“อยากรวย ก็ต้องรู้จักวิธีการลงทุน” ล้วงชีวิตสุดเจ๋ง! “กาละแมร์-พัชรศรี” จากพิธีกรสุดแกร่ง สู่นักธุรกิจ 2019 ที่ใครๆ ไม่เคยรู้ว่า เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์คอนโดฯ กลางเมืองหลัก 10 ล้านบาท มาแล้วร่วม 10 ปี รวมทั้งเปิดมุมมองการวางแผนชีวิตตัวเธอเองที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ และบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้จะทำให้เห็นมิติตัวตนเธอ ในมุมที่หลายคนไม่เคยรู้จักมาก่อน
อยากรวย ต้องรู้จักลงทุน!
“คอนโดฯ ขายมานานแล้ว อยากรวย ก็ต้องรู้จักวิธีการลงทุน เอาจริงๆ คือมันเป็นวิถีหรือไลฟ์ไตล์ของคนที่อยากให้ชีวิตไปในทิศทางนั้น คือมันเป็นความสนใจ เราเริ่มใช้ไลฟ์สไตล์แบบนี้ตั้งแต่เราหาเงินได้ก้อนแรก เรียนปี 1 เราก็รู้จักแล้วว่าเราต้องออมเงินยังไง เราต้องทำยังไงให้มันต้องงอกเงย”
หญิงรูปร่างดี ชุดสูทสีขาว กับท่าทีที่มั่นใจ ที่นั่งอยู่ข้างหน้าผู้สัมภาษณ์คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน “กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” พิธีกรมากความสามารถในวัย 42 ปี ที่นอกจากจะหันมาทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเต็มตัวแล้วนั้น ใครจะรู้ล่ะว่า เธอยังเป็นผู้ที่สนใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ และเป็นนักลงทุนชั้นเยี่ยม กว้านซื้อคอนโดฯ มาแล้วกว่า 10 ปี
ทีมข่าว MGR Live ไม่รอช้าได้มีโอกาสคว้าตัวเธอมาสนทนาด้วย และการได้พูดคุยกับพิธีกรสาวในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นมุมมองทัศนคติ การวางแผนระเบียบในชีวิต รวมถึงเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าตัวตนของเธอล้มลุกคลุกคลานมาขนาดไหนกว่าจะเป็นผู้หญิงสุดสตรองได้จนถึงทุกวันนี้ และบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้จะทำให้รู้จักเธอมากยิ่งขึ้น
ด้วยการตั้งปฏิธานเอาไว้ว่าจะเลิกทำงานในวัย 40 ปี ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ได้เกิดแรงบันดาลใจที่จะกล้าเป็นนักลงทุน และมีจุดโฟกัสชัดเจน เพราะคิดไว้วันนี้ต้องดีกว่าเก่า ชีวิตต้องดี จึงเป็นจุดที่ทำให้เธอกลายเป็นนักวางแผนชีวิตตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
[ตัวอย่างห้องคอนโดฯ วิวหลักสิบล้านที่เธอลงทุน]
“มีเงินแล้วต้องเก็บเลยค่ะ ไม่ใช่มีแล้วใช้ค่ะ คือคนเรามันชอบคิดผิดไง ชอบแบบว่าใช้เท่าไหร่เหลือแล้วค่อยเก็บ แบบนี้ไม่มีเก็บ เหมือนการออกกำลังกาย ที่บอกว่ามีเวลาแล้วค่อยออก คุณก็ไม่ออกอ่ะค่ะ แต่ถ้าเราอยากจะรวย และอยากจะสวยมันต้องมีวินัย คือเราต้องมีเป้าหมายไง คุณอยากมีหุ่นดีใช่ไหม อยากหุ่นแบบใครคุณตั้งเป้าหมาย คุณอยากรวยใช่ไหม คุณรวยเท่าไหน คุณอยากมีเงินเท่าไหร่ คุณก็ต้องตั้งเป้าหมาย
ตราบใดที่เราไม่บรรลุเป้าหมายนั้น เราจะไม่ออกจากเป้าหมายเด็ดขาด เราจะมีโฟกัสที่จะทำมัน แรกๆ เราอยากจะมีเงินในบัญชี 10 ล้านบาทจังเลย เป็นยังไงนะ อยากจะอัปแล้วเห็นภาพเลย อัปแล้วมันขึ้น 10 ล้านอย่างนี้ แล้วทำไงดีล่ะ หาเงินมากขึ้น หาเงินหลายช่องทางมากขึ้น ขยันและดูตัวเองว่าเก่งอะไรนึกออกไหม ไม่เบียดเบียนใคร ทำอาชีพสุจริต ไม่เหยียบหัวใคร ไม่แทงข้างหลังเพื่อน ใช้ความสามารถเราล้วนๆ ขยัน แล้วเก็บออม รู้จักการลงทุน
อย่างที่บอกเริ่มจากที่เขามีอะไร LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) เราก็ซื้อ หักภาษีได้ ออมเงินได้ รู้จักลงทุนในตลาดหุ้น ก็ศึกษาไปเรื่อยๆ เราก็ดูตามค่ะ ใครรวยเราก็ดูวิถีเขาแหล่ะ ก็ง่ายๆ ถ้าเราทำไม่เป็นเราก็ดู คนนี้รวยเขาใช้ยังไง ประวัติเขาก็เข้าไปดูสิ บิล เกตส์ เขาทำอย่างนี้นะ คนรวยๆ ระดับโลก เขาต้องยังไง ซื้ออสังหาริมทรัพย์นู่นนี่นั้น”
การเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์คอนโดฯ สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นหลักว่าเหมาะแก่การนำไปลงทุนหรือไม่นั้น วิธีดูคือเริ่มจากความชอบ ต่อมาคือดูว่า Developer (ผู้พัฒนา) เป็นโครงการของใคร และทำเลที่ตั้งอยู่ตรงไหน ซึ่งส่วนใหญ่คอนโดฯ ที่เธอเลือกซื้อจะติดรถไฟฟ้า
“พอเข้าช่อง 3 ได้ ได้เงินเดือนมา 8,000 บาทมันจะไปพออะไรก็ต้องหาเงินอย่างอื่นไหม เราทำอะไรได้ หาเงินหลายช่องทางสิ เหมือนอย่างทุกวันนี้คือคุณต้องรู้ไงว่าคุณเก่งอะไรบ้าง เป็นพิธีกรได้ คุณใช้เสียงได้ คุณ Live ได้ คุณทำ Product ออกมาคุณก็สนุก คุณทำอะไรเก่งอีกล่ะ นึกออกไหม คุณก็ต้องรู้ไง แล้วคุณหาเงินมาจากหลายๆ ช่องทาง นี่คือ 1 วิถีที่คนมันจะรวย
คือเรื่องแบบนี้มันต้องศึกษาไง แล้วทำไงอีกในการที่จะทำให้เงินมันงอกเงย วิถีคนรวยคือ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ มันไม่เคยตกอยู่แล้ว ซื้อขายบ้านมันกำไรอยู่แล้ว เพราะสัดส่วนประชากรมากขึ้น พื้นที่เท่าเดิม คนดีมานด์มากขึ้น มันก็อย่างนั้นอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องการซื้อขายคอนโดฯ ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว
เริ่มมีเงินก้อนที่จะซื้อคอนโดฯ เราก็หลอกตัวเองว่า เอาเงินไปลงทุนในการซื้อคอนโดฯ แล้วบอกว่าไม่มีตังค์ล่ะ ไม่มีตังค์แล้วทำไงต่อขยันสิคะ ก็ไปหาอีก ไม่งั้นคนเราจะแบบโอเคแล้วเรามีอันนี้ ถ้าเราแบบมีปุ๊บแล้วก็ใช้ ...เฮ้ย!จากที่ตอนนั้น 5 ล้านเราเอาไปดาวน์คอนโดฯ ซื้อคอนโดฯ ตอนนี้งอกเงยแล้ว เพราะฉะนั้นต้องรู้จักตัวเองว่าถ้ามีเงินกำไว้ในมือ เดี๋ยวคิดแล้ว เดี๋ยวเราซื้ออะไรดี เดี๋ยวเราก็เละเทะ เพราะฉะนั้นทำไง ลงทุนหุ้น ,ทอง , คอนโดฯ ,ซื้อกองทุน คือกระจายความเสี่ยง นี่คือวิธีของการเก็บเงิน เอาเงินไปให้มันงอกเงยมากขึ้น”
อย่างไรก็ดี นอกจากเป็นนักลงทุนที่ต้องศึกษาให้เข้าใจแล้ว ความฉลาด และการตั้งเป้าหมายในชีวิต การบริหารดูแลเงินโดยไม่ประมาทก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
“คุณต้องหาอะไรรองรับไหม อะไรที่แน่นอนบางทีก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาเงินหลายวิธี หลายๆ ทาง พอหาเงินได้ แล้วทำไงต่อฉลาดเก็บสิ ก็ไม่ใช่มาถึงใช้ๆ ซื้อผ่อน 0 % เอากันใหญ่เลย รูดบัตรเครดิตโดยไม่รู้ว่าอนาคตมีจ่ายหรือเปล่า คุณก็ต้องบาลานซ์ความอยากความต้องการของตัวคุณเองกับรายได้ของตัวคุณเอง
เมื่อก่อนเราไม่มีเงิน เราก็ไม่ซื้อนะแบรนด์เนม คืออยู่อย่างเสือ อดอย่างเสือ ไม่ใช้ของปลอม ไม่ใช้แบบก๊อบเกรดเออะไรไม่เอามันอายตัวเอง ใครไม่รู้เรารู้ศักดิ์ศรีเรามี ไม่มีเราไม่ใช้ เรารอใช้ตอนที่เรามีดีกว่าไหม ซื้อรถไปเลยซื้อเงินสด ซื้อบ้านผ่อนได้ดอกเบี้ยเอาไปหักภาษี อะไรก็ว่ากันไป”
วิถี Healthy ทำเพราะรักตัวเอง ไม่ใช่สร้างกระแส!
จากคนที่ตั้งกฎเหล็กจะกินของอร่อยทุกอย่างบนโลกใบนี้ ลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตด้วยการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างจริงจัง เมื่อไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลพบมีความดันในเลือด ไขมัน และน้ำตาลสูง เสี่ยงเป็นโรค ด้วยความกลัวทำให้เธอกลับมาบ้านจัดระบบชีวิตเปลี่ยนแปลงตัวเธอเองใหม่ ตั้งแต่ทำอาหารคลีน ออกกำลังกายอย่างมีวินัย จัดสรรเวลาในชีวิตให้สมดุลขึ้น จนกลายเป็นไอดอลของคนที่รักสุขภาพจำนวนมาก
“แมร์ไม่อยากให้วิถี Healthy นี้มันเป็นแค่กระแส มันต้องอยู่ตลอดไป และเอาจริงๆ นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องทำ มันเป็นหน้าที่ของคุณ คือคุณอย่ายกภาระตัวเองให้กับหมอ หมอต้องเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต่อกี่คนต้องดูแล แล้วหมอไม่ต้องดูแลตัวเองเหรอ หมอไม่ต้องดูแลภรรยาหมอ สามีหมอ ลูกหมอ พ่อแม่หมอ ญาติโกโหติกาหมอเหรอ เขาก็ต้องมีคนที่เขาดูแล
และที่สำคัญเขาก็ไม่สามารถที่จะดูแลเราตลอด 24 ชม.ถูกไหม คุณไม่สบาย หรือจะต้องไปรักษา คุณก็ไปเจอเขา 1 ชม. อย่างมากสุด 2 ชม. แล้วที่เหลืออีก 20 ชม.ล่ะ เขาไม่สามารถจะไปตามติดชีวิตคุณได้ กินอะไรออกกำลังกายหรือยัง นอนกี่ชม. เครียดหรือเปล่า...”
“เรามีหน้าที่ ที่ต้องดูแลตัวเองสิ” เธอกล่าวและย้ำว่า ไม่ควรยกภาระร่างกายให้หมอ ร่างกายเป็นของเราต้องรักษาให้ดี เวลากินอะไรเข้าไปต้องคิดด้วยว่าส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกาย บ้างไหม คิดก่อนจะกินมากขึ้น
“แล้วทำไมคุณไม่ดูแลตัวเองล่ะ ทั้งที่กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง คุณก็รู้ตัวของตัวคุณอยู่ว่าหยิบอะไรเข้าปาก ก็ต้องคิดสักนิดไหมว่ากินเข้าไปแล้วส่งผลอะไร คิดก่อนจะกินมากขึ้น คือไม่ใช่กินด้วยอารมณ์ คือบางคนอ่ะ เราต้องฉลอง เราแบบได้รางวัลชีวิต เดี๋ยวๆ นั้นเราให้รางวัล หรือให้โทษ คิดให้ดี บางทีแบบ เอ้า!ชน กินเต็มที่ เงินเดือนออกทำงานหนักมาเครียด เต็มที่ เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ที่กินไปทั้งหมดมันคือรางวัลแน่เหรอ หรือต้องไปหาหมอเพิ่ม หรือว่าที่อุตส่าห์ลดมาตลอด 1 เดือน อ้าวมาพินาศกันอย่างนี้เหรอ เพราะฉะนั้นคิดก่อนกินมากขึ้น 2. คือคุณต้องเอาจริงว่ะ คือคนจะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จอ่ะมันต่างกันตรงนี้ คุณเอาจริงปะล่ะ
ใครก็พูดได้ เปิดมาปีใหม่ New Year's resolution (มติปีใหม่) 1.ฉันต้องผอม เชื่อไหม 1 ใน 3 ของทุกคน ฉันจะต้องผอม ฉันต้องมีสุขภาพดี ฉันจะนอนเร็วขึ้น ฉันจะไม่เครียด ทำยังอ่ะ
ใครพูดก็ได้ แต่คนจะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จมันอยู่ที่ว่า ใครเอาจริง เอาจริงปะล่ะ เก่งไม่กลัวกลัวไม่เอาจริง เอาจริงๆ นะกลัวนะคนจริงอ่ะ ถ้าคนจริง มันทำจริงไง ทำจริงแล้วได้อะไร ได้กับตัวเองไง
[อาหารสุขภาพฝีมือหญิงแกร่ง]
คือถ้าคุณบอกว่าคุณเอาจริงคุณต้องล็อกเวลาออกกำลังกายกี่โมงถึงกี่โมง คุณต้องอย่างนี้เลย คุณจะทำอันนี้กี่โมงถึงกี่โมง เอามันใส่เข้าไปในตารางของชีวิตคุณ สัปดาห์หนึ่งคุณจะออกกำลังกายกี่วัน คุณจะเล่นอะไรบ้าง วันนี้คุณจะวิ่ง วันนี้คุณจะเดิน วันนี้คุณจะเต้น วันนี้คุณจะยกเวท วันนี้คุณจะโยคะ พิลาทิส คุณจะทำอะไรคุณต้องมี อย่างนี้คุณจะสำเร็จ พอมันทำไปเรื่อยๆ ให้มันเป็นนิสัยคราวนี้มันจะเริ่มเป็นไลฟ์สไตล์คุณแล้ว มันจะเป็นอัตโนมัติ มันจะอยู่เข้าไปในระบบชีวิตคุณเลยว่า เหมือนกับว่าเราตื่นขึ้นมาเราต้องแปลงฟันอาบน้ำ คุณต้องออกกำลังกาย”
ไม่จำเป็นต้องกินแบบ Healthy ตลอด แต่ต้องรู้ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไป หลังจากกินเสร็จแล้วสามารถเอาไปทำอะไรได้ต่อบ้าง กาละแมร์บอกเคล็ดลับกินอย่างไรให้ดีสุขภาพผ่านน้ำเสียงที่จริงจัง ว่าการเข้ามาอยู่ในวงการคนรักสุขภาพไม่ใช่เรื่องที่ง่าย คนอาจจะไม่เชื่อ แต่เธอเลือกที่จะเป็นหนูทดลอง ทำให้คนดูว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
“บางทีเราก็อยากกินไก่ทอด เราชอบก็ยังกินอยู่ หมูปิ้งก็ยังกิน แต่นานๆ กินที แล้วกินต้องรู้ด้วยว่า หลังจากกินเสร็จแล้วอ่ะไปทำอะไรต่อ คือกินให้ศึกษาว่าอ๋อถ้ากินสิ่งนี้พลังงานสูง เดี๋ยวเราต้องออกกำลังกาย กินอันนี้ต้องออกกำลังกายอะไร กินอันนี้เดี๋ยวใช้พลังงาน เดี๋ยวมีถูบ้าน ล้างรถ ลดน้ำต้นไม้ ขุดดิน พรวนดินว่ากันไป
คือต้องรู้ ฉลาดกิน ออกกำลังกาย กิน นอนให้ดี นอนนี่โคตรสำคัญ เพราะถ้าไม่นอน นอนน้อย ร่างกายไม่เบิร์น ไม่เผาผลาญอีกของกินก็เช่นกันหาความรู้อะไรกินดี อะไรกินไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าต้องกินแบบ Healthy ดีตลอดหรือเปล่า ก็ไม่จำเป็น
แล้วการกินดีดียังไงรู้ไหม เราพยายามให้ตัวเองเป็นหนูทดลอง คือกินให้ดูเลย นี่ฉันกินของดี คนชอบมาล้อ โอ๊ย!กินอาหารนก Flax seeds ,Chia seeds กินแล้วบินได้หรือเปล่า อ่ะ...เดี๋ยวกินให้ดู เงียบไว้ก่อนอย่าเพิ่งตาย ดูก่อน อย่าเพิ่ง พอกินปุ๊บคือมัน show up (แสดงขึ้นมา ) ขึ้นมาว่าเฮ้ย! ดีจากภายในสู่ภายนอกมันเป็นยังไง หน้าดี ผิวดี
เมื่อก่อนแมร์ก็พังหัวจรดเท้าเหมือนกัน คือเละทั้งตัว ผมร่วง ผิวแห้ง เล็บหลุด เละหมด ร่างกายตรวจมา คอเลสเตอรอลสูง ไขมันสูง คราวนี้เราจะไม่ใช้ชีวิตแบบนั้นไง เราอยากมีชีวิตที่ดีเพื่อจะไปใช้ชีวิตอื่นๆ ต่อไปของเรา
เพราะฉะนั้นเมื่อกินดีแล้วปุ๊บ มันโชว์ทุกอย่างออกมาเลย ผิวดีขึ้น รูปร่างดีขึ้น ตรวจสุขภาพทุกอย่างดีหมด หมอบอกดีกว่าหมออีก หมอบอกโอ้โห! คุณทำได้ไง ไขมันดีเยอะขนาดนี้ ออกกำลังกายไง กิน Chia seed,flax seeds พวกนี้จะทำให้มีไขมันดีสูงซึ่งมันเป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ต้องทำ กัดฟันทำเลย แล้วแบบให้เห็นเลยว่า ผลของการกระทำเมื่อทำอย่างนี้แล้วมันได้ผลออกมาเป็นยังไง”
เปิดร้าน... เพียงเพราะอยากให้คนมีสุขภาพที่ดี
“จากการที่เราไปวิ่งกับตูน แล้วเราก็ถามเขาว่า เขากินอะไร ก้อยเขาก็บอกว่าพี่ตูนเขากินคุ้กกี้แห้งๆ ค่ะพี่ แล้วก็ขนมปังก่อนไปวิ่ง
เราก็แบบเฮ้ย! คุณคือ คนที่วิ่งเพื่อประเทศชาตินะ คุณแบบระดมเงินเป็น 10 ล้าน 100 ล้าน ไม่ได้ดิ คุณต้องกินของดีดิ ก็รักใครเราก็อยากให้กินดี ก็ปั้นไปให้เขา ปรากฏว่าพอถ่ายลงในไอจีทุกคนก็ถามว่า พี่มันคือขนมอะไร คือแบบเหมือนทุกคนไม่เคยเห็นขนมอันนี้มาก่อนเลย เราก็อธิบายไป"
เพียงแค่ต้องการให้ ตูน นักร้องวง Bodyslam ได้กินของที่มีประโยชน์ ให้เขามีพลังในการวิ่งไปถึงอ.แม่สาย จ.เชียงราย ในโครงการก้าว กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เธอได้ทำ
หลังจากเข้าสู่วงการคนรักสุขภาพมาสักพัก หญิงชุดสูทสีขาวที่นั่งตรงหน้าเล่าย้อนให้ฟังว่า วันนั้นได้ลงรูปในอินสตาแกรมส่วนตัวว่าได้ทำขนมไปให้ตูน มีคนเข้ามาให้ความสนใจเยอะ ไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสนใจขนาดนี้ ถึงขนาดบอกให้ทำขาย ด้วยเสียงเรียกร้องในโซเชียลฯ ทำให้เธอตัดสินใจขายในงานที่วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา จัดขึ้น สรุปขนมขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
“พี่ขายดิ อยากลองกิน ...พอดีในงาน Fitfest ของวู้ดดี้ก็ขาย เราก็ทำมา 100-200 กล่อง คือตัดสินใจขาย 3 วันก่อนเริ่มงาน ตี 2 ตี 3 ยังปั้น ทำได้ 100-200 กล่อง ก็ขายหมดภายใน 1 ชม. คือแบบเฮ้ย! เดี๋ยวนะ ปั้นกันแบบครึ่งวัน ค่อนคืน มันไปเร็วขนาดนี้ต้องรีบกลับบ้านไปทำของอาทิตย์ต่อ
[หัวเรือใหญ่ไอดอลในการออกกำลังกายงาน “Fitfest”]
เลยคิดว่าในเมื่อผลตอบรับมันดีขนาดนี้ งั้นก็ลองขายเลยล่ะกัน ทุกอย่างก็ยังทำกันทีบ้าน ทุกวันนี้การผลิตก็ยังผลิตจากในครัวแมร์ ที่แมร์ Live ก็ยังทำอยู่ที่ครัวนั้น เครื่องปั่นแบบ โอ้โห สิ้นอายุไขไปหลายต่อหลายเครื่องไปรุ่นต่อรุ่น ก็ออกเครื่องใหม่กันมาก็ยังทำอยู่ครัวแมร์เหมือนเดิม สูตรทุกอย่างก็อยู่ที่แมร์เหมือนเดิม”
เรียกได้ว่าปัจจุบันเธอเป็นนักธุรกิจเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ นอกจากเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ แล้วนั้นปัจจุบันธุรกิจ Powerballs by Kalamare ทำมาแล้ว 1 ปี มีถึง 7 รสชาติ และยังคงมีผลตอบรับที่ดีสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพอีกด้วย เมื่อเพื่อนรักอย่างวู้ดดี้จัดงาน FitFest ปีที่ 2 เธอจึงตั้งสินใจนำเงินรายได้จากการขาย Powerballs จำนวน 1 ล้านบาท ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตูน Bodyslam มอบให้เขานำไปช่วยเหลือโรงพยาบาล
[Powerballs อาหารสุขภาพฝีมือกาละแมร์]
“Powerballs by Kalamare ก็เดินทางมาครบ 1 ปีแล้วนะคะ คือเริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีก่อนนั้น ก็เดินทางมาปีหนึ่งได้รับผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แมร์มีกำลังใจพัฒนา Product ไปเรื่อยๆ
สำหรับขนมที่กินแล้วมันก็ดีต่อสุขภาพแล้วอร่อย แล้วก็มันทำให้หุ่นไม่พัง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่วิถี Healthy อยากจะเป็นคือ อยากกินอร่อยด้วย อยากกินขนมด้วย แต่ทำยังไงไม่ให้อ้วน แล้วยังดีต่อสุขภาพ ขนม Powerballs ก็เลยตอบโจทย์
จริงๆ แล้วแมร์ดีใจนะคะ คือคนก็ทำกันเยอะแยะ คนจะเข้ามาบอกว่า อันนี้คนนี้ทำ เราก็รู้สึกเอาจริงๆ นะเราดีใจ เพราะอะไรรู้ไหม มันทำให้กลายเป็นกระแสได้ขนาดนี้เลยเหรอ คือไม่ว่าตามท้องตลาด แมร์ไปเดินตลาด ตลาดยังมีเลยนะ คือตลาดขายอาหารอะไรอย่างนี้ แล้วคือเขาเจอเรา เขาจะบอก นี่ขนม Powerballs ค่ะ ซึ่งเรายังขำเลยว่า ทุกคนเรียกมันว่า Powerballs ซึ่งจริงๆ แล้ว ในโลกนี้มันไม่เรียก PowerBalls หรอก แมร์เอามาตั้งชื่อเองว่ามันเป็น Powerballs by Kalamare จริงๆ ในโลกมันเรียกว่า Energy Balls
แต่สำหรับแมร์ เรารู้สึกว่าขนมนี้มันกินแล้วเกิดพลังงาน ทั้งทางด้านร่างกาย และที่สำคัญมันให้ทั้งด้านจิตใจ คือกินไป 1 ลูกแล้วเนี่ย มันสามารถทำกิจกรรมนู่นนี่นั่นได้ ออกกำลังกายได้ หรือตอนที่เราอยากกินขนม แต่เราไม่อยากกินพังอย่างนี้ หรือตอนกลางคืน เราเป็นผีตู้เย็นอย่างนี้ 3-4 ทุ่ม เปิดตู้เย็นมา ..อ้าามีขนมกิน มันก็เลยมีความรู้สึกว่า ขนมอันนี้มันตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากกินขนม และอยากหุ่นไม่พัง”
กระแสดีจนต้องคลอด "Powerbars” ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่มีไว้สำหรับคนที่อยากกินขนม แต่ไม่อยากหุ่นพัง และขยายกลุ่มเป้าหมายให้รู้จักการกินที่ไม่ทำร้ายร่างกายมากขึ้น รวมถึงสร้างความเข้าใจกับการกินแบบ Healthy ในอันใกล้นี้มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่แน่นอน แต่ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นในเรื่องการดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่
ส่วนการจะเข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายนั้น ด้วยความที่เป็นชื่อเสียง จึงเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการบอก Message ออกไป กลุ่มเป้าหลักๆ เป็นผู้หญิง
“เราเป็นผู้บริโภคมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเราเดินทางมาหลายประเทศรอบโลก โดยเฉพาะเรามาเป็นสาย Healthy วิถีชีวิตของเราต้องอยู่ให้ได้สิ ไม่อย่างนั้นเราจะบอกคนอื่นได้ยังไงล่ะว่า การเป็น Healthy มันต้องยังไง กินอดๆ อยากๆ หรือเปล่า กินแบบผักหญ้าหรือเปล่า ห้ามกินขนมไหม
บางคนยังเข้าใจผิดเลยว่า ไม่กินข้าวหรือเปล่าอะไรอย่างนี้ค่ะ เลยมีความเข้าใจผิดกันเยอะมาก เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ที่จะบอกว่า การมีสุขภาพดีมันต้องทำยังไง มันต้องกินอะไร ไม่กินอะไร ใช้วิถีชีวิตแบบไหน แล้วกินขนมได้ไหม
เพราะฉะนั้นในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เอาแบบนี้ทุกคนที่ซื้อของแมร์ กินเหมือนที่แมร์กิน เราใช้ของดีเหมือนที่เราใช้ เหมือนตอนที่เรายังไม่เปิดขาย ตอนที่เราไม่เปิดขาย อะไรที่ดีแมร์ใส่หมด
ส่วนใหญ่คนที่ติดตามแมร์ เขาก็จะชอบไลฟ์สไตล์ที่เป็นเราอยู่แล้ว คือติดตามวิถี Healthy ของเรา ไลฟ์สไตล์ของเรา การเดินทาง การกิน การอยู่ การออกกำลังกายของเรา การใช้ชีวิตของเรา แอตติจูดของเราอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นมันจึงง่ายในการสื่อสารแล้วก็บอก Message ไปว่าสิ่งที่เราทำมันคือต้องการอะไร แล้วคุณจะได้อะไรบ้าง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่คือเป็นผู้หญิง แล้วพอผู้หญิงกินแล้วดี ก็จะไปให้ผู้ชายกิน แฟนบ้าง พ่อบ้าง พี่น้อง คนสูงอายุที่บ้าน เด็ก ก็เลยกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายเรา ครอบคลุมเลย กลายเป็นเด็กชอบมาก"
ไม่มีใครประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าไม่ตั้งใจ!
“อ้าวคุณ! คนจริงจังเท่านั้นถึงจะสำเร็จ คุณจะทำเล่นๆ มันก็ไม่สำเร็จเข้าใจไหม ย้ำอีกครั้งว่าโลกนี้มันต่างแค่นี้เอง มึงเอาจริงหรือเปล่า ถ้าคุณเอาจริง คุณสำเร็จทุกเรื่อง คนที่ไม่สำเร็จอ่ะ แค่ย้อนถามตัวเองว่า คุณแค่ยอมรับ มึงไม่จริงใช่ปะ มึงขี้เกียจไหม มึงแบบเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไหม หรือแบบท้อถอยง่ายหรือเปล่า
บางทีเรื่องนี้ไม่รวยสักที ไม่สำเร็จสักที เดี๋ยวๆ คุณทำกี่วัน คุณทำกี่เดือนเหรอ คุณทำกี่ปีอ่ะ แต่เราทำเรื่องนี้มา 20 กว่าปีแล้ว ทำมาทั้งชีวิตก็ได้ เรื่องเหล่านี้มันต้องโดนคิดมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วว่าเราอยากจะมีชีวิตยังไง เป็นเด็กมีสาระมั้ง เวลาเล่นก็เล่นเกี่ยวกับธนาคาร นึกออกไหม เล่นนับเงิน ก็อยากจะมีเงินในกล่องคุ้กกี้อย่างนี้ เล่นห้องสมุดอย่างนี้ อยากเขียนหนังสือแล้วฉันแบบเขียนยังไงให้มันขึ้นติดอันดับ 1 ฉันก็ไปดูร้านหนังสือ ไปอ่านหนังสื่อ แล้วฉันก็แบบ เฮ้ย! ถ้าเราเขียนหนังสือนะ หนังสือเราต้องขึ้นติดอับดับ1คือมันมีเป้าหมาย”
ย้อนกลับไปชีวิตผู้หญิงที่ชื่อกาละแมร์ พัชรศรี มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เหมือนกัน จากนักเขียนหนังสือด่าผู้ชาย ตอนนี้หันมาเขียนหนังสือดูแลสุขภาพ อาหาร Healthy
“เฮ้ย! มึงโคตรเจ๋งเลยว่ะ มึงกล้ามาก” เธอกล่าว และนึกย้อนเมื่อวันที่เธอได้เขียนหนังสือ ผู้ชายเลวกว่าหมา และไม่ได้มาจากดาวอังคาร รู้สึกว่ากล้ามาก ปัจจุบันถ้าให้มาเขียนอีกเธอคงทำแบบไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะการเขียนหนังสือเล่มนั้น คงไม่ใช่กาละแมร์วันนี้ เธอยอมรับถ้าหากย้อนกลับไปได้ จะไม่กลับไเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น เพราะสิ่งที่เขียนลงไปคือเรื่องจริง
“เราเขียนในบทสรุปในหนังสือเลยว่า เราพูดจริงๆ เราไปเปิดอ่านแล้วแบบ เฮ้ย! มึงกล้ามาก เอาจริงๆ ถ้าเป็นยุค ในวัยตอนนี้แมร์ไม่กล้าเขียนขนาดนั้น เพราะแต่ละวัยในประสบการณ์ชีวิตมันไม่เหมือนกัน มันเจอเรื่องราวในชีวิตต่างๆ มาไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในวัย 20 กว่าๆ นั้นในวัยที่แซ่บมากนั้น มันก็แซ่บตามตัวหนังสือ แต่ทุกวันนี้เราเลิกเขียนคอลัมน์ที่ปรึกษาความรัก เราบอกเฮ้ยๆ เลิกเขียนแล้วนะ มันไม่ใช่ล่ะ ไม่อินแล้ว ไม่มีความสนใจเรื่องนี้ เมื่อก่อนก็สนใจ เวลาคุยหรือเจอกัน ไหนลองเล่าแฟนเธอมาซิ นึกออกไหม
เดี๋ยวนี้คือเรื่องของมึง กูยังไม่มีเลย ไม่มีอะไรมาแชร์แล้วเรื่องความรัก เพราะฉะนั้นแมร์ว่ามันเป็นไปตามวัย และมันเป็นไปตามประสบการณ์ ไม่อยากจะขอแก้ไขอะไร”
แน่นอนตอนนั้นโดนด่า โดนถล่ม ไม่มีใครมีความสุขหรอก เป็นการเขียนที่ไม่ใช่ว่าเกลียดผู้ชาย แต่รักผู้ชายถึงมีความสนอกสนใจอยากจะเขียนถึง
“มันเป็นไปด้วยตามวัย ตามประสบการณ์ ในตอนนั้นไม่ใช่ว่าเกลียดผู้ชายด้วยนะ รักผู้ชายถึงมีความสนอกสนใจ อยากจะเขียนถึง แต่เราว่ามันคงจะเป็นการเขียนในแบบอีกแง่มุมหนึ่งที่แบบเพื่อนเจอ เราเจอประสบการณ์นู่นนี่นั้น แล้วแบบอยากมาแชร์กันอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ถ้าสมมุติวันนี้อ่านปุ้บ ถ้าผู้ชายเขาใจกว้าง เขาจะรู้เลยว่าที่เขียนมาทั้งหมดมันไม่มีอะไรเกินจริงเลย เพราะมันคือเรื่องจริง ที่โวยวายคือ 1.ไม่ได้อ่าน 2.คือรับไม่ได้”
ยิ่งออกท่องโลก ยิ่งตัวเล็กลง!
ถึงแม้ว่าความสุข จะอยู่ในการทำงาน และทัศนคติความคิดบวกในแบบตัวเอง แต่ถ้าไม่จัดสรรเวลาให้เหมาะสม ความสุขก็ไม่เต็มร้อย
“เราเป็นนัก Management ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับอะไร ถ้าคุณให้ความสำคัญกับอะไร คุณก็จะมีเวลาให้กับมันเสมอ แล้วก็จัดลำดับเลยว่า 1-5 แล้ว List คือเราต้องทำอะไร พรุ่งนี้เราต้องทำอะไรบ้าง ติ๊กว่าทำแล้วหรือยัง แล้วแต่ล่ะปีก็เขียนเป้าหมายว่าปีนี้เราอยากทำอะไร เขียนมาเลย ต้องดีลอะไรกับใครยังไง เขียนมา แล้วก็ทำให้สำเร็จในแต่ละวัน ซอยเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อยทำทุกวันๆ แค่นั้นเอง”
ในทุกเดือน 1 เป้าหมายที่เธอเลือกทำ คือการได้ไปท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆ เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวว่า เพราะมันทำให้เห็นโลกกว้างขึ้น และมันทำให้เธอตัวเล็กลง
“พอเดินทางมันกลับมาเรารู้เลยว่า เราอยากจะทำนู่นทำนี่ มันสามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศได้มากมาย พัฒนาชีวิตตัวเอง พัฒนาความสามารถตัวเองเพื่อทำสิ่งดีๆ ยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญโลกมันยังมีอะไรให้เราแบบไปเจออีกเยอะ มันรอเรา แต่ว่าถ้าเราอยู่เฉยๆ เราไม่เจอไง มันต่างกับกับการดูรูป ดูคลิป มันต่างกันกับการไปดูของจริง มันรู้สึกแบบเออว่ะ อย่าเพิ่งตายนะ... อย่าเพิ่งตาย ไปเห็นโลกก่อน ไปทำอะไรให้รู้สึก และที่สำคัญสิ่งเหล่านั้นจะกลับมาสอนเรา เราไม่ยิ่งใหญ่ เราตัวเล็กนิดเดียว ถ้าเทียบกับโลกใบนี้ ตกเขาไปก็ตาย เพราะฉะนั้นเราเป็นแค่แบบฝุ่นธุลีหนึ่งเท่านั้นของโลก
แต่ละทริปมันต่างกัน อย่างเช่นอินเดีย เราชอบอินเดีย มันคือโลกแห่งความจริง ไม่ Set up เป็นประเทศที่ไม่ Set up เด็กจะอึ แพะจะมากินขี้ วัวขุ้ยขยะ แม่ทำกับข้าว อยู่ในถนนเดียวกันหมดเลย นอนกลิ้งเละเทะ นอนตายอยู่ตรงนั้นก็มี นอนเจ็บป่วยริมถนนก็มี มอเตอร์ไซค์ ช้างม้าวัวควาย สามล้ออยู่บนคันเดียวกันหมด อยู่ถนนเดียวกันหมด
ทุกอย่างอยากหยุดก็หยุด รถก็หยุด เราไม่ไปรถก็ติดกัน ที่อินเดียสอนชีวิตมาก คุณจะทำไงล่ะ นึกออกไหม นี่ทุกอย่างสอนชีวิตเราหมด เราชอบอินเดียนะ มันตีให้เราตื่นให้เห็นในโลกความเป็นจริง”
การได้ไปยังพื้นที่เล็กๆ ประเทศที่ไม่เจริญมากนัก เป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เห็น และทำให้ผู้หญิงคนนี้มีสติอยู่กับโลกในความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
“ในประเทศเจริญๆ ก็ไป ก็ดีเห็นถึงความอ๋อ...โอเค ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างนี้ เรากลับมาทางนี้ไหม ประเทศที่เป็นวัฒนธรรมดี เขามีรากเหง้าแบบนี้ ประเทศและชีวิตของเขาเลยเป็นแบบนี้ ความประณีตในชีวิตเขาเป็นแบบนี้
หรือว่าประเทศที่สวยงามมาก เป็นวิวทิวทัศน์ก็ดีอีกอย่างหนึ่ง มันก็ทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติก็ดีอีกอย่างหนึ่ง ดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า นี่จะไปหมดหรือเปล่า ต้องไปทุกเดือนไง ไม่งั้นจะเก็บไม่หมด แล้วโดยเฉพาะช่วงร่างกายดีๆ อย่างนี้ต้องไปประเทศลำบากๆ หน่อย ไปประเทศยากๆ หน่อย ประเทศสบายๆ ก็บอกเพื่อนว่าแก่ๆ แล้วค่อยไปก็ได้อะไรที่ต้องปีน ต้องเดิน ต้องข้าม ต้องแบกก็ไปแบบนั้นก่อน"
แน่นอนเลยว่าคนที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นบุคคลในที่สว่าง มักจะมีข่าวที่มากระทบจิตใจ สิ่งหนึ่งที่เธอให้ความสนใจ คือเรื่องของธรรมะ
“ธรรมะช่วยได้ คือสำหรับทุกคนนะ บางคนอาจจะต้องคิดว่าเวลาศึกษาธรรมะจะต้องเป็นเรื่องอกหักรักคุด ติดหนี้ ผิดหวังชีวิต จะฆ่าตัวตายถึงไปศึกษา ไม่นะ ให้ศึกษาธรรมะในวันที่คุณมีความสุข ในวันที่คุณแบบแฮปปี้ดี แต่เวลาแฮปปี้ดีเราจะไม่สนใจธรรมะ ชีวิตดี ต้องสนุกสนาน รีบเลี้ยงชนแก้วกันเข้าไป กินเหล้าเต็มที่ มีความสุขต้องตักตวง ต้องเก็บเวลานี้ไว้
เดี๋ยวๆ เราต้องรู้ความจริงของชีวิตว่าไม่ได้มีความสุขตลอดเวลานะ ตอนนั้นมันทำให้เราหลงระเริงจนหลงลืมไปว่าวันหนึ่งมันต้องเกิดความทุกข์นะ เพราะนี่คือธรรมดาโลก แต่พอเราทุกข์ปุ๊บ เราจะหันหน้าเข้าวัด เราจะต้องไปบวชไหม เราต้องศึกษาธรรมะ สวดมนต์ ตอนนั้นเราไม่มีสติหรอก ร้องห่มร้องไห้ ตัวหนังสือยังจะอ่านไม่ออกเลย
ถ้ายังไม่สามารถทำทุกอย่างเป็นอัตโนมัติได้ นิ่งสักนิดนึงก่อน เอายังไงกับเรื่องนี้ดีวะ พอฝึกบ่อยๆ ทุกอย่างมันจะเป็นออโต้ เราจะเห็นภาพมันชัดเจนมากขึ้น อ๋อโอเคเขาพูดอย่างนี้ ไม่เป็นไร ชีวิตเขาอาจจะไปเจออะไรมาสักอย่าง อาจจะโมโหได้ ไม่เป็นไรช่างเขา สงสารเขา เมตตา
มันมีวิธีคิดอะไรเยอะแยะมากมาย หรือเรื่องบางเรื่องอ๋อทำอย่างนี้กับเราใช่ไหม พูดจาไม่ดีกับเรา ปฏิบัติตัวอย่างนี้ อ้าว! ได้งั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่เราจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับเขา มีเขาอีกตั้งหลายคนที่ให้เราเลือก ให้เราไปอยู่ด้วย หรือใช้ชีวิตด้วยอย่างมีความสุข หรือว่าแบบเฮ้ย! ชีวิตนี้เลือกได้นี่หว่า อย่าบอกว่าชีวิตเลือกไม่ได้ อยู่ที่คุณจะเลือก หรือไม่เลือกเท่านั้นเอง”
ที่สำคัญคนเราอย่าประมาท ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต การเข้าสู่ธรรมะยิ่งทำให้เธอเห็นโลกความจริง และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่เธอย้ำว่าทำไมคนเราต้องมีอิสระในการใช้ชีวิต
“คนเราอย่าประมาท เราไม่รู้หรอกอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ในวันที่เรามีความสุข ในวันที่เราดี เราก็เออโอเคดี ให้รู้ตัวว่ามันดี อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตก็ได้ ไม่ต้องหลงแบบว่าวันนี้ดี สมมุติวันนี้ขายดี แต่มันก็ไม่ใช่ขายดีทุกวันนะ หรือบางวันโอ๊ย ชีวิตตกต่ำแย่ มีความทุกข์ ก็ให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้ทุกข์อย่างนี้ตลอดไป ฝนตกมันก็ต้องมีวันฟ้าเปิด มันก็มีวันลงขึ้น
ถ้าสมมุติขายไม่ดีเฮ้ย! เดี๋ยวมันมีวันขายดี วันนี้โดนด่า พรุ่งนี้คนชม ชีวิตเป็นอย่างนี้เสมอนี่คือโลกธรรม มันคือเรื่องปกติ รักษาศีลให้ดี ศีลแปลว่าปกติ เพราะฉะนั้นรักษาความให้เป็นปกติ ทำทานอย่างประณีต ให้ทานอย่างไร ทำบุญอย่างไร ปฏิบัติภาวนา มีแค่นี้ทานศีลภาวนา ศึกษาธรรมะ อะไรที่ทำแล้วสบายใจมีความสุข เราก็ทำ อะไรที่อยู่แล้วทุกข์ อึดอัด อ้วกจะแตก บีบคั้น เศร้า ก็ไม่ต้องอยู่ เลือกได้”
พลังงานไม่ต้องสร้าง ถ้ารู้จักตัวเองดี
“เอาจริง หรือไม่เอาจริง” สิ่งหนึ่งที่กาละแมร์ พูดตลอดในการสนทนา และย้ำเตือนเสมอมา คือการที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งไหน สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือเราต้องทำสิ่งที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้เกิดขึ้นจริง
เราว่าเราชอบชีวิตเรามากกว่า เราชอบชีวิตเอง แล้วมันเป็นไปตามที่เราต้องการทุกอย่าง คือเราอยากใช้ชีวิตยังไง เราอยากอยู่ที่ไหน อยากกินอะไร อยากทำอะไร อยากคิดทำอะไรก็ทำ เอาจริงๆ นะเราไม่ได้เป็นยอดมุษย์ เก่งหรือวิเศษกว่าใคร เราแค่เอาจริงเท่านั้นเอง ย้อนกลับไปคำแรกที่พูดเลยว่า คุณเอาจริงปะล่ะ ถ้าคุณเอาจริงคุณก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าคุณเอาจริงคุณก็หุ่นดีได้
กว่าจะเป็นกาละแมร์ทุกวันนี้เราทำทุกวัน เราทำทุกวินาที โอกาสมาเราพร้อม เรารับโอกาสนั้นเลย เราทำ เราไม่มีแบบปล่อยชีวิตให้ไหล เราทำการบ้านทุกครั้ง ปรับปรุงตัวเองตลอด อะไรที่ทำไม่เก่ง ทำไม่ดีก็ทำไป นั่นแหละเราว่าเราชอบชีวิตตัวเราเอง
ขอบคุณตัวเอง แมร์ชอบตัวเองจะตาย ไม่ใช่ว่าหลงตัวเองนะ แต่ว่าเรารู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง พอเรารู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง มันยากแค่ไหน มันลำบากแค่ไหน ในทุกวันนี้สื่อเห็นแค่ว่า ไอจีก็เห็นว่าคุณไปไหน ทำอะไร กินอะไร อยู่บ้านยังไง หรือพูดคุยกันในวันที่เราประสบความสำเร็จแล้ว แต่คุณไม่ได้เดินตามเราในทุกฝีก้าวในวันที่เราแบบ โดนก้อนอิฐ โดนก้อนหินบ้าง ร้องไห้บ้าง หรือในวันที่เราฝึกทำ นอนดึก ตื่นเช้า ทำๆ คุณไม่ได้อยู่กับเราทุกวินาที คุณไม่เห็นหรอกว่าทุกกระบวนการของการจะมาเป็นกาละแมร์มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต่างกันแค่เนี่ย เอาจริง หรือไม่เอาจริง ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุเป้าหมาย เรายังไม่ผ่านด่านนี้ เราไม่เคยเลิกรากับมัน เรากัดไม่ปล่อย"
จริงอย่างที่ใครเคยกล่าวไว้ว่า คนเราจะเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และสู้ต่อได้นั้นต้องมีพลังจากตัวเราเอง และเธอเป็นหนึ่งไอดอลของอีกหลายคนที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าไม่ละความพยายาม พร้อมทั้งทิ้งทายเอาไว้ว่าบทบาทชีวิตแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร อย่าบอกว่าชีวิตเลือกไม่ได้ อยู่ที่คุณจะเลือก หรือไม่เลือกเท่านั้นเอง
“พลังงานมันไม่ต้องสร้าง มันก็มีเลย เพียงแต่เราอย่าไปลดเท่านั้นเอง เอาจริงๆ ทุกคนมีพลังของตัวเองอยู่แล้ว เราแค่ไปลดเท่านั้นเอง เราแค่ไปกดมันไว้ เราแค่ไปบอกกับเองว่าเราทำไม่ได้หรอก โอ้ยใช่เหรอ ดีเหรอ เราทำตัวเองทั้งสิ้น บางคนมาพูดใส่เรา เราก็ดันเอาคำพูดเขามากดตัวเองอีกทั้งที่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราก็ดันจิตอ่อน ไปรับเขาอย่างนี้ เราต้องรู้จักตัวเอง
ถ้าย้อนกลับไปไงเราต้องรู้จักตัวเองให้ดี แล้วการที่ทำอะไรสำเร็จบ่อยๆ สำเร็จในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันก็จะเพิ่มพลังให้กับเราเอง ชอบตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นวันนี้จะตื่นเช้า คุณก็ต้องตื่นเช้า วันนี้ฉันตื่นมาออกกำลังกาย ฉันตื่นมานั่งสมาธิ ฉันต้องนี่ๆ พอมีเป้าหมายของคุณเรื่อยๆ คุณก็ชอบตัวเอง คุณจะรู้สึกว่าฉันก็ทำได้ มันก็สู่ไปถึงเรื่องการทำได้ ในเรื่องต่างๆ ทำอะไรให้มันสำเร็จ จะไม่นอนดึกนะ จะพูดจาดีๆ เพียงแต่เราจะต้องไม่ละความพยายามต้องไม่หยุดนิ่ง”
ยอมรับจากใจยิ่งมีชื่อเสียง ยิ่งต้องระวัง! การเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ทำธุรกิจ และงานวงการบันเทิงควบคู่ไปด้วย แมร์ยอมรับเลยว่ามันมีทั้งข้อดี และข้อที่เราต้องระวัง คือข้อดีแน่นอนคนรู้จักเราอยู่แล้ว และแมร์ว่านะด้วยความเป็นเรามาตลอดชีวิตมันทำให้ Product นี้มันเกิดขึ้นและเป็นที่นิยม เพราะอะไร คือการที่แมร์เป็นกาละแมร์คนเห็นอยู่แล้วว่าเราเป็นใคร เราใช้วิถีชีวิตยังไง เรา Healthy เราออกกำลังกาย เรากินยังไง เรามีแอตติจูดต่อเรื่องการใช้ชีวิตยังไง เพราะฉะนั้นคนก็เห็นแล้วล่ะว่า อันนี้มันทำจริง ไม่ใช่แบบมา 3 เดือนเลิก เพราะเราทำอันนี้มาแบบตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมา คนก็เห็นแล้วโอเค คือทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ 2.คือเราเดินทางเยอะ พอเดินทางเยอะมันทำให้เห็นโลกเยอะ เจอวัฒนธรรมต่างๆ อาหารการกินอะไรต่างๆ เยอะ พอเรามาทำ Product ปุ๊บ 2 อย่างนี้มารวมกัน คือวิถีชีวิตของเรา กับการเปิดโลกของเรา เพราะฉะนั้นเมื่อคนได้กินเข้าไปก็เลยเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ มีคนเคยบอกว่าเอาจริงๆ นะ ขนมตัวนี้มันเกิดจากการตกผลึกของการเป็นกาละแมร์ มันถึงง่ายที่คนจะเข้าใจ และเข้าถึงมัน ซึ่งตอนแรกคนก็ไม่เข้าใจ คุณคะก้อนดำๆ นี้มันคืออะไรคะ กลมๆ มันคืออะไร แต่ไม่นานคนก็เข้าใจ พอได้กินปุ๊บก็รู้เรื่อง อีกข้อหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ เมื่อเรายิ่งเป็นคนมีชื่อเสียง เราต้องยิ่งทำของเราให้ดี เพราะนี่คือหน้าเรานึกออกไหม เวลาแบบแอดมินตอบ ส่งของ ทุกกระบวนการ เอาจริงๆ ถ้าขับรถส่งของได้ด้วยตัวเอง ก็ทำไปแล้ว เราอยากยื่น Product เราให้ถึงมือ เหมือนตอนที่เราเขียนหนังสือ เราก็อยากเซ็นแล้วมอบให้ถึงมือเขา เพราะมันคือสิ้นสุดกระบวนการ เราต้องลงทุกกระบวนการ ตั้งแต่ผลิต ตั้งแต่สั่งของเลยดีกว่า ทุกอย่าง(ย้ำ) เรารู้รายละเอียดหมด จะวัดเป็นเซน จะขนาดเท่าไหร่ จะใส่กี่ลูก ใครเป็นคนวาด เขียนคำพูดอะไร จะส่งข้อความอะไรในบรอดแคสไลน์แอด ทุกอย่างผ่านกระบวนการของเราทั้งหมด จะทำของขวัญเป็นถุงผ้าญี่ปุ่นให้ เราเป็นคนคิดทั้งหมด ไปเลือกลายด้วยตัวเอง มันเกิดจากว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำ เพราะฉะนั้นมันจึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด |
“ความรักไม่ได้ปิด แค่ไม่ได้สนใจ” แมร์ไม่ได้ปิดเรื่องความรัก เพียงแต่แมร์ไม่ได้สนใจเท่านั้นเอง ไม่ใช่คำว่าเปิดหรือปิดใช้คำว่าสนใจ หรือไม่สนใจเท่านั้น คือถ้ามีคนน่าสนใจ เราก็สนใจ แต่ตอนนี้มันยังไม่มีคนไหนน่าสนใจ ให้ผ่านเข้ามาหรือว่าเราไม่ได้สนใจถึงเรื่องนี้เราก็เลยไม่ได้สนใจเท่านั้นเอง มันเหมือนกิจกรรมในชีวิตอ่ะ เหมือนเธอ เธอชอบอะไร ชอบขี่จักรยาน วิ่ง หรือเธอชอบขับรถนึกออกไหม ถ้าสมมุติเธอบอกว่า เธอไปวิ่งสิ แต่เธอบอกกลับมาว่าพี่หนูชอบขี่จักรยาน เข้าใจใช่ไหมเหมือนกับว่าเรื่องนี้ฉันยังไม่สนใจ ฉันสนใจเรื่องนี้ ฉันสนใจจะทำอันนี้แล้วฉันมีความสุข และมีความสุขกับเรื่องนี้อยู่ ฉันก็ทำในเรื่องที่ฉันสนใจ เรื่องที่อยากทำเท่านั้นเอง |
สัมภาษณ์โดย MGR Live
เรื่อง: ภูริฉัตร ปริยเมธานัยน์
ภาพ: วชิร สายจำปา
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก “Kalamare"
ขอบคุณสถานที่: พลาซ่า แอทธินี โฮเต็ล(ประเทศไทย)
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **