xs
xsm
sm
md
lg

เจาะกลยุทธ์ “ทัวร์เถื่อน” ระดับแอดวานซ์ ลอยแพ29 ชีวิต-โกยเงินเกินครึ่งล้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แฉ! "ทัวร์เถื่อน" เจาะกลยุทธ์ของทัวร์แสวงบุญที่อินเดียถูกลอยแพ 29 ชีวิตเนียบเนียนเหนือชั้นจนคนทำทัวร์ด้วยกันยังอ้าปากค้างเสียทั้งเงิน ทั้งเวลาปลอมวีซ่า-ไม่มีตั๋วขากลับ-สูญเงินคนละเกินครึ่งแสน อุทาหรณ์สำหรับคนนิยมทัวร์ถูกเกินจริง ด้านทนายชี้ทำทัวร์เถื่อนมีความผิดร้ายแรงฐานฉ้อโกงประชาชน!

แฉ ทัวร์เถื่อนกระบวนการหลอกลวง ลอยแพ 29ชีวิต!!

เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อAlisa Chindaออกโรงโพสต์แฉทัวร์เถื่อนที่เดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียถูกลอยแพ 29 ชีวิตทั้งที่จ่ายค่าทัวร์ไปแล้วคนละไม่ต่ำกว่า18,000 บาท เหตุเพราะทั้งวีซ่าอินเดียก็เป็นของปลอมไม่มีตั๋วขากลับ แถมยังต้องเสียค่าปรับในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการอีกคนละ50,000 บาทถึงกลับไทยได้

หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้รับโทรศัพท์จากบริษัททัวร์ที่อินเดียแจ้งให้ทราบกรณีผู้แสวงบุญชาวไทย29 ชีวิต ในจํานวนนี้ประกอบด้วยพระสงฆ์12 รูป ฆราวาสชาย3 คน ฆราวาสหญิง15 คนที่จัดทัวร์ไปกันเองโดยให้สตรีผู้หนึ่งซึ่งไม่ใช่บริษัททัวร์จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไปกลับและe-visa India ให้โดยหัวหน้าคณะจัดการเรื่องที่พักในวัดไทยต่างๆในเส้นทางกันเอง

เริ่มจากวันเช็คอินคณะทัวร์ทั้งหมดไม่ทราบเลยว่าตั๋วเครื่องบินขากลับที่เป็นตั๋วกระดาษซึ่งทุกคนถืออยู่ในมือนั้นเป็นตั๋วปลอมทั้งหมดและเหตุใดจึงสามารถปลอมตั๋วขากลับได้โดยสายการบินแรกที่เดินทางไปอินเดียไม่ทราบและยอมให้เช็คอินด้วยเพราะโดยปกติเวลาที่เช็คอินหน้าเคาน์เตอร์สายการบินจะมองเห็นตั๋วขากลับในระบบถ้าไม่เห็นตั๋วขากลับเท่ากับมีตั๋ววันเวย์ขาไปเพียงขาเดียว

เช่นนี้ถือเป็นการผิดระเบียบการเข้าเมืองของผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยวทางสายการบินจะไม่สามารถเช็คอินให้ได้จนกว่าจะนำตั๋วขากลับมาแสดงซึ่งคนที่จัดไปอินเดียน่าจะมีความตั้งใจที่จะแสดงตั๋วขากลับเป็นตั๋วที่ปริ้นกระดาษ A41 ใบ และเป็นสายการบินอื่นที่ต่างสายกันกับสายแรกด้วยเพื่อให้ยากแก่การตรวจสอบเพื่อให้สายการบินแรกยอมเช็คอินให้และแน่นอนว่าตั๋วขากลับทั้งหมดเป็นตั๋วที่ปลอมขึ้นมาคนที่รับจัดทัวร์ไม่เคยจองไม่เคยซื้อตั๋วเหล่านั้นเลย

โดยปกติไม่ค่อยมีทัวร์ที่จัดไปกลับคนละสายการบินนอกเสียจากมีความจำเป็นจริงๆในเมืองที่มีตารางบินจำกัดเพราะการซื้อตั๋วอย่างละเที่ยวเดียวมารวมกันจะแพงมากแต่ผู้จัดน่าจะมีความตั้งใจไม่ซื้อตั๋วสองขาไปกลับตั้งแต่แรกออกตั๋วเพียงขาไปขาเดียวจากกรุงเทพเท่านั้นหากจะซื้อสายการบินเดียวกันทั้งไปและกลับสายการบินก็จะตรวจสอบได้ว่าไม่เห็นตั๋วขากลับในระบบจึงเลือกที่จะปลอมตั๋วขากลับเป็นสายอื่นเพื่อให้ผ่านการเช็คอินนับเป็นกลยุทธ์การลอยแพขั้นแอดวานซ์ คือแบบปล่อยครึ่งทาง

ยังไม่จบแค่นั้นถ้าลำพังมีตั๋วขาไปแล้วแต่ไม่มีตั๋วขากลับคนไปทัวร์ที่ตั้งใจไปถึงอินเดียแล้วก็ต้องพยายามไปให้จบทัวร์จนได้ปัญหาตั๋วขากลับก็ไปแก้เอาทีหลัง

แต่เรื่องราวอันน่าระทึกใจยังไม่จบง่ายๆเพราะถ้าแค่ซื้อตั๋วขากลับใหม่แต่ยังได้ไหว้พระตามที่ตั้งใจก็ยังดีแต่ใครจะเชื่อว่า ผู้จัดทัวร์นั้นจะปลอมกระทั่ง e-visaIndia เพราะเมื่อทั้งคณะเดินทางไปถึงอินเดียปรากฎว่า ตม.ปฏิเสธการเข้าประเทศอินเดียเนื่องจากไม่พบรายชื่อผู้เดินทางทั้งหมดเว้นแต่ผู้ที่ถือพาสปอร์ตราชการเพียงเล่มเดียวเท่านั้น

หากระบบรวนหรือขัดข้องคงไม่แจ็คพอตทั้งคณะอย่างมากก็คนสองคน แต่นี่เป็นทั้งคณะก็เท่ากับว่าทัวร์นั้นไม่เคยสมัครวีซ่าอินเดียออนไลน์ให้กับคณะจริงๆเลย หากมีหลักฐานเป็นกระดาษใบหนึ่งที่แนบมาในเล่มพาสปอร์ตก็น่าจะเป็นสลิปวีซ่าปลอมๆหัวกระดาษปลอมๆและตัดต่อใส่ชื่อผู้เดินทางจริงเข้าไป

บทสรุปทัวร์เถื่อนเสียทั้งเงิน-เสียทั้งเวลา-เสียทั้งความรู้สึก!!

บทสรุปของเรื่องนี้จบลงที่คณะทัวร์ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองทั้งคณะเพราะถือวีซ่าปลอมไม่สามารถเข้าอินเดียได้ต้องนอนรอที่สนามบิน 1คืนและต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใบใหม่กลับไทยทั้งคณะในราคาที่สูงลิบลิ่วเพราะเป็นตั๋ว lastminute และซื้อที่สนามบินด้วยก็ยิ่งแพงแต่ยังต้องเสียค่าปรับในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการอีกคนละ100,000 รูปี หรือ50,000 บาทจึงกลับไทยได้

ทำให้เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินยังต้องเสียทั้งความรู้สึกกับคนจัดทัวร์ที่เจตนาไม่สุจริตตั้งแต่ต้นและไม่เคยรับสายลูกทัวร์อีกเลย
นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ต้นเรื่องดังกล่าวยังได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องอุทาหรณ์การจัดทัวร์กันเองนิยมทัวร์ถูกเกินจริงและการลอยแพระดับแอดวานซ์ที่อินเดีย ในฐานะที่เป็นคนทำอาชีพจัดทัวร์ด้วยเช่นกัน

เหตุเกิดจากวีซ่าท่องเที่ยวแบบ e-visaเลย ใช้ e-visaเก่าของคนอื่นมาแก้ชื่อนามสกุล และเลขพาสปอร์ต แต่คุณอาจไม่เชื่อว่าเดี๋ยวนี้การลอยแพทำโดยใช้กลยุทธ์ที่แนบเนียนกว่านั้นอย่างที่คนทำทัวร์คุยกันจึงจะเข้าใจวัตถุประสงค์ที่คนจัดวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น
การที่คุณทำเลว เช่นนี้ มันทำให้คนที่เค้าตั้งใจมาจริงๆ เค้าเดือดร้อน เค้าต้องเสียเวลาเสียค่าตั๋ว เสียค่าปรับและเสียความรู้สึก มิหนำซ้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายเข้าไปอีกแค่ทุกวันนี้คุณถือพาสปอร์ตไทยเข้าตม มา ก็โดนถามมากพออยู่แล้วว่ามาทำอะไรมาทำไม มานานแค่ไหนสงสัยว่าต่อจากนี้จะต้องโดนเพ่งเล็งเพิ่มอีกว่าวีซ่าปลอม หรือเปล่า

ทัวร์อินเดียถูกเริ่มต้นที่18,888 บาทยังคงหลั่งไหลในหน้าเฟซบุ๊กดั่งสายน้ำการเดินทางของคุณ คุณเลือกได้และโปรดเลือกให้ดี จะเสียเงินทีเดียวหรือเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยังต้องร่วมเป็นผู้แสดงหนังThe Terminal อีกด้วยคนที่มั่นใจ ก็ฉันเคยไปมาแล้วและกลับมาได้ด้วย อย่าเพิ่งมั่นใจเพราะมันไม่ได้แน่อย่างนั้นเสมอไปมันอาจจะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นด้วยความเคารพและปรารถนาดีเรื่องนี้จบลงด้วยความเศร้าใจของทุกคนไม่เพียงคณะทัวร์แต่คนในวงการทัวร์ด้วยเช่นกัน”
ขณะเดียวกันทีมข่าว MGR Liveได้ติดต่อไปสัมภาษณ์ ทนายรัชพล ศิริสาคร เจ้าของเพจสายตรงกฏหมายจึงได้คำตอบว่าในกรณีเช่นนี้เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

กรณีที่หลอกให้ซื้อทัวร์หรือซื้อบริการนำเที่ยวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งหากไปหลอกลวงประชาชนทั่วไปก็เข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชนซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุก 5ปี ปรับอีก 1แสนบาท

ผู้ที่ถูกหลอกลวงต้องเข้าแจ้งความส่วนค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไปสูงเกินควรเช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับก็สามารถเรียกเป็นค่าเสียหายได้
เรื่องการซื้อทัวร์ต้องระวังเพราะปัจจุบันมีการหลอกลวงกันมากอาจตรวจสอบข้อมูลบริษัททัวร์ได้ที่กรมการท่องเที่ยวทางเว็บไซค์หรือโทรไปสอบถามจะเป็นการป้องกันได้เบื้องต้น

นอกจากนั้นหากเป็นการหลอกลวงทางเฟสบุ๊กก็จะมีความผิดตาม พ..บคอมพิวเตอร์ อีกด้วยซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุก 5ปี ปรับ 1แสนบาท เช่นกัน”

** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น