xs
xsm
sm
md
lg

“ลาวาโคลนศักดิ์สิทธิ์”!? ขอโชค-รักษาโรค-ดื่มกิน แลนด์มาร์กใหม่เมืองโคราช

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สารพัดความเชื่อ!ด้วยลาวาโคลนโคราชพบโคลนผุดหลายแห่งโผล่เป็นรู ไหลเป็นคลื่นแต่ชาวบ้านกลับแห่นำโคลนมารักษาโรค-พอกหน้า-ดื่มกินไม่แค่นั้นยังกราบไหว้เพื่อขอโชคเปิดใจผู้ใหญ่บ้าน ชี้ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่พร้อมชูเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอ


ชาวบ้านแห่ขอโชค!เชื่อสิ่งลี้ลับใต้“โคลนผุด”


ชาวบ้านประหลาดใจ!เมื่อพื้นที่ทำการเกษตรเกิดดินโคลนผุดกลางทุ่งนาบริเวณบ้านหนองกุงน้อยหมู่ที่ 10.โคกกระเบื้องอ.บ้านเหลื่อมจ.นครราชสีมาโดยมีโคลนผุดขึ้นมาจากรูหลายจุดโดยลักษณะของดินโคลนที่มีการผุดขึ้นมามีการกระเพื่อมเหมือนคลื่นน้ำและโคลนไหลขึ้นมามีลักษณะเป็นเนินดินนูนสูงประมาณ1 เมตร มีรูปทรงกลมเมื่อนำไม้ลงไปตรงกลางหลุมจะมีความลึกประมาณ5-6 เมตรบริเวณตรงกลางจะมีน้ำไหลผุดออกมาพร้อมกับดินเหนียวปนดินทราย


กระทั่งชาวบ้านต่างพากันเอาขวดน้ำกระติกน้ำแข็งมาใช้เป็นภาชนะสำหรับตักโคลนเพื่อนำไปใช้ดื่มกินเพราะเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยได้รวมถึงนำไปพอกหน้า พอกแขนและโคลนค่อนข้างมีเนื้อที่ละเอียดและไม่มีกลิ่น


ไม่เพียงแค่บ้านหนองกุงน้อยเท่านั้นที่เคยเกิดเหตุการณ์โคลนผุดแต่ยังมีบ้านหนอมตะนาซึ่งอยู่ใน ต.โคกกระเบื้องเช่นกันซึ่งมีโคลนผุดขึ้นมาจนไม่สามารถทำการเกษตรได้แต่ชาวบ้านกลับเชื่อว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติจึงนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้เพื่อขอโชคลาภ


ทั้งนี้ในวันที่ 15..คาดว่าจะมีการทำพิธีบวงสรวงและบายศรีสู่ขวัญรวมทั้งชาวบ้านได้มีการจ้างหมอลำกลอนมารำเพื่อแก้บนและชาวบ้านเชื่อว่าบริเวณโคลนผุดเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มีเจ้าเมืองบาดาลอาศัยอยู่


ด้าน ทรงกลดประเสริฐทรงนักธรณีวิทยาชำนาญการจากสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต2 กรมทรัพยากรธรณีหัวหน้าทีมงานวิจัยโคลนผุดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าดินผุดเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติของน้ำในชั้นใต้ผิวดินไหลทะลักเข้าไปทำปฏิกิริยาเคมีกับแร่ธาตุในชั้นดินเหนียวจนทำให้เกิดแรงดันผ่านรอยแยกผสมกับดินในชั้นต่างๆจนเกิดเป็นโคลนผุดขึ้นมาซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนใต้พิภพแต่อย่างใด


ส่วนทางหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอบ้านเหลื่อมเองก็ออกมาเตือนหากประชาชนนำโคลนไปพอกตัวหรือดื่มกิน ก็อาจจะเสี่ยงให้เกิดโรคทางผิวหนังโรคฉี่หนู ได้ เพราะความเป็นกรดด่างของเนื้อดินที่สามารถทำให้เกิดเชื้อโรคแก่ร่างกายได้



หลังจากมีกระแสโคลนผุดสังคมโซเชียลฯก็แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจนชาวบ้านเชื่อถึงสิ่งลี้ลับทั้งนำโคลนไปดื่มกินและพอกตัวนั้น มองว่าเป็นเรื่องงมงายมากกว่าทั้งยังเสี่ยงจะเกิดโรคต่างๆตามมามากกว่า



เอาอะไรมาคิดว่ามันศักดิ์สิทธ์”
เห็นอะไรผุดจากดินก็ศักดิ์สิทธิ์หมดสาธุ 69
งมงายอะไรกันขนาดนั้นอะไรถูกอะไรผิดแยกแยะกันไม่ออกเลยหรือไงคนไทยน่าสงสารเด้อใครเป็นลูกเป็นหลานควรโทรบอกผู้สูงอายุว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามากินมาทา ถ้ามันกินแล้วหายเขาจะมีหมอไว้ทำอะไรครับ”


“หน้าใส-รักษาโรค”ลาวาโคลนปลอดภัย!?
เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับโคลนผุดจนทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเรื่องศักดิ์สิทธ์ทีมข่าว MGRLive จึงติดต่อไปยัง จอมพลวอนอก ผู้ใหญ่บ้านหนองกุงน้อยซึ่งคอยดูแลพื้นที่บริเวณที่เกิดโคลนผุดและพื้นที่ดังกล่าวเมื่อ10ปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนโดยที่เมื่อก่อนจะไหลออกเป็นทรายกับน้ำขึ้นมาแต่ในปีนี้กลับเป็นโคลนพุ่งขึ้นมา


บริเวณที่ผุดก็มีประมาณ20 กว่าจุดครับเพราะผมมองดูแล้วรอบๆบริเวณมันก็คงจะเกิดไปเรื่อยๆมันทยอยขึ้นมาครับบางครั้งก็ขึ้นด้านทิศใต้2 จุดบางครั้งก็ขึ้นด้านทิศเหนือ2 จุดมันจะผลัดกันอยู่ตลอดแต่เดี๋ยวนี้มันก็ลดๆ ไปบ้างส่วนความลึกของโคลนทดลองด้วยการเอาไม้ไผ่1 ลำประมาณ 7-8เมตร ลงไปก็ไม่ถึงจุดสิ้นสุดครับไม้ไผ่ทั้งลำเลยเราทดลองดูอยู่เอาลงไปมันก็ไม่ถึงพื้นข้างล่างและกรมทรัพยากรธรณีเขาบอกว่าลึกมากเพราะว่าโคลนตรงนี้เวลามันขึ้นมามันก็จะเย็นครับ


สำหรับที่เกิดเป็นโคลนออกมาเลยมันก็ประมาณ1 เดือนครับตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นก็เป็นของพี่สาวผมกับหลานสาวผมแล้วก็มีญาติกันด้วยนิดหน่อยรู้สึกว่าบริเวณที่มีโคลนผุดจะประมาณ20 กว่าไร่ที่เราไม่ได้ทำนาเลยเพราะว่าเราก็ไม่กล้าเอารถมาไถมาทำเนอะ กลัวมันยุบลงเราก็ปล่อยไว้อย่างนี้เลยเพราะว่าพื้นที่ตรงนี้เราไม่สามารถทำนาได้และเมื่อก่อนเราใช้ทำมาหากินตอนนี้ก็ทำมาหากินไม่ได้เนอะมันก็กระทบอยู่”



เมื่อพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่สามารถที่จะทำการเกษตรได้ทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้ชี้แจ้งว่าพื้นที่ตรงนี้ก็คงจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติให้พี่น้องประชาชนมาศึกษาดูธรรมชาติต่อไป


ผมก็ประสานกับพัฒนาชุมชนแล้วก็หัวหน้าการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่พอดีผมก็ได้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวotop นวัตวิถีอยู่ครับคือปกติผมทำเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพราะผมมีพี่น้องหลายๆคนเขาทำสวนทฤษฎีใหม่ก็จะมีมะม่วงฝรั่ง ละมุด พุทราผลไม้ที่เป็นหน้าเป็นตาของอำเภอบ้านเหลื่อมอะไรอย่างนี้ก็พัฒนากันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวครับ


นอกจากนี้ผมก็ทำรั้วและเราจะมีเจ้าหน้าที่พาพี่น้องไปดูอยู่ตลอดครับแล้วก็มีทีมงานดูแลให้อยู่ตลอดครับผมนักท่องเที่ยวรู้สึกว่ามาเยอะเลยวันหนึ่งก็ประมาณ 300กว่าคนที่เข้ามาส่วนวันนี้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำเขาบอกว่าประมาณ400 กว่าคนซึ่งเขาบอกว่าเขาอยากมาดูธรรมชาติเกิดมาเขาก็ไม่เคยเห็นก็มีหลายจังหวัดที่เข้ามาดูกันมีทั้งคนขอนแก่น อุตรดิตถ์โคราช ชัยภูมิ สระบุรี ฯลฯ”


ส่วนจะมีการกำหนดไหมว่านักท่องเที่ยงนั้นสามารถเข้ามาชมปรากฏการณืโคลนผุดได้วันไหนบ้างทางผู้ใหญ่บ้านก็ชี้แจ้งว่าเรายังไม่สามารถกำหนดวันได้เพราะพี่น้องประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องหากกำหนดวันไปแล้วบางคนมาถึงแต่ไม่ได้เข้ามาดูก็จะรู้สึกเสียอารมณ์เราจึงเปิดให้ประชาชนชมอยู่ตลอดและก็มีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานมาคอยดูแลเช่น ทรัพยากรน้ำบาดาลพัฒนาที่ดินมาคอยให้ความรู้มาแนะนำและให้ความปลอดภัยแก่ประชาชน

“เหตุการณ์นี้ผมก็คิดว่ามันเกิดขึ้นมาจากปรากฎการณ์ธรรมชาติของเขาเองเพราะว่าที่กรมทรัพยากรธรณีก็มาดูและเจ้าหน้าที่กำลังนำโคลนไปพิสูจน์เขาก็บอกว่าพื้นดินโคลนมันอยู่ชั้นที่3 ครับมันจะมีดินทรายด้านบนดินเหนียวด้านล่างแล้วก็ดินโคลนอยู่ด้านล่างเพราะมันมีน้ำเยอะส่วนของดินเหนียวเรามันบางเลยดันขึ้นมาได้”

สุดท้ายเมื่อถามถึงความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทางผู้ใหญ่บ้านเองก็มองว่าเป็นความเชื่อของแต่ละคนและไม่ได้มีแนวคิดที่จะต้องแนะนำให้ประชาชนนำโคลนผุดไปใช้พอกตัวเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายได้

สิ่งลี้ลับเนอะอันนี้ไม่เชื่อเราก็อย่าลบหลู่มันมีกรณีพี่น้องบางคนเอาโคลนไปพอกเราก็ไม่อยากให้ทำอันนั้นเป็นความเชื่อของเขาครับผมก็ไม่รู้ เราก็ไม่แนะนำอยู่แล้วเพราะเอาไปทา กลัวจะเกิดอันตรายสาธารณสุขก็ออกมาเตือนไม่อยากให้เอาไปพอกตัวเอาน้ำไปดื่ม

สรุปเลยคือไม่อยากให้พี่น้องเวลามาเที่ยวแล้วเอาโคลนหรืออะไรไปพอกตัวกลัวมันเกิดอันตรายเราไม่รู้ว่ามันจะมีสารพิษพวกแก๊สอะไรเราก็ไม่รู้ก็อยากฝากว่าอย่าเอาโคลนไปพอกหน้าหรือไปดื่มเราก็บอกอยู่ตลอดแต่พี่น้องเขาก็ยังเอาโคลนไปก็ความเชื่อของพี่น้องเราก็คงห้ามไม่ได้มากครับ”

ขอบคุณภาพบางส่วน: เฟซบุ๊กMon MaliwanPinnok




 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น