“Big Mountain Music Festival” เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในไทย แต่เมื่องานจบ กลับพบขยะเกลื่อน สังคมโซเชียลฯ ยันอยู่ที่จิตสำนึกของคนด้วย ฝั่งผู้จัดงานเปิดใจผ่านปลายสายหลังจบงาน น้อมรับปัญหาที่เกิดขึ้นและพร้อมจะแก้ไข หวังคนรักเสียงดนตรีกลับมาอีกครั้ง
เสพเพลงสุดมัน งานจบขยะล้น-เกลื่อน!
มันเว่อร์มาก-มันเละมาก! กับมหกรรมดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ มันใหญ่มาก คอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น PEPSI PRESENTS BIG MOUNTAIN MUSIC FESTIVAL 2018 (เป๊ปซี่ พรีเซ็นต์ บิ๊ก เมาน์เท่น มิวสิก เฟสติวัล 2018) ครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 - 9 ธ.ค. 61 ที่ดิโอเชี่ยนเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมขนทัพศิลปินกว่า 200 ชีวิตมาในงานครั้งนี้ แต่ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานหลายหมื่นคนจึงมีปัญหาตามมาทั้งเรื่องคนสูบบุหรี่ไม่เป็นที่, ขยะเกลื่อน, ห้องน้ำไม่เพียงพอ ฯลฯ
หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่นครั้งที่ 9 ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Live ถึงบรรยากาศภายในงานที่ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเป็นงานที่ใหญ่ และมีคนเข้าร่วมงานหลายหมื่นคน
“ตั้งแต่เข้างานพอเลี้ยวจะเข้าดิโอเชี่ยน เขาใหญ่ก็เจอกับปัญหาจราจรที่รถจะติดมากครับ และวินมอเตอร์ไซค์ก็เยอะมากเช่นกัน ผมว่ามีส่วนทำให้รถติดเพราะเวลาที่จอดส่งคนลงจากรถ ชอบจอดขวางทาง เลยทำให้ดูวุ่นวายบ้าง เมื่อเดินเข้างานมาคนก็จะเยอะมากเบียดกันหน่อย ผมถึงหน้างานก็ไปแลกบัตรแล้วก็เข้าไปในงาน แต่เหตุการณ์ที่เจอตอนเข้างานวันแรกเลยคือ เละมากครับ ขาเปื้อนโคลนกันทุกคนใครใส่ผ้าใบมาคือพลาดครับ เพราะก่อนหน้านั้นมีฝนตกสภาพในงานก็จะเละๆ หน่อย
แต่หน้างานจะมีถุงให้ซื้อครับ เพื่อนำมาคลุมรองเท้าอีกที คอนเสิร์ตโดยรวมดนตรีถือว่าสนุกมากแบบโคตรมัน ร้านอาหารก็เยอะ แต่ราคาก็แอบแพงนิดหน่อยแต่ก็พอไหวอยู่ ปัญหาที่เจอคือน้ำไม่ไหลแบบไม่ไหลเลยคนปวดท้องหนักๆ มีร้องครับ ผมว่าน่าจะมีห้องน้ำเยอะกว่านี้ แล้วน้ำก็น่าจะไหลตลอดด้วย
อีกปัญหาที่เห็นเยอะเลยนะครับ ก็คือขยะพอคนกินอาหารเสร็จก็จะทิ้งไว้ตรงนั้นไม่เอาไปเก็บใส่ถังพอดูดนตรีเสร็จก็เดินไปเลยไม่ค่อยเก็บขยะกัน บุหรี่คนดูดเยอะมากนึกว่าหมอกลง ยิ่งบุหรี่ไฟฟ้าเยอะจัด หายใจไม่ออกคนดูดเยอะถึงมีที่ให้ดูดแต่คนก็ดูดในเวทีไม่ค่อยเกรงใจกัน
คิดว่าที่เขามาจัดที่เขาใหญ่เพราะมันคงเป็นศูนย์กลางของคนรักดนตรีไปแล้ว คนมาได้ทุกจังหวัดไม่ใกล้ไม่ไกลมาก คนก็อาจจะชินแล้วที่มาจัดที่เขาใหญ่ ที่ประทับใจก็น่าจะเป็นดนตรีที่สนุกได้เจอเพื่อนใหม่ๆ มิตรภาพใหม่ๆ ที่เราสามารถมาเติมเต็มความสุขได้ในงานนี้ครับ แต่ก็อยากจะให้มีห้องน้ำเยอะๆ และตรวจเข้มเรื่องบุหรี่ให้มากกว่านี้ด้วยเหมือนกันครับ”
นอกจากปัญหาขยะที่พบตามพื้นที่บริเวณจัดงานแล้ว ก็ยังมีอีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือ ขยะที่พบจากกองอุจจาระของช้างขนาดใหญ่ ที่เฟซบุ๊กของ “Benchapol Lorsunyaluck” ได้โพสต์ภาพเอาไว้และบอกว่าเราเคยมีบทเรียนกับการตายของกวางบนเขาใหญ่ที่กินพลาสติกเข้าไปและเสียชีวิต มาวันนี้แม้ยังไม่เคยมีรายงานการตายของช้างจากถุงพลาสติก แต่ก็อย่าให้เกิดขึ้นเลย
ไม่เพียงเท่านี้ทางเพจเฟซบุ๊ก “ชมรม ฮักเขาใหญ่” ก็ได้โพสต์ภาพขยะเกลื่อนริมถนนธนะรัชต์ ช่วงกิโลเมตรที่ 4 จุดจัดงานคอนเสิร์ตดัง เขาใหญ่ พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมกันรณรงค์ไม่ทิ้งขยะ สร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ไปเที่ยวทิ้งความประทับใจ มากกว่าทิ้งขยะ
ขณะเดียวกันสังคมโซเชียลฯ ก็แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ถึงคอนเสิร์ตใหญ่ในครั้งนี้ เมื่อจบงานแล้วพบขยะจำนวนมากที่ไม่ได้ทิ้งให้ถูกที่ถูกทาง กลายเป็นภาพที่ไม่น่าดู และหากจะมาสนุกกับเสียงเพลงในสถานที่ใหญ่ๆ ก็ควรจะมีจิตสำนึกในเรื่องการรักษาความสะอาดด้วยเช่นกัน แต่บางเสียงก็มองว่าขยะอาจจะมาจากพ่อค้าแม่ค้าด้วยหรือเปล่า
“เอาจริงๆ ต้องยอมรับกันตรงนี้ครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความมักง่าย ไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวมของคนไทย ไม่ใช่เป็นเฉพาะผู้จัดงาน คนพื้นที่ คนเที่ยวหรือคนขายของหรอกครับ เพราะขยะก่อนที่มันแปรสภาพเป็นขยะ ของนั้นมันอยู่บนมือเรามาก่อนทุกชิ้น ถ้าทุกคนมีสำนึกว่า ถ้าเราทิ้ง มันจะเป็นขยะทันที ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ทิ้งถูกที่หรือลดการทิ้งขยะลง ดูแลเก็บกวาดบริเวณที่ตนเองใช้ ก็ไม่ต้องมาโวยวายว่าปัญหามาจากงานหรือผู้จัดกันอีก
ผมเห็นเป็นแบบนี้ในทุกงาน ทุกสถานที่ ทุกกิจกรรม หลังจบงานคนไปแล้ว ขยะเกลื่อนพื้นเสมอแล้วต้องมีเทศบาลตามกวาดตลอด แสดงว่าไม่เกี่ยวกับการจัดงานใดๆ มันเกี่ยวกับนิสัยแบบไทยล้วนๆ"
“คนเราคิดไม่เหมือนกัน ผมว่าโทษฝ่ายจัดเขาอย่างเดียวก็ไม่ถูก อย่าลืมว่าเขามีขอบเขตที่จัดการของเขา ขยะพวกนี้มาจากไหน มาจากแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของข้างถนนหรือเปล่า เขาดึงคนเข้ามาเที่ยวมาสร้างรายได้ให้คนในพื้นที คนในพื้นที่สิครับต้องร่วมมือกับเขาช่วยกันรักษา”
“ก็เห็นร้านค้าข้างทางขายกัน แล้วก็ทิ้งตรงนั้นเลย อย่างร้านขายรองเท้าบูตกันโคลน ถอดจากถุงก็ทิ้งกันตรงนั้นแหละ ร้านอื่นๆ อีก ในงานผมเห็นจ้างคนมาเก็บขยะในงานโดยตรงนะ ส่วนนอกงานก็ยังเห็นร้านข้างทางคนมาซื้อกินทิ้งที่ร้านเลย ส่วนน้อยที่ทิ้งตามพื้นผมเห็นมาเลยพูดได้ครับ #อย่ามองแค่งานครับ”
ยอมรับปัญหา งานใหญ่-คนเยอะ!
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้ ทางด้าน ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Live ถึงเหตุการณ์ต่างๆ อย่างเรื่องของขยะที่มีภาพออกมาผ่านโลกออนไลน์จนกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“จริงๆ แล้วผมอยากแยกออกเป็น 2 ประเด็น อันแรกเนี่ยผมแยกเป็นขยะภายในงาน กับขยะนอกงานนะครับ เพราะว่าจากที่ผมก็ตามดูอยู่เหมือนกัน รูปที่แชร์กันเนี่ยมันจะมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือเป็นขยะที่อยู่นอกงานซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับในพื้นที่จัดการนะครับ อันนั้นผมก็อาจจะพูดแทนไม่ได้ แต่ว่าขยะที่อยู่ในพื้นที่งานปีหน้าเองเราก็จะมีการรณรงค์เรื่องนี้ให้เข้มข้นมากขึ้นนะครับ เพื่อที่จะให้ทุกคนช่วยกันนะครับ รับไปพัฒนาและปรับปรุง
เพราะในความเป็นจริงแล้วเมื่อเราออกจากพื้นที่แล้ว เราเคลียร์ขยะหมดร้อยเปอร์เซ็นนะครับ ซึ่งเราแยกเป็นประเด็นว่าการทำให้คนมีจิตสำนึกช่วยกันดูแลความสะอาดเหมือนญี่ปุ่นเนี่ย เป็นสิ่งที่เราจะต้องพัฒนาที่นี้ภาพที่แชร์กันอยู่ในโลกโซเชียลฯ ตอนนี้มันจะมีขยะที่อยู่นอกพื้นที่ซึ่งเราเองก็เสียใจที่เห็นภาพนั้น แล้วก็จะรณรงค์ส่งเสริมไม่ให้คนทำแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเราไปทิ้งขยะนอกพื้นที่งานเละเทะไม่ใช่นะครับ อันนี้ขอความเป็นธรรมนิดนึง ถ้าเป็นบริเวณที่เราเช่าพื้นที่ทั้งหมดเนี่ยจะมีพื้นที่ล้อมรัวปิด เราจัดการขยะหมดแน่นอน ก็น้อมรับแล้วกันถ้าอยู่ในพื้นที่งานเราพร้อมที่จะรณรงค์อย่างเต็มที่ปีหน้า”
ส่วนเรื่องของห้องน้ำทางผู้จัดก็ได้เพิ่มจากเดิมถึง 2 เท่า และยังมีการเปิดระบบทีมรักษาความสะอาด 24 ชั่วโมงที่เติมเข้าไป ทราบดีว่าไม่มีอะไรที่ดีสุดสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้นมีประมาณ 70,000 คน จึงต้องพยายามอยากให้ออกมาดี พร้อมตั้งคอลเซ็นเตอร์ขึ้นมาแปะทุกห้องน้ำ เมื่อเกิดปัญหาห้องน้ำอะไรคุณโทรเข้า คอลเซ็นเตอร์ได้ หากห้องน้ำเต็มจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการ
“ก็ส่งผมให้ได้รับฟีดแบ็กที่ดีมาก อย่างที่ผมบอกเราไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องน้ำไม่มีแล้ว เราเจอปัญหาเรื่องโทรศัพท์ตกส้วมแทน กับอีกเรื่องหนึ่งปัญหาฝุ่นเยอะ เผอิญที่มันแลกกับฝนตกอ่ะนะครับ ทำให้ไม่มีฝุ่น แต่อาจจะมีโคลนเยอะหน่อยในวันแรก ซึ่งเราก็ได้เตรียมความสะดวกในการเตรียมรถเคลื่อนย้าย ลาก หรือแม้กระทั่งกองฟางเพื่อที่จะมาเติมเพื่อให้ทางเดินไม่เละเทะมากมายนัก แต่ก็ต้องขอบคุณสปิริตของคนที่มาบิ๊กเมาน์เท่นเช่นกันที่มาเป็นส่วนหนึ่งของการมาเฟสติวัลครับ
ส่วนจุดกางเต็นท์มีเยอะไหม มีเยอะครับ เพิ่มจากเดิมอีก 2 เท่า เกินพอด้วยซ้ำครับ เพราะเท่าที่ผมดูเนี่ย คนที่มานอนปีนี้มันก็จะมีการพัฒนาอยู่สองกลุ่มนะครับ กลุ่มหนึ่งก็คือคนที่เคยมาบิ๊กเมาน์เท่นประจำ ก็จะเป็นกลุ่มที่คุ้นชิน แล้วก็ขยับไปซื้อเต็นท์ที่แพงขึ้น หรือไปอยู่รถบ้าน ในขณะที่มีกลุ่มมากางเต็นท์พื้นที่ใหม่ เรามีพื้นที่เหลือเฟือมากๆ ซึ่งผมก็เห็นว่าปีนี้ไม่มีเสียงบ่นด้านนี้”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารรายเดิม ยังบอกอีกว่าเทศกาลดนตรีเป็นเรื่องของวัฒนธรรม คนที่มาเฟสติวัลย่อมรักในศิลปินในเพลง ไม่ว่าจะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การที่มาแล้วได้รับวัฒนธรรมทางดนตรีอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วมีสิ่งที่มากกว่านั้นก็คือในการแลกเปลี่ยนมิตรภาพระหว่างคนหมู่มากที่มีความชอบและสนใจเหมือนและแตกต่างกัน
“ก็อยากจะฝากขอบคุณประชาชนทุกคนนะครับที่ซื้อบัตรมาแล้วก็มาร่วมสนุกในงาน บิ๊ก เมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล ครั้งที่ 9 มันเวอร์มากนะครับ ก็อยากจะฝากเรียนเชิญทุกคนที่ประทับใจนะครับมาร่วมงานในปีนี้เนี่ยอยากให้กลับมาอีกในปีหน้าเพราะว่าส่วนใครที่ติดใจเรื่องเฟสติวัลเนี่ยก็อยากให้ไปต่อที่นั่งเล่น ที่จะเกิดขึ้นในเขาใหญ่เหมือนกันนะครับในปลายเดือนมกราคมนะครับปีหน้าที่จะถึงนี้
ผมว่านี่เป็นเสน่ห์ของการมาเฟสติวัล ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตครับ ถ้าคุณเป็นคนที่รักเสียงเพลงนะ แล้วรู้สึกว่าคุณอยากจะเสพวัฒนธรรมดนตรีที่หลากหลาย แล้วเป็นการใช้เงินแบบคุ้มค่า เป็นประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณควรจะมานะ เพราะมันจะเป็นประสบการณ์ที่คุณมีความจดจำเชิงบวกนะอย่างไม่รู้ลืม
เฟสติวัล นี้มันเกิดมาเพื่อเขาใหญ่ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “Big Mountain” เพราะฉะนั้นการไปจัดที่อื่นอาจจะไม่ตอบสนองนะครับ สองก็คือว่า Big Mountain เป็นแบรนด์ที่มีความผูกพัน ซึ่งเราสร้างมาปีนี้เป็นปีที่ 9 เพราะฉะนั้นปีหน้าจะเดินเข้าสู่ปีที่ 10 เนี่ยผมว่ายังไงความเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่ากับคนที่มาดู และคุณค่าทางจิตใจของคนทำเนี่ย ผมว่ามันก็เลยเป็นเหตุและผลได้ และทุกคนก็ตั้งใจให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ”
ข่าวโดย MGR Live