xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลสายเปย์ แจกโบนัสคนจน ทำวุ่นทั้งเมือง!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แจกต่อไม่รอแล้วนะ! จนจริง/จนไม่จริงร้องเฮ แจกเงินปีใหม่ให้ใช้คนละ 500 บาท วันแรกวุ่นทั้งประเทศ เพราะคนรีบแห่มากด กลัวรัฐบาลยึดเงินคืน ด้านนักวิชาการซัด นโยบายลด แลก แจก แถม แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะเป็นที่นิยมของประชาชน!!

หวิดวางมวยเพราะเงิน 500 บาท!!

มารอตั้งแต่ไก่โห่ - จำรหัสไม่ได้ - เงินไม่เข้า - แซงคิว - หวิดตีกัน ฯลฯ สารพัดปัญหาจาก “เงินปีใหม่ 500 บาท” ที่รัฐบาลแจกใส่ “บัตรคนจน” ทำเอาช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ผู้ถือบัตรทั้งหลายไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน ต้องมารอต่อแถวอย่างอดทน เพื่อกดเงินสดออกไปใช้ เหตุเพราะเขาลือมาว่า ถ้าไม่กด รัฐบาลจะยึดเงินกลับ!?!

ยังคงมีกระแสดรามาออกมาเป็นระยะ สำหรับ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรคนจน” ที่ล่าสุด รัฐบาลเอาใจผู้มีรายได้น้อย ด้วยการแจกของขวัญปีใหม่ เป็นเงินสด 500 บาท ให้แก่ผู้ถือบัตรที่ลงทะเบียนแล้วจำนวนกว่า 11.4 ล้านคน จึงทำให้ช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 8 - 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา บริเวณหน้าตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยทั่วทั้งประเทศ เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มารอกดเงินสดออกไปจนตู้แทบแตก



แน่นอนว่าเมื่อมีคนจำนวนมากมารวมกัน ย่อมเกิดความวุ่นวายตามมาแบบไม่ต้องสงสัย เริ่มต้นจากมีคนรอเข้าคิวกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างไปจนถึงตะวันตกดิน แถมยังต้องต่อคิวกันหลายชั่วโมง เพื่อหวังจะรีบนำเงินที่ได้ออกมาใช้ ก่อนที่จะโดนรัฐบาลดึงกลับคืนไป ตามคำบอกเล่ากันปากต่อปาก

อีกทั้งยังมีผู้ถือบัตรจำนวนมากที่ไม่เข้าใจวิธีการกดเงิน และลืมรหัสบัตรของตนเอง ซึ่งการแจกเงินครั้งนี้ ยังตรงกับช่วงวันหยุดราชการที่ธนาคารปิด ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยแนะนำขั้นตอน จึงทำให้การทำรายการยิ่งล่าช้าเข้าไปอีก นอกจากนี้ ในหลายพื้นที่ เป็นต้นว่าที่ตู้ ATM ในตลาดลานสัก จ.อุทัยธานี มีการแซงคิวกันจนเกิดมีปากเสียงและเกือบจะถึงขั้นลงไม้ลงมือ ต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุอีกด้วย



เหตุการณ์นี้ นอกจากจะสร้างความวุ่นวายให้แก่ผู้ถือบัตรคนจนที่มารอกดเงินแล้ว ยังเดือดร้อนไปถึงผู้ที่ไม่มีบัตรคนจน ที่ต้องการมาทำธุรกรรมอื่นๆ ที่ตู้ของธนาคารกรุงไทย เพราะมีคนหัวใสบางคน หาประโยชน์จากโอกาสนี้ ด้วยการรับจ้างนำบัตรคนจนมากดเงินสด โดยจะถือมาทีละไม่ต่ำกว่า 20 ใบ ทำให้คนที่ต้องการใช้บริการอื่นๆ ต้องรอคิวนานขึ้น แถมยังไม่สามารถทำรายการใดๆ ได้เนื่องจากเงินถูกกดออกไปจนเกลี้ยงตู้!

เพื่อสยบข่าวลือต่างๆ และไม่ให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ ทาง กรมบัญชีกลาง จึงได้ออกมาชี้แจงผ่านแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า เงินของขวัญ 500 บาท จะยังคงอยู่ในบัตรต่อไป ไม่ดึงกลับแน่นอน



“รัฐบาลโอนเงินของขวัญปีใหม่เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิ 11 ล้านคน คนละ 500 บาท ระหว่าง 8-10 ธ.ค. 61 ซึ่งเงินในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะไม่จำกัดเวลาในการใช้ ไม่มีการดึงเงินกลับ ซึ่งจะแตกต่างจากวงเงินสวัสดิการซื้อสินค้าธงฟ้า 200/300 บาท ซึ่งต้องใช้จ่ายภายในเดือน
ดังนั้นผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องถอนเงินตอนนี้ เงินของขวัญ 500 บาท ก็จะคงอยู่ในบัตรตลอดไป จนกว่าผู้มีสิทธิมีความจำเป็นต้องใช้ โดยสามารถกดเป็นเงินสดผ่านตู้ ATM กรุงไทย ถอนเงินจากบัตรที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือใช้จ่ายเงินดังกล่าวที่ร้านธงฟ้า รวมทั้งร้านค้าเอกชนอื่นที่รับบัตรสวัสดิการ”

สำหรับความรู้สึกของผู้ที่ได้รับเงินในครั้งนี้ อมรรัตน์ ธนะผาง อายุ 57 ปี ชาว จ.มุกดาหาร หนึ่งในชาวบ้านที่มารอกดเงินสด ตู้ATM ธนาคารกรุงไทย ปั๊มน้ำมันบ้านคำอาฮวน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ทางรัฐบาลได้มอบเงินของขวัญปีใหม่ 500 บาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในครอบครัว ถือว่าเป็นโครงการมีประโยชน์มาก ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้เงินคนจนเพื่อให้ประชาชนได้อยู่ได้กินสบายมากขึ้น และยังมีผู้ถือบัตรบางราย อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย เพื่อที่โครงการนี้จะได้ดำเนินต่ออย่างไม่ขาดช่วงอีกด้วย

4 มาตรการ บัตรแจกแหลกปีหน้า!!

ไม่เพียงแค่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้ง 11.4 ล้านคน ที่ได้รับเงิน 500 บาทไป ยังมีผู้ที่ลงทะเบียนเพิ่มในโครงการไทยนิยมยั่งยืน อีกกว่า 3.1 ล้านคน ที่จะได้รับในช่วง 5 ม.ค.62 และ 1 ก.พ. 62 เพิ่มเติมอีก มีการระบุตัวเลขไว้ว่า เงินสดจำนวน 500 บาทนี้ ที่เป็นการให้เงินครั้งเดียว และใช้งบประมาณไปจำนวน 7,250 ล้านบาท

และในปี 62 ที่กำลังจะมาถึง หากใครมีบัตรคนจนอยู่ในมือ ก็เตรียมได้รับสิทธิพิเศษอีก เพราะ ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ ในการจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้



1. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยกรณีค่าไฟฟ้า ให้ใช้ไฟฟ้าในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน มีผลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนกันยายน 2562 ระยะเวลา 10 เดือน

2. มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินในการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม 2561 เป็นจำนวน 500 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อยในช่วงปลายปี 2561

3. มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เป็นจำนวน 1,000 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว)

4. มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เป็นจำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนกันยายน 2562



เท่านั้นยังไม่พอ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติมาตรการ แจกซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี ให้ผู้ถือบัตรเดือนละ 50 บาท เป็นเวลา 6 เดือน โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นความยากจน แต่ไม่ได้หมายถึงว่าแจกให้ไปดูหนัง เล่นเกม และฟังเพลง”

หลังจากที่กระแสข่าวนี้ถูกส่งต่อออกไป ทางด้านของโลกโซเชียลฯ ก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า นโยบายแจกเงินของรัฐบาล คุณภาพของประชาชนไม่ได้ถูกพัฒนา ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพในระยะยาว และไม่ต่างอะไรกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

นอกจากนี้ ยังมีกรณีดรามาคนจนไม่จริง เพราะพบผู้ถือบัตรบางรายที่กดเงินออกมาถ่ายภาพอวดลงโลกโซเชียลฯ โดยบอกว่าจะนำไปซื้อสุรา บ้างก็ว่าจะนำไปจ่ายค่าแชร์ รวมไปถึงผู้ถือบัตรคนจนที่ดูจะจนไม่จริง เพราะที่คอของเธอสวมสร้อยทองเส้นโตไว้นั่นเอง



ส่วนทางด้านของ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการและอาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เช่นกันว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายเช่นนี้ในทุกยุคสมัยมันไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จริงๆ แล้วปัญหาเศรษฐกิจมันเป็นที่มีมายาวนาน ทั้ง ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การกระจายรายได้ แรงงานที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลที่ผ่านมาหรือชุดนี้ก็จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การเอาเงินไปแจกผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งมันไม่ได้เป็นการแก้ไขอย่างยั่งยืน

“เรื่องของนโยบายที่จะลด แลก แจก แถมนั้นมันไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะเป็นที่นิยมของประชาชน แต่ประชาชนจะเล็งเห็นถึงผลที่จะได้รับ แต่ในระยะยาวการไปตัดสินใจลงคะแนนเสียงมันมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง มันไม่ใช่เป็นการให้แล้วได้รับคะแนนเสียง ฉะนั้นการใช้นโยบายต่างๆ ที่ให้พี่น้องประชาชนแล้วจะได้รับในเชิงคะแนนเสียงกลับมานั้นมันไม่ใช่ทางที่ดีเสมอไป” รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว

ที่กล่าวไปข้างต้น เป็นเพียงแค่สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ซึ่งก็เป็นเงินกว่า 38,730 ล้านบาทแล้ว ตัวเลขนี้ยังไม่นับรวมงบประมาณตั้งแต่บัตรเริ่มอนุมัติให้ใช้ได้ตั้งแต่ปลายปี 60 รวมไปถึงซิมแก้จนอีกคนละ 50 บาท โดยมีการคาดการณ์ตัวเลขไว้คร่าวๆ ว่าอาจพุ่งไปถึงหลักแสนล้านบาท!
ทั้งนี้ ก็คงได้แต่จับต่อมองกันต่อไปว่า ทั้ง 4 มาตรการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว จะสร้างความกินดีอยู่ดีได้มากน้อยแค่ไหน และถึงแม้ “บิ๊กตู่” จะยืนยันเสียงแข็งว่า การแจกเงินคนจนนี้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การหาเสียง แต่ดูจากกระแสตอบรับการแจกเงินครั้งนี้ ก็คงจะได้ใจผู้ที่ถือบัตรคนจน ไม่มากก็น้อย ...



 
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น