ฮอตยิ่งกว่าดาราเสียอีก! จำนวนผู้ติดตามราวกับซุป'ตาร์ 3.3 ล้าน พิม-ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล หรือที่รู้จักกันในโลกโซเชียล “พิมฐา” สาววัย 24 ปี กับไลฟ์สไตล์สดใสในดินแดนญี่ปุ่น ที่ใครๆเห็นแล้วต้องอมยิ้ม
ใครจะไปคาดคิดว่า “ปลาทอง” ฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้ พอโตขึ้นจะฉายแววออร่าสวยสดใสโดนใจชาวโซเชียลฯ จนดังเปรี้ยงในโลกออนไลน์ขนาดนี้ ทว่า เธอยังดังไกลระดับเอเชีย จนได้รับรางวัล Influence Asia 2017 หรือ คนดังที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย สาขา Lifestyle ประเทศไทย ณ เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มาครองอีกด้วย
พิมฐา คือใคร ทำไมถึงดังเปรี้ยงขนาดนี้!? ถาม-ตอบทุกเรื่องกับพิมฐา แถมยังมีเรื่องของหวานใจอีกด้วย
ยอดไลค์กระหน่ำ ยอดฟอลโลว์สูงลิ่ว ทะลุสามล้าน!
Q : จุดเริ่มต้นของการเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์
A: จริงๆเริ่มเล่นโซเชียลฯ มาตั้งแต่ปี2010 หลังจากได้มีสมาร์ทโฟนเครื่องแรก เห็นว่ามีแอปพลิเคชันที่สามารถใส่ฟิลเตอร์สวยๆ ทำให้เริ่มอินการถ่ายภาพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาค่ะ จำได้ว่ารูปแรกที่ลงน่าจะเป็นรูปเซลฟี่ตัวเองนี่แหละค่ะ จนเริ่มสังเกตว่ามีคนเริ่มติดตามเรามากขึ้นน่าจะเป็นช่วงที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น เราก็เริ่มได้เรียนรู้เทคนิควิธีการถ่ายรูปมาจากพี่บูมอีกที เริ่มซื้อกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเอง รูปภาพองค์ประกอบก็เริ่มพัฒนามากขึ้น ส่วนรูปที่คนกดไลค์มากที่สุดไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะลงรูปบ่อยมาก (หัวเราะ)
สำหรับชื่อพิมฐา จริงๆมาจากเพื่อนที่โรงเรียนตั้งแต่ประถมแล้วค่ะ เพราะในชั้นเดียวกันมีเพื่อนชื่อพิมเยอะมาก เพื่อนก็เลยตั้งชื่อ พิมฐา โดยเอาชื่อเล่นมาผสมกับชื่อจริง (ฐานิดา) แต่ตอนอนุบาลชื่อพิม1 นะ ส่วนพิมคนต่อไปก็เป็นพิม2 พิม 3 (หัวเราะ)
นอกจากไอจี ตอนนี้ก็เล่นเฟซบุ๊กแต่จะปิดไว้เป็นส่วนตัวไว้คุยกับเพื่อนค่ะ มีบ้างที่แชร์โพสต์เป็น public แล้วก็ตอนนี้ทำเพจท่องเที่ยว been here and there ไปไหนไปด้วย อยู่ค่ะ แต่ใจจริงๆก็จะอัปรูปส่วนใหญ่ลงในไอจี เพราะว่า layout ของไอจีดูภาพรวมๆแล้วสวยกว่าค่ะ(หัวเราะ)
Q : อะไรที่ทำให้โด่งดัง จนมีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคนมากกว่าดาราดังๆอีก
A: อันนี้ไม่ทราบจริงๆ แต่คิดว่าน่าจะเป็นความแปลกใหม่ตรงที่เราเป็นนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อเกือบ10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนักเรียนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการเรียนต่อที่อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลียมากกว่า
แต่พอเราอยู่ญี่ปุ่นมันน่าจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ แล้วก็เริ่มถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปที่ตอนนั้นคนเริ่มไม่ค่อยสนใจเพราะโทรศัพท์ก็ถ่ายภาพได้ แต่เหมือนเราได้แรงบันดาลใจมาจากพี่บูม เลยเริ่มออกไปเที่ยวด้วยกัน ถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก แล้วอัพลงโซเชียลฯ บวกกับช่วงนั้นไอจีเริ่มมีคนเล่นเยอะมากขึ้นด้วยค่ะ
Q : ใช้แอปฯ -ฟีลเตอร์อะไร แต่งรูป “สไตล์พิมฐา” จนเป็นลักษณะเฉพาะตัว
A: จริงๆเรื่องนี้ก็ต้องยกเครดิตให้พี่บูม(แฟนพิมฐา)เหมือนกันนะคะ เพราะส่วนตัวพิมค่อนข้างเป็นคนโลว์เทคมาก ใช้ออะไรไม่ค่อยเป็น แต่พี่บูมคอยสอน แนะนำไอจีภาพสวยๆของช่างภาพฝรั่งให้ดู ก็ซึมซับมา แล้วก็ยึดในภาพและสีที่เราเห็นแล้วชอบ มาประยุกต์กับภาพของเราค่ะ
แอปฯ ที่ใช้ส่วนใหญ่จะมี lightroom / snapseed/ polar / VSCOcam/ RNIfilms ค่ะ
Q : แนะนำวิธีถ่ายรูปลงไอจี ให้มียอดไลค์ถล่มทลาย ส่วนใหญ่ใครถ่ายภาพ เลือกมุมมองให้
A: ส่วนใหญ่พี่บูมและคุณแม่ และเพื่อนถ่ายให้ค่ะ หรือบางทีก็ตั้งกล้องถ่ายเองค่ะ
ชีวิตนักเรียนทุน ประสบการณ์ในเมืองญี่ปุ่น
Q :. ชีวิตนักเรียนทุน 4 ปีในญี่ปุ่น ต้องปรับตัวมากน้อยขนาดไหน
A: เรื่องปรับตัวในการใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอค่ะ แต่ในท้ายที่สุดทุกคนจะผ่านมันไปได้แล้วเติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น ถ้าถามพิม พิมดีใจที่ตัวเองได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศนะคะ อยากฝากถึงน้องๆที่อาจจะกำลังลังเลอยู่ เชียร์ให้ไปค่ะ ชีวิตนี้จะคุ้มค่ามากๆ ขยันเยอะๆ ต้องเป้าหมายให้ชัดเจน ทำได้แน่นอนค่ะ
Q :. เลือกเรียนคณะอะไร ทำไมถึงเรียนคณะนี้ หลังจากเรียนจบมาได้ต่อยอดอะไรบ้าง
A: พิมเรียนมัธยมต้นโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัยเชียงใหม่ มัธยมปลาย fairfield high school ที่ Australiaและ มหาวิทยาลัย Ritsumeikan Asia Pacific University ประเทศญี่ปุ่น
ตอนมหาวิทยาลัยพิมเลือกเรียนคณะ Asia Pacific studies เมเจอร์ Environment developement / tourism ค่ะ ที่เลือกเพราะชอบเขียนและสนใจในสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว ถามว่าจบมาต่อยอดได้มั้ย มันเหมือนได้จิตใต้สำนึกที่ดีในการอยู่กับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมากเลยค่ะ
Q : ประสบการณ์การเรียนในต่างแดน แตกต่างจากโรงเรียน-มหาวิทยาลัย ในเมืองไทยอย่างไรบ้าง
A: รู้สึกว่าตอนเรียนต่างประเทศมีความเปิดกว้างทางด้านความคิดมากๆ การเรียนนอกห้องเรียนสำคัญมากกว่าในห้องเรียนค่ะ มีความเป็น individualism มากกว่า ทั้งอาจารย์และเพื่อนๆค่อนข้างเคารพในการตัดสินใจของกันและกันสูงมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบในการเรียนที่ประเทศไทยคือเรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม การมีกาลเทศะ มารยาททางสังคม ค่ะ รู้สึกว่าสิ่งนี้ค่อนข้างสำคัญมากๆเช่นกัน
Q :แนะนำน้องๆที่อยากเป็นเหมือนพิมฐา ต้องฝึกฝนอะไรบ้าง
A: จริงๆพิมคิดว่าชีวิตคนเราแต่ละคนล้วนมีทางเดินที่เหมาะกับตัวเองค่ะ พิมอยากฝากว่าอยากให้ทุกคนค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าเราชอบทำอะไร เหมาะกับอะไร มีไอดอลหลายคนมากที่พิมเองก็ชื่นชอบ ชื่นชมในสิ่งที่เค้าทำค่ะ แต่บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวพิมเอง พิมเลยเก็บแค่สิ่งที่ดีๆ ของไอดอลแต่ละคนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราให้ลงตัวมากกว่าค่ะ
โซเชียลฯ โลกอีกใบในจินตนาการ
Q : "โซเชียลมีเดีย" มีความสำคัญกับคนอย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้กลายเป็นแพลตฟอร์มทางธุรกิจไปแล้ว
A: พิมมองว่าโซเชียลมีเดียเหมือนเป็นโลกอีกใบในจินตนาการของใครหลายๆคน จริงอยู่ที่เราสามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ นำเสนออะไรก็ได้ที่เติมเต็มในส่วนที่เราอยากจะเป็นหรืออยากให้คนอื่นดู แต่พิมจะคิดจะเสมอว่าทุกอย่างก็มีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี
ถ้าให้เลือกได้ จริงๆพิมชอบชีวิตก่อนมีโซเชียลมีเดียมากกว่านะ รู้สึกโลกมันละเอียดกว่านี้ ทุกคนเดินไปช้าๆ แต่เก็บรายละเอียดกันกว่านี้ รู้สึกมันมีความหมายดีค่ะ
Q : แนวทางการสร้างตัวเองให้เป็นคนดัง มีชื่อเสียง
A: อันนี้ไม่ทราบจริงๆ (หัวเราะ) คือพิมคิดว่ามันเป็นจังหวะหนึ่งในชีวิตมากกว่า ที่มีโอกาสได้แสดงจุดยืนในโลกโซเชียลฯ ในเมื่อเรามองเห็นแล้วว่ามีคนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจเรา เราก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เรานำเสนอให้เค้าด้วยค่ะ ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี คิดให้รอบคอบก่อนจะนำเสนออะไรค่ะ
Q : คิดยังไงเด็กไทยส่วนใหญ่ติดโลกโซเชียลฯ , ข้อดี - ข้อเสีย
A: อย่างที่บอกไป ว่าโลกโซเชียลฯ ก็เหมือนดาบสองคมค่ะ แต่อยากจะฝากถึงคนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกโซเชียลหรือให้เวลากับมันมากๆ อยากให้ลองนึกถึงสิ่งรอบข้าง ในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีเวลาเป็นตัวกำหนด อยากให้ลองออกไปเที่ยวไปเจอสิ่งใหม่ๆ ด้วยตาตัวเองบ้าง บางทีชีวิตไม่ได้ต้องการความหวือหวาหรือเสียงคอมเม้นจากคนรอบข้างเสมอไปค่ะ กลับมาสนใจตัวเองและคนรอบข้างบ้าง
Q : รู้สึกอย่างไรที่ใครๆก็เรียกเราว่า "เน็ตไอดอล" คิดอย่างไรกับคำนี้
A: จริงๆคิดว่าความหมายที่แท้จริงน่าจะเป็นเหมือนไอดอลแหละค่ะ แต่มีชื่อเสียงและเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คำว่าเน็ตไอดอลในตอนนี้อาจจะมีความหมายในแง่ลบมากกว่า
Q : ตัวตนจริงๆ เป็นอย่างในภาพที่เห็นในโซเชียลฯ มั้ย
A: ก็มีส่วนหนึ่ง ที่เหมือนค่ะ แต่จริงๆพิมก็เป็นคนธรรมดา มีความโมโหมีความเกรี้ยวกราดเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)
ไม่เกิน 1 วัน ทะเลาะต้องรีบเคลียร์! เคล็ดลับครองรักยาว
Q : เคล็ดลับคบแฟนให้นานขนาดนี้
A: ปีนี้คบกันน่าจะเข้าปีที่ 7 ย่าง 8 ค่ะ จริงๆไม่มีเคล็ดลับอะไรมาก ระหว่างนี้ก็มีทะเลาะกันไม่เข้าใจกันเหมือนคู่อื่นๆทั่วไปค่ะ แต่เราจะพยายามตั้งว่า เวลาเราทะเลาะกันจะต้องคุยกันภายใน 24 ชั่วโมงค่ะ
Q : ทั้งคู่เป็นคนโรแมนติกมั้ย, อายุมากขึ้น หน้าที่การงานเยอะขึ้น เวลาส่วนตัวน้อยลงทำให้เป็นอุปสรรค หรือปัญหากับชีวิตคู่หรือเปล่า
A: โรแมนติกมั้ยก็ไม่แน่ใจนะคะ แต่ว่าเราเองเป็นคนคิดว่าถ้ามีแฟนอยากทำแบบนี้ๆให้ ก็ทำให้ตลอดเลยค่ะ ส่วนพี่บูมจะเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก (หัวเราะ) แบบเค้าไม่ค่อยหวานๆ แต่แสดงออกเล็กๆน้อยๆที่เรารู้สึกได้มากกว่าค่ะ
พอโตมาด้วยหน้าที่การงานของแต่ละคนก็มีบ้างค่ะที่เราไม่ค่อยได้เจอกัน อย่างพิมเดินทางบ่อย แต่มีอะไรก็ปรึกษากันให้กำลังใจกันตลอดค่ะ
Q : สเปกผู้ชายที่ใช่ และแบบไหนที่ ไม่โอเค
A: สเปกจริงๆก็ไม่เชิงว่ามีนะคะ แต่จะชอบคนที่นิสัยดี อยู่ด้วยแล้วเข้าอกเข้าใจ เอาใจด้วยก็ดีค่ะ ชอบคนที่โตกว่านิดหน่อย เราจะได้มุมองใหม่ๆจากเค้าเยอะค่ะ
ส่วนแบบที่ไม่โอเคเลยคือ ขี้อวดค่ะ (หัวเราะ) พูดแต่เรื่องของตัวเอง แล้วก็เห็นแก่ตัว มันจะดูออกเลยค่ะเวลาเค้าปฏิบัติต่อผู้อื่น
รักสัตว์ โลกส่วนตัวสูง
Q : หลายคนไม่รู้ว่าพิมฐา รักสัตว์ มีความใฝ่ฝันว่าจะทำงานในสวนสัตว์ จนอยากจะไปเป็นอาสาสมัคร ตอนนี้ได้ทำความฝันนี้ให้เป็นจริงหรือยัง
A: แต่ตั้งแต่จำความได้ก็อยากเลี้ยงสัตว์มาตลอด เคยใกล้เคียงกับความฝันมากที่สุดตอนไปฝึกงานที่ฟาร์มค่ะ ต้องเลี้ยงไก่งวงตัวใหญ่มาก ถึงจะดุมากแต่ก็รักและผูกพันกับน้องไก่ค่ะ
Q : ได้ข่าวว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ต้องอยู่กับตัวเองวันละ 1 ชั่วโมง แล้วใน 1 ชั่วโมงแสนวิเศษนั้นทำอะไรบ้าง
A: แค่คิดว่าคนเราต้องมีเวลาที่อยู่กับตัวเองอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน เพราะเราจะได้ทบทวนตัวเองได้อยู่กับตัวเองทำสิ่งที่เราอยากทำบ้าๆบอๆไปค่ะ
Q : บุคคลผู้เป็นแรงบันดาลใจ หรือฟอลโลว์ใครบ้าง ที่รู้สึกว่าเขาสร้างแรงบันดาลใจให้เรา
A: มีเยอะมากค่ะ แต่ที่หลักๆแบบมุมองการใช้ชีวิต คือพี่โน๊ต อุดมค่ะ
โดย MGR Live
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพจาก : อินสตาแกรม @pimtha