xs
xsm
sm
md
lg

“อ้างชื่อเสียง – อิงหน้าตา-หลอกขายครีม” เจาะธุรกิจสูตรสำเร็จคนดัง!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Talk of the town สุดๆ สำหรับแชตหลุดแฉดาราอ้างปลอม อย.อาหารเสริม ต้นทุนแสนถูก แต่ขายแสนแพง! สังคมเตือนเหล่าคนดัง อย่าใช้ความดังหลอกลวงผู้บริโภค กูรูด้านการตลาดออกมาซัด อย่าหลงเชื่อคนในวงการขายภาพลักษณ์ ชื่อเสียงดาราไม่สามารถการันตีผลิตภัณฑ์ได้





จริงหรือลวง วางแผนแฉหวังฮุบเงิน 27 ล้าน?
 
แชร์สนั่นโซเชียลฯ แชตหลุดแฉดาราปลอมอย.อาหารเสริม ต้นทุนแสนถูก แต่ขายแสนแพง แถมอ้างว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผลิตที่เกาหลี แต่ความเป็นจริงโรงงานอยู่ที่ลำลูกกา จนหลายคนสงสัยว่า เป็นแบรนด์อะไรกันแน่ และตั้งข้อสงสัยถึงการใช้ความเชื่อถือ และการมีชื่อเสียงหลอกลวงผู้บริโภค
 
 

อย่างไรก็ดีในบทสนทนา ยังมีข้อความที่ระบุถึงจำนวนตัวเลข 27 ล้าน ที่อยากจะได้คืน และต้นทุนการผลิตของอาหารเสริมดังกล่าว อยู่ที่กล่องละ 55 บาท แต่ราคาขายส่งกับขายปลีกนั้น กลับแพงเกินจริง รวมทั้งยังมีการแฉว่า ผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่ได้รับมาตรฐานการผลิตจาก ISO และ HACCP แต่อย่างใด

 

ทว่าด้านโซเชียลฯ ออกมาซัดให้นัวชี้ไม่ควรหลงเชื่อศิลปิน ดารา ที่ออกมาขายผลิตภัณฑ์ เพราะไม่มีความเชื่อถือใดๆ อีกฟากวิจารณ์ พอไม่มีอะไรทำ ก็หันมาหากินกับผู้บริโภค

“บอกไว้เป็นความรู้พวกหลงเชื่อพวกดารานะครับ เขาไม่ใช้ของที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือขายหรอก เขาใช้แบรนด์ตามห้างราคาหลักพันหลักหมื่น เข้าคอร์สทำผิวราคาหลักแสน แล้วสุดท้ายก็มาทำแบรนด์ตัวเองหลอกให้คนระดับเราไปหลงเชื่อว่ากินแล้วใช้แล้วจะสวยแบบเขา พอแบรนด์มีปัญหาก็โดดร่มปัดเอี่ยว แล้วก็เปิดแบรนด์ใหม่ทำแบบนี้วนไป รวยไม่รู้เรื่อง”

“คนดีที่ไหนหากินกับความรักความชื่นชมของเหล่าแฟนคลับ”

“ทำไม ถึงกล้าไปสมัครเป็นตัวแทนขายกันอ่ะ ? แล้วคนซื้อก็กล้ากินจริงๆ เหรอ ? ( อันนี้ถามจริงๆนะ ) คือ มองแป๊บเดียวรู้เลยการตลาดแบบ ร้อง เฮ้อ ! ( พูดไม่ออก ) เห็นใจมากๆ เลย”


ล่าสุด ดีเจสาวอารมณ์ดีหนึ่งในผู้ที่หลายๆ คนสงสัยได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับสินค้าแบรนด์ของตนเองในอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งมีข้อความยืนยันถึงผลิตภัณฑ์ว่ายังขายดี และมีคุณภาพ

“สินค้าเราทำให้ดีสุดแล้ว ถูกต้อง มาตรฐานมีหมดทั้งไทยและเทศ ราคาจับต้องได้ เหลือแค่ขายยังไง ?? ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปสำหรับมือใหม่ อย่าไปตุนของเยอะ ยิ่งตอนนี้ไฮร่าบลูขายดีแทบจะตีกันตาย บอสห่วง 5555  และเอธธีนก็ยังขายดีกันมาเรื่อย ๆ เพราะความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภคคือหัวใจของเรา!"

ไม่เพียงแค่นั้นได้มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรมของดีเจคนดัง ถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นว่าเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งด้านดีเจคนดังกล่าวเข้าไปตอบเคลียร์ชัดเจนว่า ต้องใช้ วิจารณญาณในการรับสื่อ ก่อนจะมีการลบข้อความนั้นออกไป
 

ทั้งนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมจากหมู่ศิลปินดารา ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการออกมาตรวจสอบ ควบคุมอย่างเข้มงวด เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา เคยเกิดปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ มีการปลอมแปลงการขึ้นทะเบียน อย. มีการเพิ่มสาร และตรวจพบสินค้าปลอม จนทำให้ดาราที่รับรีวิวสินค้า และที่สำคัญยังสร้างผลกระทบให้กับผู้บริโภคที่หลงเชื่อซื้อสินค้าอีกเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้เพจ “ดอกจิกV.5” ซึ่งเป็นเพจแฉเกี่ยวกับอาหารเสริม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวที่กิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามถึงกระบวนการผลิต รวมทั้งตรวจสอบแล้วว่าทางผลิตภัณฑ์ไม่มีการสวมรอยอย.


“ในเมื่อคุณบอกผลิตที่เกาหลี แต่นำมาบรรจุในไทยโดยแบ่งบรรจุโรงงานแถวลำลูกกาอันนี้พอรับได้ เพราะมีบนฉลากเขียนชัดเจน แต่...ไม่จบแค่นั้นมาสะดุดที่เลขบาร์โค้ด ถ้าผลิต หรือนำเข้ามาจากเกาหลี ทำไมเลขรหัสบาร์โค้ดเป็น 885 (ซึ่งมันเป็นประเทศไทย) ถ้าจะบอกว่าเกาหลี ผลิต และนำเข้ามาทำไมเลขบาร์โค้ดไม่เป็น 880 ที่เป็นรหัสของประเทศเกาหลี อันนี้ถามเพื่อความสงสัย รอคำชี้แจง”

โดยเพจดอกจิกV.5 ได้ออกมาเผยแพร่คำชี้แจงจากฝั่งอาหารเสริมอีกครั้งพบว่า ผลิตภัณฑ์ตัวดังกล่าวนำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลีจริง ผ่านทางเครื่องบินและเรือ จากการตรวจสอบมีเอกสารการนำเข้าทุกล็อต ก่อนมาแบ่งบรรจุที่ลำลูกกา ส่วนกรณีที่ขึ้นสถานะว่าผลิต ตอนนี้ทางโรงงานกำลังจะหารือกับทาง อย.ว่า สรุปสถานะเป็นอย่างไร ซึ่งมี 2 กรณีคือ ผลิตขั้นตอนสุดท้าย หรือแบ่งบรรจุ  พร้อมทั้งมีการเปิดเผยว่า ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้เตรียมหลักฐานเพื่อเตรียมชี้แจงกับทางฝั่งโรงงานเช่นกัน
 

“ทางบุคคลปริศนาออกมาแฉทางบริษัทที่มีดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ โกงเงิน 27 ล้าน มาดูจากแชตแล้ว ลึกๆแอบสงสารเจ้าของผลิตภัณฑ์อยู่นะ อย. ไม่ให้ชื่อพรีเมียม เป็นถึงโรงงานทำไมโง่ไม่รู้ 4 รู้ 8 ว่าชื่อมันใช้ไม่ได้ พอใช้ชื่อไม่ได้ ก็จะริบเงินของทางบริษัท

ฝั่งโรงงานกลัวจะเสียเงิน 27 ล้านคืนให้ทางบริษัท เพราะมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ ก็ดิสเครดิตส่งแชตนิดๆ หน่อยๆให้นักข่าว หวังว่าทางบริษัทจะยอมถอนฟ้อง เพื่อแลกกับชื่อเสียง แต่เจ้าของบริษัทใจเด็ด ใจสู้ ไม่ถอน ดิสมาก็เรื่องของมึงกูสตรองไปต่อ แล้วไงใครแคร์ อีกอย่างมีหลักฐานเด็ดด้วยนะว่าใครส่งแชตปลอมๆ ไปให้นักข่าว!!”
 



กูรูเตือน ยิ่งมีชื่อเสียง ทำธุรกิจต้องระวัง !
 
[แชตด้านบริษัทแฉโรงงานกลับ]

ท่ามกลางการตั้งคำถาม และให้ความสนใจของสังคมถึงกรณีดรามาที่กำลังถกเถียงอยู่ว่า การเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงยิ่งเป็นเครื่องมือให้หลอกลวงผู้บริโภคง่ายขึ้นจริงๆ หรือ รวมทั้งปัจจุบันศิลปินดารา เริ่มหันมาจับธุรกิจความสวยความงาม สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เพราะเริ่มไม่มีอะไรทำ และการทำธุรกิจเป็นของตัวเองทำให้มีมูลค่าแบรนด์มากกว่า

 

ทางทีมข่าวMGR Live จึงติดต่อไปยัง อ. ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ด้านการตลาด มาเป็นผู้วิเคราะห์ถึงพฤติกรรม และเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น
 
[ อ. ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย]

“สิ่งที่สำคัญ สำหรับดาราก็คือ ชื่อเสียง คุณจะต้องทำในตอนที่คุณมีชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าตอนที่เขาลืมไปแล้ว 2.ภาพของคุณต้องชัดว่า กลุ่มเป้าหมายคุณคือใคร เช่น สมมุติว่าคุณขายเครื่องสำอาง กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจจะเป็น กลุ่มวัยคนทำงาน หมายถึงว่าคนที่รู้จักคุณ คนที่ชื่นชอบคุณ เป็นฐานแฟนคลับ คุณควรที่เป็นคนทำงานที่มีเงินจะมาซื้อของได้

3.ภาพลักษณ์เป็นยังไง สมมุติดาราที่เป็นตัวร้าย กับดาราที่เป็นนางเอกมาทำธุรกิจ คนที่เป็นนางเอกแนวโน้มก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะว่ามีภาพเป็นนางเอก
ถ้าพูดถึงเครื่องมือ Social media ตัวที่ใช้ดีที่สุด ก็คืออินสตาแกรม เพราะว่าถ้าเป็นตัวเฟซบุ๊ก จะเป็นตัวที่เกิดดรามาเยอะ อินสตาแกรมก็มีดรามา แต่ไม่มากเท่าเฟซบุ๊ก คืออินสตาแกรมเหมาะสำหรับสินค้าที่เป็นความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม ดีที่สุดคือ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เพราะว่าอินสตาแกรมมันMakeover(การเปลี่ยนแปลง) คือพูดง่ายๆ คนที่ถ่ายรูปลงอินสตาแกรม จะไม่ถ่ายรูปตัวเองที่แย่ๆ ออกมา ส่วนใหญ่ผู้หญิงก็จะถ่ายรูปที่ดีกว่าปกติออกมา”

โดยกูรูรายนี้ได้ให้ข้อมูลถึงการที่บุคคลมีชื่อเสียง หันมาทำธุรกิจของตัวเองเอาไว้ว่า ชื่อเสียงดาราบางครั้งก็ไม่สามารถการรันตี และสร้างความเชื่อถือได้ว่า สินค้าตัวนั้นจะมีคุณภาพดี หรือไม่ดี เช่น ผลิตภัณฑ์เมจิกสกินจ้างดาราตัวท็อป ดารานักแสดงให้ไปเป็นPresenter แต่ก็ไม่ได้ทดลองใช้จริง พอเกิดปัญหาขึ้นมา ชื่อเสียง และความนิยมชมชอบ ความเชื่อถือลดน้อยลง เพราะฉะนั้นการที่จะเชื่อ ต้องมีการตรวจสอบให้ดีก่อน

“คือคนไทยพูดตรงๆ เป็นคนที่ชื่นชอบดารา เพราะฉะนั้นเจอดาราก็จะเข้าไปถ่ายรูป ตอนหลังการใกล้ชิดดาราใกล้ขึ้น เมื่อก่อนถ้าจะใกล้ชิดดาราจะต้องไปดักพบ หรือไปชูป้าย ซึ่งบางคนก็ไม่มีเวลาไป ดารามาเล่นในอินสตาแกรมเยอะ เพราะฉะนั้นการที่ได้คุยกับดาราโดยตรงมันมีลักษณะความผูกพัน ส่วนใหญ่ก็จะเข้าไปชื่นชม

การเป็นดาราทำให้ธุรกิจหยุดง่าย เพราะว่าคนรู้จักดาราอยู่แล้ว ขนาดดาราไปเป็น Presenter หรือไปชูอะไรในอินสตาแกรม คนยังซื้อเลย แต่มิได้หมายความว่าการเป็นดารา จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การทำธุรกิจจะง่ายในช่วงแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะยั่งยืน แต่ถ้ายั่งยืนสินค้านั้นต้องเป็นสินค้าที่คุณภาพ

2.ต้องมีทีมงานที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นดาราที่ทำธุรกิจ ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนธรรมดา บางคนที่มาซื้อของที่ดาราเป็นเจ้าของ จริงๆ เขาซื้อเพราะดารานะ บางทีเราเป็นแฟนคลับเราต้องซื้อ แต่ถ้าหากของคุณภาพไม่ดี หรือบริการไม่ดีเวลาเขาเสียความรู้สึก เขาก็ไม่ได้ไปด่าแอดมิน หรือคนที่เป็นทีมงาน เขาจะมาถึงดาราไง เพราะฉะนั้นดาราต้องเหนือกว่า และต้องรับผิดชอบมากกว่าคนธรรมดาไม่งั้นพอด่า พอมีปัญหาแล้วไปด่าปุ๊บ มันจะทำให้เป็นข่าวด้วย พอเป็นข่าวมันจะส่งผลเสียต่อธุรกิจมากกว่าคนธรรมดา”

อ.ธันยวัชร์ ยังเสริมต่อไปว่าโซเชียลฯ กลายเป็นอาวุธที่มีมูลค่าให้กับเหล่าดารา และเซเลบริตี้ทั้งหลาย ไม่ใช่แค่เป็นช่องทางสื่อสารกับแฟนคลับ แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือทำมาหากินไปแล้ว ซึ่งดารา เปรียบเสมือนเป็นวิญญาณของสินค้า ส่วนหน้าตาก็เปรียบเสมือนPresenter

“ธุรกิจที่นิยมทำกันมีประมาณ 3-4 ตัว ดาราก็จะทำเครื่องสำอาง,อาหารเสริม หรือบางคนก็จะทำเสื้อผ้า เช่น กันต์ กันตถาวร ทำเสื้อผ้า Monkey Surf อาหารก็มีอย่างเช่น มิค บรมวุฒิ ก็ทำปูดอง

 
คือประเทศไทย เป็นประเทศที่เรียกว่าค่อนข้างชอบดารา พอ E-Commerce(การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์) มันโต มีการใช้สื่อSocial media ในการทำอาหารเสริม หรือเครื่องสำอางเยอะ จ้างดาราในการเป็นPresenter โพสต์อินสตาแกรมทีใช้เงินเป็นเท่าไหร่ แล้วการเป็นPresenter ได้เงินเท่าไหร่

ดารามีความคิดว่า ถ้าอย่างนั้นในเมื่อเขาจ้างเราให้เป็นPresenter แล้วขายได้ ถ้าหากเราทำเองล่ะก็จะมีดารากลุ่มหนึ่ง ก็หันมาทำธุรกิจของตัวเอง จริงๆ แล้วดาราหันมาทำธุรกิจเองมีมานานแล้วนะ แต่ว่าช่วงหลังการทำธุรกิจมันง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสวย ความงาม อาหารเสริม และอาหาร เพราะว่าคุณจ้างใครผลิตก็ได้ เดี๋ยวนี้มีโรงงานผลิตมากมาย

โดยรวมๆ แล้วการผลิตอาหารเสริม ประเทศไทยผลิตเอง คือพูดในเชิงการตลาด คือ Product จ้างใครผลิตก็ได้ โรงงานบางโรงงานก็จะมีสูตร หรือไปหาสูตรมาให้ พร้อมมีการวิจัยให้ 2. Priceการเป็นดาราก็สามารถตั้งราคาที่สูงได้ คือไม่จำเป็นต้องมีร้าน ไม่จำเป็นต้องเปิดร้าน เพราะปัจจุบันอยู่ในออนไลน์มากกว่า เพราะมันเป็น E-Commerce

3.Promotion คือสื่อสารการตลาด ดาราทำได้เอง แล้วอาชีพดาราอย่างที่บอก ถ้าเราเอาคนมาจ้าง สมมุติว่าคุณอายุสัก 30 จะเป็นนางเอกได้ไหม คุณกลายเป็นแม่แล้ว หรือว่าให้คุณเป็นดารา แต่ว่าถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสังกัดเขา เขาก็ไม่จ้าง ไม่จ้างความหมายคือว่า เราจะรอให้คนมาจ้างงาน หรือทำไมเราไม่ครีเอทธุรกิจเอง ก็เลยเกิดเทรนด์ดาราทำธุรกิจกันมากมายมหาศาล จนกระทั่งใน shelf ของ Eve and Boy ถือ เป็น Shelf ของดาราเลยนะ เหมือนเป็นสินค้าของดารา เพราะฉะนั้นดาราถึงกระหน่ำทำธุรกิจ”
กำลังโหลดความคิดเห็น