xs
xsm
sm
md
lg

ล้านพลังศรัทธา “หลวงพ่อคูณ” ส่ง “อริยสงฆ์แห่งที่ราบสูง” สู่กระแสพระนิพพาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พลังแห่งศรัทธา! คลื่นสาธุชนนับแสนมุ่งหน้าสู่ขอนแก่น ร่วมเป็นหนึ่งในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารครูใหญ่หลวงพ่อคูณ บน “เมรุลอยนกหัสดีลิงค์” ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เพื่อส่งดวงวิญญาณ “อริยสงฆ์แห่งที่ราบสูง” สู่กระแสพระนิพพาน

“เมรุลอยนกหัสดีลิงค์” เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ของไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับงานพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษ พระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ) พระเกจิที่มีความเมตตาต่อชาวอีสานและชาวไทยเป็นอย่างมาก

ญาติโยมในเครื่องแต่งกายสุภาพสีขาวและดำ พร้อมใจกันเดินทางมา ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวง พระอารามหลวง บริเวณด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 22 - 28 ม.ค. 62 เพื่อวางดอกไม้จันทน์ และเข้ากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณอย่างไม่ขาดสาย มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในแต่ละวันมีจำนวนประชาชนเดินทางมาไม่ต่ำกว่าวันละ 100,000 คน




แม้ตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณที่ได้มีการนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ จะระบุไว้ชัดเจนถึงการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลว่า “เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศและพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ”

แต่ด้วยแรงศรัทธาของลูกศิษย์ลูกหาที่มีต่อตัวท่านที่อยากจัดการให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ประกอบกับพิธีกรรมโบราณ ตามความเชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ไทย ที่เมื่อมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนมรณภาพแล้ว มักทำพิธีฌาปนกิจ โดยการสร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก ซึ่งมีความเชื่อว่า นกหัสดีลิงค์จะนำดวงวิญญาณของผู้วายชนม์ไปสู่สรวงสวรรค์ และจะต้องถูกฆ่าโดยนางสีดา



ในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในการสร้างเมรุลอยนั้น ได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่ากว่า 83 ล้านบาท เฉพาะตัวนกใช้งบราว 13 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ใช้มาจากมูลนิธิหลวงพ่อคูณ และมีบางส่วนจากคณะแพทย์ศาสตร์สำรองออกไปก่อน ส่วนใหญ่ใช้ในค่าวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างชิ้นส่วนตัวนก และสร้างสัตว์ป่าหิมพานต์อีกหลายสิบตัว

ด้าน ดร.ยุทธพงษ์ มากวิเศษ หรือ อ.ท็อป อาจารย์ประจำภาควิชาวัฒนธรรม ศิลปกรรมและการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น ในฐานะครูช่างสร้างนกหัสดีลิงค์ ให้ข้อมูลว่า นกหัสดีลิงค์เทินบุษบกตัวนี้ สูง 22 เมตร ฐานกว้าง 8 เมตร ออกแบบสร้างตามความเชื่อการบูชาทิศที่ 8 และมรรค 8 ส่วนฐานของนกหัสดีลิงค์จะประกอบไปด้วยนาคที่มีความยาว 5 เมตร 12 ตน และสัตว์หิมพานต์ 32 ตน จำลองสร้างสระอโนดาตไว้ด้วย เพื่อจะสื่อถึงสวรรค์ หรือเขา พระสุเมรุตามความเชื่อโบราณ มีกลไกขยับปีกได้



ตัวนกหัสดีลิงค์ต้องเป็นสีขาว สื่อถึงความเรียบง่าย สมเกียรติ ความบริสุทธิ์ เว้นแต่ส่วนบนยอดฉัตรนกหัสดีลิงค์จะเป็นสีทอง ถือได้ว่านกหัสดีลิงค์เทินบุษบกตัวนี้ เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างในงานถวายเพลิงพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในประเทศไทย

สำหรับกำหนดการพิธีพระราชทานเพลิงสรีรสังขารพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) จะมีขึ้นในวันที่ 29 มกราคม 2562 เวลา 22.15 น. ณ บริเวณพุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น และในเช้าวันรุ่งขึ้น จะมีการนำอัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ไปลอยอังคาร ณ แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่ได้มีการระบุไว้ในพินัยกรรม



อย่างไรก็ตาม สถานที่สร้างเมรุลอยชั่วคราว เมื่อเสร็จพิธีแล้ว จะถูกปรับสร้างเป็นอนุสรณ์สถานครอบไว้ ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะมีการนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของครูใหญ่หลวงพ่อคูณมาเก็บไว้ รวมไปถึง “ไม้เคาะหัว” จาก พระครูสถิตย์วราภรณ์ วัดสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นพระลูกศิษย์หลวงพ่อคูณ ได้นำ “ไม้เคาะหัว” ที่เคยได้จากหลวงพ่อคูณ มามอบให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจะถูกนำมาเก็บไว้ยังอนุสรณ์สถานแห่งนี้เช่นกัน เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อ และให้ศิษยานุศิษย์ได้แวะเวียนมากราบสักการะต่อไป

เปิดขนบโบราณ “นางสีดาฆ่านกหัสดีลิงค์”

อีกเรื่องหนึ่งถูกพูดถึงอย่างมาก ในพิธีพระราชทานเพลิงสรีรสังขารหลวงพ่อคูณที่จะมีขึ้นนั้น ก็คือ “เมรุลอยนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก” ที่จะใช้สำหรับพิธีถวายเพลิงพระเกจิชั้นผู้ใหญ่หรือผู้ที่สมณศักดิ์เป็นเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น ทีมข่าว MGR Live จึงใช้โอกาสนี้ ย้อนพิธีกรรมโบราณ “นางสีดาฆ่านกหัสดีลิงค์”

ตามประวัติศาสตร์ล้านนาที่เล่าขานต่อกันมา กล่าวถึง นกหัสดีลิงค์ ไว้ว่า เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ รูปร่างเป็นนกขนาดใหญ่ มีหัวเป็นช้าง มีหางเป็นหงส์ มีพละกำลังประดุจช้างเอราวัณหลายเชือก และเป็นสัตว์คู่บารมีของเจ้าเมืองผู้มีบารมี เมื่อหลายพันปีก่อน ในนครตักกศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครสวรรคต ตามธรรมเนียมต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวงเพื่อถวายพระเพลิง พระมหาเทวีจึงจัดการพระศพตามโบราณประเพณี



ขณะนั้นมีนกหัสดีลิงค์ ซึ่งกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารได้เห็นพระศพคิดว่าเป็นอาหาร จึงบินโฉบลงมาเอาพระศพ เมื่อพระมหาเทวีเห็นเช่นนั้น ก็ประกาศให้คนต่อสู้กับนกหัสดีลิงค์เพื่อเอาพระศพคืนมา หลายคนอาสาต่อสู้นกหัสดีลิงค์ แต่ก็สู้ไม่ได้ จึงถูกนกหัสดีลิงค์จับกิน

แต่แล้ว ”สีดา” ธิดาแห่งพญาตักกศิลาก็เข้ารับอาสาสู้นกนั้น นางได้ใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์จนสิ้นชีพ และตกลงมาพร้อมพระศพแห่งกษัตริย์องค์นั้น พระมหาเทวีจึงสั่งให้ช่างทำเมรุคือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนหลังนกหัสดีลิงค์ และถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน


เมทินี หวานอารมณ์ ผู้สืบเชื้อสายนางสีดา รุ่นที่ 6

ธรรมเนียมการฆ่านกหัสดีลิงค์ครั้งแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อราวปี 2324 โดยผู้ทำพิธีคือ ญาแม่นางงัว รุ่นที่ 2 คือ ญาแม่สุกัญ ปราบภัย (บุตรีญาแม่นางงัว) 3. ญาแม่มณีจันทร์ ผ่องสิลป์ (บุตรีญาแม่สุกัญ) 4. คุณยายสมวาสนา รัศมี (บุตรีญาแม่มณีจันทร์) 5.คุณยายประทิน วันทาพงษ์ (บุตรีญาแม่มณีจันทร์ พี่สาวคุณยายสมวาสนา)

และรุ่นที่ 6 ที่จะเข้าร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงพ่อคูณครั้งนี้คือ เมทินี หวานอารมณ์ (หลานคุณยายประทิน) อายุ 45 ปี นักวิชาการทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 3 เพราะการสืบทอดเชื้อสายนางสีดา จะสืบทอดผ่านแม่สู่ลูกสาวและหลานสาว และปัจจุบันผู้ทำหน้าที่นางสีดาที่สืบทอดพิธีกรรมนี้ มีเพียงตระกูลเดียวใน จ.อุบลราชธานี คือตระกูลปราบภัย

สังขารไม่อยู่ แต่ความดียังอยู่

สำหรับ “หลวงพ่อคูณ” หรือในอีกหลายชื่อต่างๆ ที่ลูกศิษย์ยกย่อง ไม่ว่าจะเป็น “เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด” , “เทพเจ้าแห่งที่ราบสูง” , “นักบุญแห่งที่ราบสูง” , “ปราชญ์แห่งที่ราบสูง” , “อริยสงฆ์แห่งที่ราบสูง” ฯลฯ ไม่ว่าผู้คนจะเรียกขานด้วยนามใดก็ตาม สิ่งที่ทำให้ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ พระสงฆ์ที่ไม่ได้มีอำนาจวิเศษแต่อย่างใดรูปนี้ มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ นั่นก็เพราะทานบารมีที่ท่านได้สร้างไว้ให้ตั้งแต่ที่ยังมีชีวิต จนกระทั่งละสังขารไป



สิ่งที่ทำให้ญาติโยมจดจำได้ นอกจากท่านั่งยองๆ และถือไม้เคาะหัวอันเป็นเอกลักษณ์ ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือคุณงามความดีที่ท่านได้มอบไว้ การเปิดเผยจากคนใกล้ชิด ระบุว่า หลวงพ่อคูณนำเงินที่ญาติโยมมาถวายมาทำบุญไปบริจาคสร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น สร้างวัด , สร้างโรงเรียน , สร้างโรงพยาบาล , พัฒนาแหล่งน้ำชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านด่านขุนทดได้มีน้ำใช้ทำการเกษตร และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณ ยังได้บริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือสาธารณสุขต่างๆ แต่ละเดือนเป็นเงินหลายแสนบาท หากประเมินยอดบริจาค ทั้งที่มีการจดบันทึกและไม่ได้จดบันทึกเป็นหลักฐาน พระเกจิดังรูปนี้ได้บริจาคเงินสร้างสาธารณประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาทแล้ว



และก่อนที่หลวงพ่อคูณจะละสังขารด้วยวัย 92 ปี ในปี 2558 ท่านก็ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2543 ถึงการบริจาคร่างกายเป็นครูใหญ่ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยของแก่น เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์สืบต่อไป

อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ญาติโยมระลึกถึงท่านอยู่เสมอ คือ คำสอน หรือ คำคม ตามสไตล์ของหลวงพ่อคูณ ที่ท่านมักจะใช้ถ้อยคำที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย เป็นสัจธรรม จำนวน 10 ข้อ ตามบรรทัดต่อจากนี้

1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้
2. กูให้พวกมึง รู้จักพอเพียง
3. กูทำดี เขาจึงให้ของดีกูมา
4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ
5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวย ป่านนี้ คำว่าบุญ ก็ไม่รู้จักกัน
6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน
7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง
8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน
9. เกิดมาแล้ว…รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น
10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท



คำสอนของ “อริยสงฆ์แห่งที่ราบสูง” ที่กล่าวไปนั้น ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกเหตุการณ์ และแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้วกว่า 3 ปี แต่ความดีและคำสอนที่ท่านได้มอบไว้ ก็ยังอยู่ในใจของลูกศิษย์ตราบนานเท่านาน ...



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น