูว่ามีข้อบ่งชี้อะไร ซึ่งสำหรับแพทย์ยุคนี้ ขึ้นอยู่dy[ความสมัครใจของพ่อและแม่ แต่การเลือกคลอดนั้นต้องอยู่ในขอบเขตของแพทย์

“ปกติแล้ว ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรเราก็มักจะ แนะนำคนไข้คลอดธรรมชาติ เพราะเราเชื่อว่าการคลอดธรรมชาติให้แผลเล็กกว่า เสียเลือดน้อยกว่า ค่าใช้จ่ายก็ต่ำกว่า ฟื้นตัวก็เร็วกว่า อาการเจ็บแผลหลังจากคลอด ก็เจ็บน้อยกว่า โดยทั่วไปการคลอดธรรมชาติ เรียกว่าแทบจะดีต่อคุณแม่ในทุกๆ กรณี

แต่มันจะมีกรณีที่เรายกเว้น คือควรจะผ่าคลอด กรณีที่ 1 คือ ถ้าส่วนนำของทารก ปกติในการคลอด ส่วนหัวจะนำมาก่อน แต่ถ้าทารกลงมาท่าขวาง หรือในท่าก้น การคลอดทางช่องคลอดมันจะเสี่ยง เพราะฉะนั้นจึงสมควรที่จะผ่าคลอด ยิ่งเป็นการคลอดที่ไม่ใช่ท่าหัวและเป็นการคลอดครั้งแรก เพราะเราเชื่อว่าการคลอดครั้งแรก ตัวช่องคลอด ตัวกล้ามเนื้อเชิงกรานอะไรต่างๆมันยังตึงมาก มันยังแน่นมาก เพราะฉะนั้นการคลอดไม่ได้ออกมาง่ายๆ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ท่าหัว เราพยายามคลอดเอง มันจะเสี่ยงต่อการคลอดที่ติดขัดสูง ทำให้เราลงเอยด้วยการต้องใช้ครีม ต้องใช้หัวดูด

2.ในภาวะเสี่ยงบางอย่างเช่น คุณแม่ที่มีอายุเกินกว่า 35 ปี เราเรียกว่าคุณแม่ที่อายุค่อนข้างเยอะ ร่างกายการเจริญพันธุ์ มันเหมือนคนเลยวัยเจริญพันธ์ุ เพราะฉะนั้นความสามารถในการออกแรงแบ่งคลอดมันจะน้อย มีโอกาสในการคลอดติดขัดสูง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นการคลอดท้องแรกแล้วอายุเยอะ บางทีก็เป็นข้อบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าให้ผ่าคลอด

3.การผ่าคลอดในกรณีที่ติดตามตัวลูก แล้วพบว่ามีความเสี่ยง เช่น ทารกที่ตัวเล็กผิดปกติมากๆ คือทารกบอบบาง ถ้าให้แบ่งคลอดมาต้องผ่านกระดูกเชิงกราน ผ่านอะไรบางๆ บางทีก็อันตรายกับลูก เพราะฉะนั้นบางทีเราอาจจะต้องผ่าคลอด

กรณีที่กลับกัน ถ้าทารกตัวใหญ่มากๆ ใหญ่กระทั้งเรามาดูแล้ว ส่วนหัวน่าจะลงมาไม่ได้ อาจจะติดกระดูกเชิงกราน เราก็ต้องเลือกผ่าคลอด

4.การผ่าคลอดในกรณีวางแผนล่วงหน้า ใช้ในกรณีที่เคยผ่านมาแล้วในท้องที่แล้ว มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่จำเป็น ที่เราเรียกว่าผ่าคลอดมันจะปลอดภัยกว่า ยกตัวอย่างเช่น มีครรภ์เป็นพิษ มีอะไรต่างๆที่ สมมุติเราปล่อยให้การคลอดมันลื่นไปช้าๆ ทันที่ที่ความดันโลหิตสูง ถ้าคุณแม่ยิ่งแบ่งมาก ยิ่งแรงดันขึ้น มันยิ่งอันตรายเส้นเลือดในสมองแตกเอาได้

5.กรณีต่อไปคือ เกี่ยวกับลูก บางทีติดตามความเจริญพันธ์ุของลูกไปแล้ว พบมีปัญหามีหัวใจดรอบลง มีความเสี่ยงถ้าทิ้งอยู่ในนั้นนานๆ รอเด็กคลอดบางทีก็อันตราย เราก็เลือกผ่าคลอด

6.การตั้งครรภ์ที่มากกว่า 1 คน จนถึงแฝด 2 คนขึ้นไป มันดูอันตรายเกินไป ปัจจุบันเราก็เลือกที่จะผ่าหมด หรือบางกรณี ถึงจะมารอคลอดแล้วก็ตาม แต่การดำเนินไปมันช้า เช่นเวลานอนรอคลอด แพทย์จะติดตามดูว่า ปากมดลูกเปิดไปเรื่อยๆ ลูกลงมาเรื่อยๆหรือเปล่า ปรากฏว่าปากมดลูกมันไม่เปิดเลย เปิดช้ามาก หรือทำไมลูกไม่เคลื่อนลงมาเลย ก็แสดงว่าการคลอดนั้นมันติดขัด เราอาจจะย้ายไปผ่าคลอด”

อย่างไรก็ตาม การที่ทางแพทย์ต้องผ่าคลอดนั้น จะขึ้นอยู่กับหลายกรณี ทั้งปัญหาด้านแม่ ด้านลูก และด้านการดำเนินของการคลอดเอง ซึ่งแพทย์รายเดิมยอมรับว่า ปัจจุบันการคลอดมีอัตราลดลงเหลือแค่ 20 - 30 % ผ่า 70 % เพราะหลายๆ ครอบครัวนำเรื่องฤกษ์ดวงมากำหนดการกำเนิดลูกด้วย

“ถามว่าผ่าคลอดด้วยฤกษ์ดีต่อแม่และลูกจริงไหม ไม่จริงครับ เพราะจะคลอดแบบไหนก็เป็นทารกคนเดียวกันถูกไหม ไม่ใช่เอาเด็กก่อนกำหนดมาผ่า เพื่อจะเอาเรื่องฤกษ์แบบนี้อันตราย

แต่ถ้าหากครบกำหนดอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่เขาสบายใจ แล้วมันไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นความประสงค์ของครอบครัว เขาอยากจะผ่า ถึงเราจะพยายามอธิบายแล้วว่า คลอดเองมันดีกว่าอย่างนี้ ในที่สุดมันก็คือลูกของพ่อแม่ท่านนั้น เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ควรเสี่ยง และเราก็ไม่ควรไปคัดค้านคุณพ่อคุณแม่เขา แต่ว่าหมอควรจะให้ความรู้ก่อน”




ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น