"วัยรุ่นไทย 2,692 คน ครึ่งหนึ่งรู้สึกหดหู่ เศร้า สิ้นหวัง ท้อแท้ อีกร้อยละ 70 รู้สึกเบื่อ ทำอะไรไม่สนุก" คือข้อมูลจากโครงการยูรีพอร์ต ประเทศไทย สำรวจออนไลน์ระหว่างวันที่ 5-13 กันยายน 2561 เผยให้เห็นความสับสน กลุ้มใจ ต้องแบกรับแรงกดดันหลายๆ อย่างของวัยรุ่นไทย และที่น่าตกใจคือ 1 ใน 4 เคยคิดฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง
"ทุกวันนี้โลกมันหมุนเร็วมาก สื่อสังคมออนไลน์มันไปเร็วมาก แต่จิตใจของเรามักจะตามไม่ทัน ถ้าไม่สามารถก้าวทันสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มันจะเกิดความขัดแย้ง ส่งผลต่อสุขภาพจิตตามมา ตอนนี้วัยรุ่นไทยกลายเป็นซอมบี้หนังสือ หรือซอมบี้โรงเรียน ต้องแบกกระเป๋าไปเรียนด้วยหน้าตาเหมือนซอมบี้" ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ (สสส.) พูดถึงปัญหาสุขภาพจิตเด็กและเยาวชนที่กำลังน่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้
สอดรับกับข้อมูลองค์การอนามัยโลก ระบุถึงสาเหตุการตายของเยาวชนวัย 10-24 ปีทั่วโลกที่สูงถึง 2.6 ล้านคนต่อปี พบว่า 1 ใน 3 มีสาเหตุจากการฆ่าตัวตาย มีความสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าสูงถึงร้อยละ 44 และมีอัตราป่วยเป็นโรคนี้สูงถึงร้อยละ 18 หรือราว 1 ล้านคน วัยรุ่นที่ประสบปัญหาส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ทั้งนี้ แม้ภาวะซึมเศร้าจะมีหลายสาเหตุประกอบกัน แต่หนึ่งในนั้นคือความเครียด ความกดดันที่หากถูกกระตุ้นบ่อยๆ อาจลุกลามเป็นโรคซึมเศร้า ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต เช่น เรียน หรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่มีความสุขในชีวิต หรือถ้าเลวร้ายจริง ๆ อาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลย
พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็ก และวัยรุ่นราชนครินทร์ บอกว่า โรคซึมเศร้ามีตัวเลขเพิ่มขึ้นจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กไทยทุกคนป่วย เพียงแต่ส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความเครียดในการเรียน ความเครียดเรื่องเพื่อน และความเครียดในครอบครัว
"เด็กบางคนฝันไม่ตรงกับกับพ่อแม่ ตรงนี้มันค่อนข้างยากเหมือนกันนะ เพราะพ่อแม่ก็มองว่าฉันรักลูก ทางที่ดี ค่อยๆ พูดคุยกันค่ะ ไม่ต้องถึงขั้นตัดพ่อตัดแม่ อะไรพอไปได้ก็มุ่งที่ตัวเราไปก่อน การขัดร้อยเปอร์เซ็นต์มันไม่ใช่ทางออกที่ดี สิ่งที่ทำได้คือ เข้าไปบอกกับพ่อแม่ว่าเราชอบอะไร ต้องการอะไร ไม่ได้บอกว่าทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจ แค่ผ่อนมาในจุดที่มันลงตัวทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่ ถ้าสุดท้ายพ่อแม่เข้าใจก็เข้าใจ ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจอย่างน้อยก็ทำดีที่สุดในบทบาทของเราแล้วคือการได้บอก แต่อย่าตำหนิกันนะคะ"
ดังนั้น ความกดดัน ความคาดหวัง รวมไปถึงบงการชีวิตลูกมากเกินไป ไม่ใช่หนทางที่ดี เพราะจะทุกข์ และเจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่การเตรียมลูกให้พร้อม และมีเป้าหมายที่ชัดเจนต่างหากคือสิ่งที่สำคัญกว่า เช่นเดียวกับวัยรุ่น การดูแลหัวใจตัวเองท่ามกลางความเครียดและความกดดันต่างๆ คือสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
"เราไม่สามารถไปปรับเปลี่ยนคนอื่นได้ และความเป็นตัวตนของเรา เรามักจะรอคนอื่นชี้ว่ามันดี แต่เรื่องนี้วัยรุ่นต้องฝึกค่ะ 1. ฝึกมองข้อดีของตัวเองไว้บ้าง ถ้ามองว่าฉันก็ดีเรื่องนี้ มันก็จะทำให้เรามั่นใจขึ้น ซึ่งมันอาจจะคนละด้านกับคนอื่นก็ไม่เห็นเป็นไร
2. หาอะไรทำบ้าง อย่ามัวแต่ตามเพื่อนอย่างเดียว อะไรที่เรามีความสุขก็แยกมาในชีวิตส่วนตัวบ้าง เพราะคนเราทุกคนก็ต้องมีวงกลมของตัวเอง ไม่ใช่เอาวงกลมของเราไปซ้อนวงกลมของคนอื่นตลอดเวลา 3. ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถ้าปัจจุบันมันเท่านี้ รอให้ฟ้าประทานมาแค่ไหน มันก็เท่านี้ ดังนั้นบอกกับตัวเองว่า ถ้าฉันทำดีที่สุดแล้ว มันก็คือดีที่สุดแล้วค่ะ" รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็ก และวัยรุ่นราชนครินทร์ทิ้งท้าย