xs
xsm
sm
md
lg

ดรามา ชุดไม่ปัง..พานางงามพัง? กูรูฟัน กองเชียร์ไทยอคติเพราะใจพาล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
'ชุดไม่ปั๊วะ พาสาวไทยไปไม่ถึงฝัน' สังคมออนไลน์ถกประเด็นชุดนางงาม 'หมู อาซาว่า' ไม่ส่งสาวไทยติด 5 คนสุดท้าย 'ชุดไม่สวย-ออร่าไม่พุ่ง' ด้าน ดีไซเนอร์หมดแรง(ใจ) กับคำวิจารณ์เชิงลบ 'ทำดีแค่ไหน ไม่เคยได้ใจ' กูรูนางงามชื่อดัง เปิดใจ ต่างคน-ต่างรสนิยม เผยมุมมอง ชุดแบบไหนถึงคู่ควรเวทีประกวด!

“Miss Universe 2018” มงไม่ลง เพราะชุดไม่ส่ง!?

งานประกวดจบ แต่ความรู้สึกไม่จบ! สังคมไทยดรามาหนักมาก “ชุดไม่สวย-ออร่าไม่มี” วิจารณ์ร้อนระอุโลกออนไลน์ ถึงกรณีชุดแต่งกายรอบไฟนอลของสาว 'นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์' ซึ่งผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายบนเวทีประกวดนางงามระดับโลก 'Miss Universe 2018' แต่ถูกแสดงความคิดเห็นยับเกี่ยวกับชุดประกวดในรอบสุดท้ายที่ไม่ส่งให้เธอไปถึงฝัน!

“ดีไซน์ชุดมาประกวดนะ ไม่ใช่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์เก่า ที่มีเพียงเรื่องราวความเป็นมาดีๆ ก็จะทำให้เฟอร์นิเจอร์นี้ขายได้ คนดูสนใจแค่ว่า เมื่อเธอสวมชุดนี้บนเวทีแล้วต้องปัง ชุดนี้เหมือนไปขโมยมาจากตู้กระจกในพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ ดูขลังเหมือนมีวิญญาณสิงอยู่ในเนื้อผ้า น่าเอามาขอหวยมากกว่าประกวด”

“เห็นครั้งแรกคือมันต้องว้าว ต้องทำให้คนสวยขึ้น แต่นี่มันไม่ใช่ ออกมาแล้วคือมันเหมือนชุดลิเกผสมร็อกเกอร์ ความยาวก็ไม่ได้ ใส่ออกมาแล้วตันเป็นกระปุก จริงอยู่ ที่นิ้งเลือกสีแดงเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเลือกแล้วจะออกมาเป็นแบบนี้”

“แดงมันมีหลายเฉด ส่วนตัวคิดว่าแดงนี้ทำให้น้องเขาดูดรอปๆ แปลกๆ คือ ปัญหามันไม่ใช่สีที่น้องเลือก มันอยู่ที่แบบชุดที่คุณออกแบบ มันไม่ส่งเสริมเลย ถ้าอ้างว่า น้องเลือกสีแดงเอง แล้วชุดราตรีวิบวับสีเมทัลลิกในรอบนั้น ทำไมนิ้งใส่ออกมาแล้ว สวยมากล่ะ”


 
นี่คือความเห็นส่วนหนึ่งที่กำลังถกเถียงกันถึงดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดแต่งกายให้สาวนิ้งในรอบไฟนอล บนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 จากแบรนด์ 'อาซาว่า' ในชุดสีแดงสด ประดับด้วยคริสตัลจาก Swarovski จนมีคนวิจารณ์ว่าไม่เข้ากับสาวนิ้งเอาซะเลย แถมยังดูเหมือนชุดนางรำอีกด้วย

ด้าน หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา หรือ หมู อาซาว่า ได้ออกมาตอบคำถามท่ามกลางกระแสวิจารณ์ครั้งนี้ว่า ตนไม่สนคำวิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม ทั้งยังเชื่อว่าทีมงานและดีไซเนอร์ต่างตั้งใจทำอย่างดีที่สุดแล้ว แถมบอกอีกว่าในปีหน้าตนจะไม่เป็นแม่งานในการออกแบบชุดประกวดอีก!

“สีแดงเป็นสีที่น้องนิ้งเลือกเอง เพราะเป็นสีนำโชคของน้อง ผมคิดว่าเรื่องรสนิยมเป็นสิ่งที่คนมองมากกว่า 100 คนก็ 100 รสนิยม ใครวิจารณ์ยังไง วิจารณ์มากน้อยแค่ไหน จะมีคุณธรรม จริยธรรมในการวิจารณ์มากน้อยแค่ไหน พี่ทำงานมานานแล้ว การน้อมรับคำติชมเป็นเรื่องธรรมดา

โดยเฉพาะคำติชมที่มีวิจารณญาณ จริยธรรม และคุณธรรมในการวิจารณ์ ใครอยากเปรียบเทียบยังไงก็เปรียบเทียบได้ เพราะร้อยคนก็ร้อยความคิด เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งหมดที่เราทำกันมาเป็นขั้นตอนการทำงานเฟ้นให้คุณนิ้งได้เข้าประกวดอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ตัวคุณนิ้งก็ทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ


 
จริงๆ บอกว่าไม่ทำทุกปี แต่ปีหน้าคงไม่ทำแล้วจริงๆ ปีนี้ตกปากรับคำทำเพราะผู้ใหญ่บอกว่ามีการจัดที่เมืองไทย เราเป็นเจ้าภาพก็อยากให้ทำอีกสักปี แต่พอพูดไปคนก็จะบอกว่า อ้าว ไหนบอกว่าไม่ทำแล้วกลับมาทำอีก แต่คิดว่าคงไม่ทำแล้ว”

เรียกได้ว่ากรณีดรามาชุดแต่งกายนางงามที่คุกรุ่นอยู่ครั้งนี้ ไม่ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักเป็นครั้งแรก หากย้อนกลับไปในปี 2017 ซึ่งตัวแทนสาวไทย อย่าง 'มารีญา พูลเลิศลาภ' ได้มีการสวมใส่ชุดราตรีในรอบไฟนอลจากแบรนด์ อาซาว่า ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้เธอจะผ่านเข้าถึงรอบ 5 คนสุดท้าย แต่ก็ไม่สามารถไปถึงฝันในรอบ 3 คนสุดท้ายได้ ซึ่งสำหรับชุดราตรีในครั้งนั้น แม้จะได้รับเสียงชื่นชมจากคนในวงการแฟชั่นในต่างประเทศ แต่ก็มีหลายเสียงที่วิจารณ์ในเชิงลบถึงการออกแบบชุดทั้งดูโป๊เปลือยแสดงส่วนเว้าของเรือนร่างเกินไป

รวมไปถึงการไม่ส่งเสริมให้นางงามไปสู่รอบ 3 คนสุดท้าย ขณะที่ หมู อาซาว่าเองก็ออกมาประกาศว่าจะเลิกทำชุดให้นางงามอีกต่อไป แต่ก็ยังกลับมามีบทบาทในปี 2018 อยู่ดี

“ทัศนคติความงาม” ต่างคน-ต่างรสนิยม

“เครื่องแต่งกายก็มีส่วนเหมือนกันที่จะทำให้นางงามดูมีความสง่างาม แต่การแข่งขัน ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นการวัดด้วยสายตาของมนุษย์ รสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะไปบอกว่าชุดนี้สวยกว่าชุดนั้น หรือวิจารณ์เชิงลบไปซะทีเดียวก็คงไม่ได้ เราต้องเคารพสิทธิ์ของผู้ออกแบบด้วยเช่นกัน”

'ประเสริฐ เจิมจุติธรรม' กูรูนางงาม เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live เกี่ยวกับประเด็นดรามาชุดแต่งกายของสาวงามจากประเทศไทย ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะยุติ

“โดยส่วนตัว ผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเป็นดีไซเนอร์ด้านการแต่งกาย เราก็เคารพสิทธิ์ของผู้ที่ออกแบบ เราเชื่อว่าเขาออกแบบผ่านวิชาชีพของตัวเอง ตามโจทย์ที่ได้วางแผนร่วมกันมาอยู่แล้ว ดังนั้น เขาต้องออกแบบให้ได้ดีที่สุด หรือออกแบบได้เหมาะสมที่สุดในสายตาของดีไซเนอร์คนนั้นๆ

สำหรับชุดของน้องนิ้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย ถึงแม้มีกระแสจากสายตาของคนดูที่มองว่าชุดของน้องอาจจะไม่ได้ส่งให้น้องดูดีขึ้น แต่เราก็อยากให้ทุกคนให้กำลังใจให้นางงามของเราได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถในเวทีนั้นๆ ในช่วงเวลานั้นๆ มากกว่าที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์”

 
เห็นได้ว่ากระแสวิจารณ์เรื่องชุดนางงามนั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกปี ทั้งด้านที่สนับสนุนการออกแบบของดีไซเนอร์ หรือกระทั่งคำวิจารณ์ด้านลบถึงความไม่เหมาะสมของชุดเมื่อนางงามสวมใส่ สอดคล้องกับการไม่ผ่านเข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้าย ยิ่งทำให้กระแสเรื่องชุดนางงามร้อนระอุเข้าไปกันใหญ่

“ถ้านิ้งติดท็อป 5 ขึ้นมาจริงๆ เรามองว่าเสียงวิจารณ์จะตีกลับว่าชุดนี้สวยที่สุดทันที (หัวเราะ) เป็นเรื่องปกตินะ เราคงไปห้ามความคิดของคนดูไม่ได้ พอชุดเสื้อผ้าออกมาสู่สาธารณะแล้ว ก็ต้องยอมรับทุกความคิดเห็น

ยกตัวอย่าง ในปี 1969 ประเทศไทยส่งคุณ 'แสงเดือน แม้นวงศ์' ไปประกวดนางงามจักรวาล ใส่ชุดนางละครหรือนางรำ แต่โดนกระแสตอกกลับว่าชุดนี้ไม่ใช่ชุดประจำชาติ ชุดนี้คือชุดนางรำ นางละคร นำไปประกวดนางงามได้อย่างไร แต่พอชุดนี้ชนะเลิศชุดประจำชาติขึ้นมา เสียงก็เปลี่ยนทันที

หรือการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปี 2015 ตัวแทนสาวไทยที่เข้าประกวด คือ 'แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์' ตอนที่เปิดตัวชุดประจำชาติ นั่นคือ ชุดตุ๊กตุ๊ก ได้มีบางกระแสมองว่าจะนำไปเป็นชุดประจำชาติไทยได้อย่างไร ไม่เคยเห็นชุดนี้ใส่ไปในงานพิธีใดๆ ทั้งสิ้น

แต่พอสาวแนทได้ตำแหน่งชนะเลิศชุดประจำชาติ จากที่มีเสียงคัดค้านก็เปลี่ยนเป็นเสียงชื่นชมว่าชุดนี้เป็นชุดที่แสดงอัตลักษณ์ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับกรณีของน้องนิ้ง แน่นอนว่าประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เราก็ฝากความหวังไว้ในตัวน้องนิ้งว่าอยากให้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย

เห็นได้ว่าการนำเสนอของน้อง ดีมากบนเวที ในรอบชุดว่ายน้ำก็เดินสวย มีความมั่นใจ ส่วนในชุดราตรีก็เดินได้ดี ดูผ่อนคลายและมีความสุขกับการประกวด แต่พอไม่ได้เข้าในรอบ 5 คนสุดท้าย ก็จำเป็นต้องหาผู้ร้าย หาเหตุผลมาสนับสนุนว่าทำไมถึงไม่เข้าสู่รอบที่ลึกกว่านั้น
ภาพ FB: บ้านนางงาม
 
กลายเป็นว่าชุดราตรีสีแดงชุดนั้นกลายเป็นผู้ร้ายไป ซึ่งจริงๆ ชุดนั้นก็สวยงามตามที่ดีไซเนอร์ต้องการนั่นแหละ ส่วนสีแดงก็เป็นสีที่น้องเลือกเองว่าถูกโฉลกกับเขา ผมเชื่อว่าน้องทำดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างงดงามที่สุดแล้ว ส่วนดีไซเนอร์เองก็ตั้งใจออกแบบชุดให้ออกมาดีที่สุด เพราะมีชื่อเสียงของตัวเองที่สั่งสมมานานเป็นเดิมพันอยู่แล้วด้วย”

หลังจากที่ประเด็นถกเถียงเรื่องชุดแต่งกายนางงามยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนเกิดการตั้งคำถามว่า ชุดลักษณะไหนถึงจะมีคุณสมบัติที่ดีในการช่วยเสริมให้นางงามไทยไปสู่ฝันได้สำเร็จ ซึ่งกูรูนางงามคนเดิมยอมรับกับเราว่า ชุดที่มีความนุ่มนวล-พลิ้วไหว จะช่วยส่งเสริมรูปร่างและความสง่างามให้แก่นางงามคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

“ด้วยความที่ผมอาจจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกายนะ แต่ในมุมมองของแฟนนางงามคนหนึ่ง คิดว่าชุดที่เข้ารูปและส่งให้นางงามมีรูปร่างที่ดีขึ้น จะทำให้นางงามดูสง่างามมากขึ้น หรือชุดที่มีความนิ่มนวล-พลิ้วไหว ไปตามก้าวจังหวะการเดินของนางงามจะสวยกว่าชุดที่มีทรงแข็ง รวมถึงสีชุดที่เข้ากับสีของนางงามก็มีส่วนสำคัญในการส่งให้นางงามคนนั้นดูมีออร่ามากขึ้น”

 
อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้คลุกคลีในแวดวงนางงามมาเป็นเวลานาน กูรูนางงามยังกล่าวทิ้งท้ายถึงการรับชมการประกวดนางงามด้วยว่า ควรรับชมอย่างมีความสุข และถึงแม้ผลการตัดสินจะเป็นเช่นไร การให้กำลังใจกันและกันในเวลานี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

“การประกวดนางงาม ไม่ได้เป็นกิจกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจใดๆ ของประเทศ แต่เป็นกิจกรรมด้านความบันเทิงและความสวยงาม เราดูเพื่อจรรโลงใจ เพื่อให้มีความสุข ถ้าดูแล้วมีความทุกข์ อย่าไปดูเลย การดูการประกวดนางงามก็เฉกเช่นกับการดูการแข่งขันอื่นๆ ที่ใช้มนุษย์ตัดสิน ที่สำคัญเป็นการตัดสินโดยรสนิยมของคณะกรรมการกลุ่มหนึ่ง

เราซึ่งเป็นคนดู ต้องยอมรับในผลตัดสินนั้นๆ ที่สำคัญต้องดูการประกวดอย่างมีความสุข ฉะนั้น ผลการตัดสินของคณะกรรมการ หรือชุดแต่งกายจะออกมาเป็นอย่างไร ตอนนี้การแข่งขันได้จบสิ้นไปแล้ว แต่การให้กำลังใจกัน รวมถึงการแสดงทัศนคติด้านบวกเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนมีความสุขมากกว่า”

ข่าวโดย ทีมข่าว MGR Live



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น