"อีดำ อีกะปิ อีนิโกร อีหน้าปลาบู่ชนเขื่อน อีปลาร้า” สารพัดคำดูถูกที่ผู้หญิงคนนี้ได้รับ แถมวัยเด็กโดนคนแถวบ้านจับล็อกแล้วกรอกน้ำล้างมือล้างเท้าเข้าปาก! เพื่อนยี้! ไม่ให้เข้ากลุ่ม เพราะผิวแทน ผอม ขี้เหร่! ขนาดฝ่าด่านความขาวขึ้นแท่นพริตตี้-นางแบบแล้วก็ยังไม่วาย “ทำไมเอาอีดำนี่มางานระดับโลก" บทสัมภาษณ์ของสาวคนนี้ มาลัย บำรุงศรี ที่จะทำให้ผู้หญิงหลายๆคนอิจฉา เหตุใดเธอสตรองได้เพียงนี้ทั้งที่สถานะก็ล้มละลาย!
ไม่แคร์คำดูถูก ยืนหยัดด้วยความมั่นใจ
สารพัดคำดูถูกเหยียดหยาม “เรื่องสีผิว” ของผู้หญิงที่กำลังนั่งสนทนากับเราอยู่เบื้องหน้าที่เธอโดนยัดเยียดคำด่ามาตลอดชีวิต หนำซ้ำยังเจอมรสุมชีวิตถูกโกง โดนฟ้องล้มละลาย แต่ไม่ได้มีอะไรทำลายเธอได้ ไม่มีอะไรทำให้เธอลดทอนคุณค่าในตัวเองลงเลย กลับยิ่งสตรองอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะเธอยืนยันว่า “ไม่ได้ระคายเคืองเลยแม้แต่น้อย”
เธอย้ำเองว่าให้เรียกแบบนี้ "พริตตี้ดำที่สุดในประเทศไทย" สาวสวยผิวแทนสุดแซบวัย 28 ปี กับชีวิตสุดทึ่งแอนด์อึ้ง! ไม่เพียงแต่เป็นพริตตี้รถ ผลิตภัณฑ์ และนางแบบนิตยสารระดับโลก เธอยังเผชิญงานท้าทายกับสินค้าสุดสะพรึง! ระเบิด อาวุธสงคราม
“ตอนเด็กๆเราก็จะเป็นตัวตลกในหมู่บ้าน เพื่อนก็จะชอบแกล้ง ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่า จิตใจเราจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา แกล้งเอามัน”
โดนกลั่นแกล้งตั้งแต่จำความได้ หนักสุดเธอโดนจับล็อกกรอกน้ำล้างมือล้างเท้า!
“พวกเขาทั้งคนโต เด็ก ก็จับล็อกแขนขาเราเลย ช่วยกันล้างมือล้างเท้า สนุกสนาน แล้วก็เอาน้ำที่เขาล้างมือล้างเท้ามาให้เรากิน กรอกปากเราเลย เราหนีไม่ได้ เด็กน้อย ไม่มีแรงหรอก เราก็ตัวกระเปี๊ยกนึง ผอมๆดำๆ ขี้เหร่มากอ่ะ
อย่างเพื่อนเข้ากลุ่มกัน เราเป็นคนเดียวที่ไม่มีกลุ่ม เยอะแยะมากมายที่โดนแกล้ง ไม่สามารถเข้ากลุ่มได้ เพื่อนก็จะไม่เอาเราเข้ากลุ่ม แอบคุยกัน เราก็ไม่ได้คุยกับเขา
เดินไปไหนคนก็หัวเราะ กระซิบนู่นนี่นั่น อยากเป็นแบบนี้เหรอ แล้วก็หัวเราะ จะเป็นแบบคนนี้เหรอ จะเป็นแบบมันเหรอ โห นี่ตลกสุดแล้ว เป็นแบบมันเหรอ อยากเป็นแบบนี้เหรอ ผอมๆดำๆ อีปอบ อีปลาร้า อีกะปิ ก็ขนมาด่า
คือไม่ได้มีแต่เด็ก ผู้สูงอายุแถวบ้านก็ด้วย แต่เขาก็ไม่ค่อยได้คิดอะไรอ่ะเนาะ ไม่คิดว่าเราจะเศร้าหรือเสียใจอะไร ก็แบบเรียกเรา อีดำ อะไรแบบนี้ ”
ยันไม่เคยได้กำลังใจจากใคร ปลอบใจตัวเอง “ส่องกระจก ฉันสวย!”
“ตอนเด็กๆ ก็ให้กำลังใจตัวเอง เหมือนยอตัวเองด้วยหรือเปล่า ก็มีส่วน คือมั่นใจ มั่นใจมาก ก็สวยจะตาย เราสวยจะตาย มองกระจกแล้วมันจะเป็นประมาณนี้ ไม่ได้กำลังใจจากใคร ไม่มี สู้ด้วยตัวเองตลอด ให้กำลังใจตัวเองอย่างเดียว
เรามันต่างจากคนอื่นที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ต่อให้ใครจะพูดยังไงเราก็มั่นใจในตัวเอง จะใส่ชุดสีอะไร ก็จะใส่ สีแดงก็จะใส่ จะใส่สีเขียวก็จะใส่ ชอบสีไหนก็ใส่สีนั้น ไม่ได้แคร์ว่า ผิวสีนี้จะต้องใส่สีนั้นไม่ได้ สีนี้ไม่ได้ คนก็จะตลกเรา ล้อเรา เหมือนตัวตลก ตัวประหลาด คิดอะไร ดำขนาดนี้ ยังสะเหล่อใส่สีแบบนี้ เพื่อนก็เลยแบบว่า แกล้งล้อ โอ้ย มั่นหน้าเนอะ
ถ้าในหัวสมองเราคิดว่า เราใส่อันนี้แล้วเราจะสวย เราใส่ไปเลย เราไม่ต้อง อุ้ยมันไม่เข้ากับผิวเลย ก็อยากใส่อ่ะ มันไม่ต้องแคร์ใครหรอก เพราะตัวเราอยู่กับเรา 24 ชั่วโมง คนอื่นมองเราแค่ 5 นาที มองแค่ 2 นาที ก็ปล่อยให้เขามองไปเถอะ ถ้าเกิดเราไม่เจอตัวเองสักที แล้วเมื่อไหร่คนอื่นจะเห็นตัวเรามีค่า เราต้องรักและเคารพตัวเองให้มากๆ
คิดว่าเป็นคนที่ไม่มีปมอะไรในใจเลย การที่เรา เป็นคนที่นิสัยมั่นใจในตัวเอง ใส่ชุดอะไรไม่ปรึกษาใคร อยากทำอะไรก็ทำเลย เราเคารพตัวเอง เราเอาตัวเองเป็นหลักก่อน แล้วค่อยถามคนอื่นว่าอันนี้มันโอเคหรือเปล่า มันได้มั้ย เคารพตัวเอง”
พริตตี้งานใหญ่ระดับโลก โกอินเตอร์ ดังไกลอินเดีย
จากเด็กนครสวรรค์เดินทางสู่หัวหิน จับพลัดจับผลูเจอช่างภาพต่างชาติจนเริ่มต้นสู่วงการนางแบบ พริตตี้ แถมต้องฝ่าด่าน "ความขาว" ค่านิยมของวงการพริตตี้ที่ต้องผิวขาวออร่าเท่านั้นถึงจะเป๊ะปัง แต่สุดท้ายเธอสามารถแหกความเชื่อเหล่านั้นลงได้ด้วยความงามเฉพาะตัว
“ชอบไปเที่ยวอยู่หัวหิน อยู่แล้วสบายใจ ไม่รู้ทำไมชอบหัวหินไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าชอบ ชอบไปเที่ยวไปอยู่ เริ่มถ่ายแบบตั้งแต่อายุ 18 ตอนนั้นเรียนที่หัวหิน เป็นชุดเดรสธรรมดา เป็นฟรีแลนซ์อิสระ
ส่วนพริตตี้ก็เริ่มจากเป็นพริตตี้สินค้า ผลิตภัณฑ์ ยืนโชว์ตัว ก็รับมาตลอด รับงานเล็กๆน้อยๆ เริ่ม 1,500-2,000 บาท แล้วก็มาทำพริตตี้รถเล็กๆ รถมอเตอร์ไซค์ งานเล็กๆไม่ได้จัดยิ่งใหญ่ งานจังหวัด งานเล็กๆ เราก็รู้ว่าจะต้องไปแบบไหนยังไง ก็ชอบก็ไปแบบนั้น ถ้าเราไม่เอาตัวเราไปตรงนั้น มันก็ไม่ได้เข้าไปตรงที่ต้องการที่จะไป”
กระทั่งเธอได้มาเป็นพริตตี้งานอินเตอร์ใหญ่ระดับโลกอย่าง MotoGP ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.บุรีรัมย์
“เรามีเพื่อนเป็นช่างภาพเขาก็มาถามว่า เพื่อนฉันหาพริตตี้อยู่ เธอว่างมั้ย วันนี้วันนั้น คือคุยกันนานมาก เอ๊ะ ตกลงจะจ้างจริง จ้างเล่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเอาเราจริงๆหรือเปล่า แต่พอถึงวันเขาก็คอนเฟิร์มว่า เขาจ้างเรา
ภายในงานทุกคนก็จะขาวๆ เกือบจะน้อยคนมากที่ผิวแทน แล้วแทนขนาดเราคือไม่มี ก็มีคนที่เขาชอบผิวสีแบบเรานะมาขอถ่ายรูป บางคนก็ชอบในผิวเราทั้งๆที่เขาขาว บางคนก็ชอบ แต่จะให้เป็นสีนี้เลยมั้ย ก็ไม่ ก็ร้อยคนร้อยความคิด บางทีเขาก็ชอบ บางทีเขาก็ไม่ชอบ ห้ามความคิดใครไม่ได้ ก็จะมีเหยียดบ้าง ก็ธรรมดา
แต่เราต้องมั่นใจไง เราต้องให้เกียรติตัวเอง เรามีค่าจะตาย เราต้องเปิดโลกให้กว้างสิ ถ้าเขาเกิดจะชอบแบบนั้นก็ชอบไป ถ้ามีคนจ้างเรา เราก็ไป ถ้าเขาสนใจที่จะเอาเราไปเป็นพริตตี้รถเขา จะมาถ่ายรูป คนที่จ้างเขาก็ต้องคิดมาดีแล้วว่ามันจะเป็นไง ถ้าเขาจะชอบสีขาว ชอบสีนี้ สีเหลือง แดง ม่วง ก็แล้วแต่ความคิดของคน เราก็ชอบสีของเรา เขาก็ชอบสีของเขา ทุกสีมันได้หมด ไปได้หมด
สาวไทยผิวแทนสีน้ำผึ้งคนนี้ไม่เพียงแต่มีผลงานในเมืองไทยยังผงาดสู่นิตยสารระดับโลก GQ ประเทศอินเดีย 2018
“มีนิตยสารของอินเดียหลายเล่ม แล้วก็มีโฆษณาของอินเดีย มีงานของอินเดียค่อนข้างจะพอสมควร ก็ไม่ได้มีแต่อินเดีย ยุโรปก็มีถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา เราก็ไม่ได้ตามว่าออกสื่ออะไรบ้าง”
งานถ่ายแบบ ถ่ายวิดีโอ จะมากกว่า พริตตี้ปีหนึ่ง มี 3-4 ครั้ง แต่นางแบบมีเกือบทุกวัน วันหนึ่งมี 2-3 งาน”
งานเอ็กซ์คลูซีฟ! พริตตี้ระเบิด-อาวุธสงคราม
นอกจากเธอจะเป็นพริตตี้รถ ผลิตภัณฑ์ สินค้าต่างๆแล้ว งานระเบิด อาวุธสงคราม เธอก็เคยผ่านมาแล้วด้วยความสตรอง
“นอกจากจะเป็นพริตตี้สิ่งของ สินค้า น้ำมันรถ แล้วก็มีอะไรแปลกๆด้วย พริตตี้ระเบิดสงคราม เป็นแบบไพรเวตมาก ของต่างชาติ
คือจะมีทั้งอาวุธสงคราม ชุดเกราะ กู้ระเบิด ชุดหนึ่งหลายล้านเลยนะ เป็นร้อยกิโลฯ คือแบบสูตรทำระเบิดอะไรแบบนี้
เราก็ใส่ชุดธรรมดา แล้วก็มีเหมือนชุดเกราะให้เราใส่
สำหรับสถานที่จัดงานก็ประมาณแบบ 40-50 ไร่ กว้างๆ แต่ละบูท แต่ละบริษัทก็ประมาณ 1 ไร่ ตั้งห่างกันไกลๆ เสียงปุ้งปั้ง ลองระเบิด ลองปืน (หัวเราะ) แบบ อุ้ย! กูจะตายมั้ยอ่ะ”
เธอเล่าว่า ไม่ต้องพรีเซ้นต์อะไรเลย แค่ยืนเฉยๆ ก็จะมีคนขับรถมาเลือกซื้อ ย้ำพริตตี้ระเบิดไม่เน้นขาว เน้นผิวแทน
ในความคิดของเราถ้าใครจ้างเราเป็นพริตตี้ สินค้าของคุณอะไรของคุณ ก็มีคนถ่ายรูปเยอะ มันแปลก ถ้าคุณกล้าจ้าง ของๆคุณก็ต้องแบบน่าลอง เราคิดว่า มันเป็นอะไรที่ท้าทาย ดึงตัวเองออกมาว่าเราจะพรีเซนต์ตรงไหน”
ภูมิใจ! หน้า-ผิว ชิ้นเดียวในโลก
“ทำไมเอาพริตตี้ “หน้าปลาบู่ชนเขื่อน” แบบนี้มายืนในงานใหญ่ๆระดับโลกแบบนี้”
โพสต์สุดแรงในโลกโซเชียลฯของผู้ชายคนหนึ่งหลังมาร่วมงาน MotoGP ที่ช่วงแรกอาจจะทำให้เธอปรี๊ด! แต่ด้วยความใจสตรอง มองบวก ปล่อยวาง ถ้อยคำเหล่านี้จึงไม่ได้ทำให้เธอระคายใจ
“พอดีเราไปเห็น ว่าเขาโพสต์ ว่า พริตตี้สวยๆขาวๆเยอะแยะมากมายทำไมไม่เอามา เขาเป็นผู้ชายไทย ว่าเราหน้าปลาบู่ชนเขื่อนคือแรงมากเลยนะ แต่ก็ไม่ได้ระคายอะไร
อย่างเหตุการณ์นี้จะเจอบ่อย เราเดินผ่านแล้วก็หัวเราะกัน หรือชี้กันดู อะไรแบบนี้ ก็จะประมาณนี้ เหมือนเราเป็นตัวตลก อยากจะเป็นแบบบนี้เหรอ เอาเมียแบบนี้เหรอ เหมือนเราเป็นตัวตลก เราจะเจอแบบนี้เยอะ”
เธอย้ำเจอเหยียดสีผิวแบบนี้ทุกงาน ทุกที่ไม่ใช่แค่ในงาน เดินตามท้องถนน ตลาด-ห้าง สถานที่ใดคนไทยเยอะยิ่งโดนแยะ ย้ำไม่แคร์ใครจะว่ายังไง
“เรามีค่า เกิดมาร่างกายครบสมบูรณ์ถือว่าดีที่สุดแล้ว”
“ถ้ายิ่งตามต่างจังหวัดยิ่งเจอ ยิ่งแบบมีแต่คนไทยยิ่งโดนเยอะ แต่ถ้ามีต่างชาติจะไม่ค่อย ตลาดงี้เจอ โอ้โฮ คุยแบบคิดว่าเราไม่ได้ยินอ่ะ ขำกันชี้กัน คือตาเราไม่ได้ดูเขาอยู่ว่าเขาชี้เราอยู่ แต่หางตาเราเห็น รัศมีคนข้างqกำลังทำอะไรอยู่ เราเห็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่ลงสักเท่าไหร่ก็เฉยๆ
เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้ระคายเคือง เรามีค่ามากจะตาย กว่าเราจะได้เกิดมาเป็นคน เรามีแขน มีขา มีทุกอย่างครบ มีจมูก จมูกก็ไม่ได้หัก ปากก็ไม่ได้เบี้ยว หรือเป็นอะไรที่ เราไม่ได้แบบเสียอะไรไป ร่างกายเราครบเหมือนทุกคน เพียงแต่เรามีสีนี้ สีนี้มันไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย ไม่ใช่เราไปจับใครแล้วทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสหรือร้องไห้เหรอ เราผิวสีนี้แล้วทำให้ใครร้องไห้เหรอ มันไม่เกี่ยว
อย่าคิดว่า ตัวเองเป็นปมด้อย อย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้สวยกว่าใคร หรืออะไร เราไม่จำเป็นจะต้องไปสวยตามใคร เราไม่จำเป็นต้องดีที่สุดสำหรับใคร แต่เราดีที่สุดสำหรับเรา พอ ”
แม้จะถูกเหยียดว่าไม่สวย แต่เธอยืนยันว่าในชีวิตนี้ศัลยกรรมหน้าอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ใบหน้าไม่อยากทำเพราะ “หน้าเรามีชิ้นเดียวในโลก”
หน้าเราจะเป็นหน้าอย่างนี้ คือชิ้นเดียว ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ถ้าใครทำแล้วสวยก็ทำไป เขาภูมิใจแล้วแต่คน เราก็ภูมิใจที่หน้าแบบนี้ บางวันก็หน้ากลม บางวันก็หน้าเรียว มันแล้วแต่ ช่างเถอะ หน้าแบบนี้ ปากแบบนี้มันก็ยังกินข้าวได้ จมูกมันก็ยังหายใจดีอยู่ ตามันก็อย่างนี้ก็มองเห็นชัดดี ก็ไม่ต้องทำอะไร”
หน้านี้มีหน้าเดียว เราต้องรักษาไว้ เดี๋ยวค่อยไปทำตอนแก่ ไม่ได้แอนตี้ว่าศัลยธรรม คือบางคนเขาทำสวยเขาก็ทำไป มันก็ดีแล้ว ที่เขามั่นใจ มันก็ดี เราก็มั่นใจของเราไป
คิดว่าหน้าแบบนี้มันโอเคแล้ว บางวันก็หน้ากลมบ้าง บางวันก็หน้าเรียว ทำไมต้องร้อยไหม ฉีดหน้าให้ผอม ต้องฉีดเติมตรงนี้ เติมตรงนั้น
ช่างมันเถอะ มันคือชีวิต คือเหตุการณ์ในชีวิตบนใบหน้า เราผ่านอะไรมา เรายิ้ม เราหัวเราะ สีหน้า อะไรมันออกมา ไม่ใช่แบบหัวเราะไม่ได้”
ขาว=สวย ใครกำหนด?
แน่นอนค่านิยมของผู้หญิงไทยต้องขาวถึงจะเรียกว่าสวย ซึ่งเธอยอมรับว่าช่วงแรกก็อยากผิวขาวใสเช่นกัน ถึงขั้นกลัวแดด ผวาแสงกระทบตัว ห่มผ้าในบ้าน ใส่หมวกบานเท่าร่ม โบ๊ะบีบี ทาครีมหน้าขาว!
“ตั้งแต่เด็กๆก็อยากขาว ก็ไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองดำแล้วสวย คือลึกๆเรามั่นใจตลอดเวลาอยู่แล้วว่าเราสวย เราเป็นคนมั่นใจ แต่ก็อยากขาวบ้าง ถ้าเปลี่ยนผิวได้เมื่อก่อนก็อยากเปลี่ยน ถ้าทำอะไรได้ก็อยากจะทำ
เราก็ทาจะครีมบีบี ทาปากสีแดง ให้เหมือนพวกเพื่อนๆ เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น พวกครีมที่ใช้กันดังๆ เราก็ไปหามา แล้วก็ทาครีมที่ทำให้หน้าขาว แล้วเราก็แพ้ หน้าขึ้นผื่นแดง ต้องไปหาหมอเลย
คือยังไงมันก็ไม่ขาว เคยกินกลูต้าฯ ที่เป็นซองๆมีบ้าง แต่พยายามแล้วมันก็ไม่ได้ขาวขึ้นไปเลย แดดก็ไม่ตากเลยนะ จะไม่มีเลยนะโดนแสงกระทบตัว ไม่ได้เลย แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ต่อให้แดดมันกระทบขนาดไหน ผิวเรามันก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง มันก็จะไม่ดำขึ้น ไม่ขาวไปกว่านี้ เพราะมันเป็นผิวเรา
คือเมื่อก่อนถ้าจะตากแดดจะต้องมีหมวก เสื้อคลุม ผ้าปิดหน้า ยิ่งใหญ่ หมวกใบเท่าร่ม ถุงเท้า ถุงมือ เพียบ พร้อมมาก แว่น คือใส่แบบหนามาก กลางวันถ้าอยู่ที่บ้าน ไม่ออกแดด แล้วก็ห่มผ้าห่ม ให้รู้สึกว่าผิวขาว คือกลางวันแบบนี้ก็ไม่ออกแดด จะห่มผ้าห่มไว้ คลุมไว้ แล้วมันก็จะมีความรู้สึกมันขาวขึ้น แต่จริงๆไม่ได้ขาวขึ้น มันแค่ความรู้สึก”
ทว่า ผู้หญิงสวยในมุมมองของเธอไม่ใช่ความขาว แต่คือคนที่มี “ความมั่นใจ” นั่นเอง
“คนที่กล้าที่จะดำเนินตามความคิดของตัวเอง คือผู้หญิงที่สวย ถ้าใครไม่มั่นใจก็สร้างได้ มันเริ่มจากความคิดของตัวเอง เปลี่ยนความคิดตัวเอง ฉันสวย มองกระจก สวย ฉันจะหยิบตัวนี้มาใส่ แค่นี้ ฉันชอบฉันก็จะใส่ แค่นี้ มันไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรซับซ้อน หุ่นไม่ดีเหรอ มันก็มีเสื้อผ้าที่พรางจุดบกพร่อง ถ้าเราไม่มั่นใจใส่ที่ปิดตรงนั้นก็ได้ เราต้องเชื่อตัวเองว่าเราสวย ถ้าเราไม่เชื่อว่าเราสวย แล้วใครจะมาเชื่อเรา”
มรสุมชีวิต ถูกโกง โดนฟ้องล้มละลาย
บางช่วงชีวิตอาจจะโดนคลื่นแรงซัดกระหน่ำ แต่ด้วยความมองบวกและจิตใจเข้มแข็ง จึงทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยการมองบวก
“แฟนเก่ากับเราเปิดกิจการด้วยกัน บริษัทเช่ารถ ซื้อรถ 20-30 คัน แล้วเขาก็ไม่จ่าย ก็โดนฟ้อง เพิ่งจะมีผลไม่นานมานี้เอง ธนาคารเพิ่งฟ้องเราได้ ตอนนี้เราก็ไม่มีบัญชี สมุดธนาคาร ทุกวันนี้ทำงานก็คือรับเงินสด
เราก็รู้สึกธรรมดา ไม่มีก็ดี เราจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้หรืออะไรที่ไหนได้ ก็ดี หลังจากนี้เราต้องซื้อสดอย่างเดียวเพราะมีประวัติที่ไม่ดีแล้ว ก็ไม่เป็นไร ก็คิดว่าถ้าเกิดจะเป็นแบบนี้ ก็เหมือนเราจะซื้ออะไรก็ต้องซื้อสดอย่างเดียวมันก็ดีกับเราด้วย เราไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องไปโดนอะไรเยอะๆ ได้ก็ได้เลย ซื้อก็ซื้อเลย ก็ดี”
มรสุมลูกใหญ่ยังไม่ผ่านพ้นดี ไม่นานนักเธอยังถูกโกง ปลอมลายเซ็นเพื่อขายบ้าน!
“ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่า ใครเป็นคนทำ แต่พอมาสืบๆ ตามเรื่องดีๆ อะไรดีๆแล้ว ก็คือแฟนเก่า เขามีส่วนร่วมกับพวกคนที่โกงด้วย เอาบ้านที่เป็นชื่อของเรา มีโฉนดครบถ้วนเอาไปปลอมลายเซ็นแล้วก็ขาย
เรื่องล้มละลายกับโดนโกงบ้านมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ไม่ค่อยช็อกเท่าไหร่ มันก็เหมือนโชคช่วยเราด้วย ถ้าเกิดเค้าฟ้องเราล้มละลายก่อนหน้านี้ บ้านก็โดนยึดไปเลยนะ ก็เหมือนกับขายบ้าน เหมือนโชคดีกับเราด้วย
ชอบโดนคนโกง เอาเดรสไปฝากเขาขาย ขายราคาขาดทุนให้ แบบซื้อมาสองพันกว่าบาท ขายขาดทุนให้ตัวละแปดร้อย ก็โกงไปหมดเลยสองหมื่นกว่าบาท คือจะทำอะไรก็มีแต่คนโกง
ก็จะมีแบบว่าเพื่อนๆให้กำลังใจ เออ มันเป็นเวรกรรม เราก็บอกว่า มันไม่ใช่เวรกรรม มันก็แค่คนเลว มันก็แค่คนคิดไม่ดีต่อคนอื่นเท่านั้น อย่ามาโทษตัวเองเลย ว่านี่มันเวรกรรมของเรา มันไม่ใช่
มันเป็นเพราะว่า ไอ้คนนี้มันเลว แค่จุดตรงนี้เอง ไม่ต้องมาโทษตัวเองว่าเราเป็นคนเลวมาก่อนเมื่อชาติภพไหน มันไม่ใช่ ก็แค่คนโกงเรามันเลว มันไม่ได้เกี่ยวกับชาติภพที่แล้ว คือเรายึดหลักความเป็นจริง”
สำหรับชีวิตครอบครัวของเธอนั้นสุดแฮปปี้ มีสามีชาวเยอรมัน ลูกชาย 5 ขวบ และลูกสาววัย 3 ปี ส่วนวิธีการเลี้ยงลูกของเธอนั้น ไม่สปอยล์ ให้ลูกรู้จักหน้าที่ตัวเองตั้งแต่เด็ก
“เราเลี้ยงลูกแบบไม่บังคับ ถ้าหิวก็กิน ไม่กินก็ไม่เป็นไร จะไม่มีแบบว่า วิ่งป้อนข้าวลูก ไม่เคยป้อนข้าวลูก ลูกจะเป็นคนขอว่าหิวข้าว เขาก็กินข้าว ถ้าถึงเวลากินข้าวแล้วไม่กินข้าว ก็ไม่ต้องกินวันนั้น ก็ปล่อยไปเลย ถึงเวลากินข้าวก็ต้องกินข้าวอะไรประมาณนี้ คือลูกจะต้องรู้หน้าที่ตัวเอง ว่าตอนนี้ต้องทำอะไร แปรงฟัน เขาจะเป็นแบบเรา รับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง 2 คนเลย”
สุดท้ายเธอทิ้งท้ายแง่คิดชีวิตให้ผู้หญิงทั้งหลายที่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย ไม่มั่นใจในตัวเอง พร้อมแนะ 4 ข้อที่ขาดไม่ได้เพื่อสิ่งที่ดีๆจะเข้ามาในชีวิต
“ใช้ชีวิตแบบเดินตามความคิดของตัวเอง มีความมั่นใจแบบสุดๆ สวยในแบบฉบับของตัวเอง รักและเคารพและให้เกียรติตัวเองมาก
เพราะไม่ว่าจะผิวสีไหนก็ไม่สำคัญ เพราะทุกคนมีเลือดสีเดียวกันทั้งนั้น"
สัมภาษณ์โดย ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ภาพ: ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก Malai Bamrungsi
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **