xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัวป่อเต็กตึ๊ง! “กาย-รัชชานนท์” หอบภรรยาอาสาช่วยคน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อาสาป่อเต็กตึ๊ง ไม่ได้มีแค่การยกศพ เปิดใจ “กาย-รัชชานนท์ สุประกอบ” ทั้งมุมเพื่อสังคม การเลี้ยงลูกติดดิน การทำหมันปิดอู่เพื่อรับผิดชอบต่อครอบครัว บทสัมภาษณ์ครั้งนี้จะพาไปดูมุมมองการใช้ชีวิตของคุณพ่อตัวอย่างที่ทำเอาหลายคนจะต้องชื่นชมไปตามๆ กัน

“บ้านสุประกอบ” อาสา-เสียสละ-ช่วยสังคม

“งานแรกที่ไปเลยก็คือ การเคลื่อนย้ายอาจารย์ใหญ่ครับที่จุฬา คือถึงเวลาที่เด็กนักศึกษาแพทย์เขาส่งร่างอาจารย์คืน เหมือนกับเรียนเสร็จแล้วก็ส่งร่างให้กับครอบครัว ก็ไปช่วยยกจากอาคารหนึ่งไปอีกอาคารหนึ่งเพื่อจะส่งมอบครับ เพื่อให้เขาไปทำพิธีตามศาสนาต่อครับผม ก็ไปวัดบ้าง ไปเผาอะไรอย่างนี้ครับ”

คำพูดของชายรูปร่างดี สวมเสื้อยืนสีขาว กางเกงยีนส์ ลุคสบายๆ ของนักแสดงลูกดกอารมณ์ดีที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้สัมภาษณ์ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “กาย-รัชชานนท์ สุประกอบ” ที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันกับภรรยาสาว “ฮารุ-สุประกอบ” พร้อมกับลูกๆ 3 ยอดกุมารอย่าง น้องคีริน-น้องไนร่า-น้องเอเดน



ไม่รอช้าทีมข่าว MGR Live ได้มีโอกาสคว้าตัวคุณพ่อน้ำดีมานั่งสนทนาด้วย และการได้พูดคุยกับกายในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความคิดของเขาในการช่วยเหลือสังคมในอีกด้านที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้

“จริงๆ เริ่มทำจากพี่จูนอ่ะครับ พี่จูน-กษมา เขาชวนแล้วจริงๆ คือเราสนใจมาตั้งนานมากแล้วครับ ว่าอยากที่จะทำแต่ไม่รู้ช่องทาง มันอะไรยังไงได้บ้าง พอมีโอกาสผมก็รีบทำเลยครับ”

สำหรับฮารุ ภรรยาที่คอยเป็นจิตอาสาเคียงคู่ไปด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า งานใหญ่ของป่อเต็กตึ๊งนั้นมีอยู่หลายงาน หลายแขนง และทุกคนสามารถที่จะเข้าไปทำเพื่อสังคมได้ อยู่ที่ว่าแต่ละคนมีความถนัดทางด้านไหนกันบ้าง



“งานหลักๆ ก็มีของอาจารย์ใหญ่ที่ไปทำค่ะ อันที่สองคืองานเทกระจาดซึ่งปีหนึ่งจะจัดใหญ่ๆ หนึ่งครั้งที่สมุทรสาคร แล้วจริงๆ งานของอาสาป่อเต็กตึ๊งมันมีหลายอย่าง ช่วยตั้งแต่ที่เรารู้ก็คือ ช่วยที่ถนนตั้งแต่อุบัติเหตุอะไรอย่างเนี่ย แล้วก็จะมีงานภัยพิบัติอุทกภัยอะไรแบบนี้ อยู่ที่ว่าเราไปสมัครป่อเต็กตึ๊งอ่ะเราถนัดงานประมาณไหน หรือชอบงานประมาณไหน

คือจริงๆ แล้วอย่างของพี่กายเอง กับของฮารุอย่างเนี่ย สมมติว่าเป็นอาสาเหมือนกันนะ งานที่เราชอบอาจจะแตกต่างกันไป เช่นพี่กายอาจจะอยากไปช่วยกู้ภัยตอนดึกๆดื่นๆ หรืออุบัติเหตุทั่วไปตามท้องถนนอะไรอย่างนี้ แต่ของฮารุเอง จะรู้เลยว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานแบบนั้น ด้วยความกลัวหรือว่าอะไรก็แล้วแต่

ฮารุถึงบอกว่าการเป็นกู้ภัยอาสาเนี่ย คนข้างนอกอย่าไปคิดแค่ว่า เราต้องไปยกศพอย่างเดียว งานบันเทิงก็มี เช่นเราไปให้ความบันเทิงกับคนในคุกอะไรอย่างนี้ อย่างงานที่เราไปอาจารย์ใหญ่อย่างนี้ บางคนก็อาจจะแรงยกไม่ไหว เพราะท่านก็หนักอะไรอย่างนี้ บางคนกลัวศพ แต่มันก็มีงานที่อื่นๆ อีก เช่นงานตักอาหาร งานแจกน้ำ แจกข้าว ทุกๆ อย่างมันคือจิตอาสา อยู่ที่ว่าเราอยากจะทำอันไหนมากกว่า

อย่างคนทั่วไปนะคะ ถ้าเกิดเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอาสา เราก็ยังมีงานอื่นที่สามารถทำเพื่อสังคมได้ คือหลักๆ แล้วป่อเต็กตึ๊งมันเป็นงานเพื่อสังคม มันเริ่มต้นจากการที่มีคนก่อตั้งมาเพื่ออยากจะช่วยคนที่เขาเป็นศพไร้ญาติก่อน แล้วค่อยขยับขยาย จากศพไร้ญาติแล้วก็ช่วยเหลือคนที่ยากไร้ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นคอนเซ็ปต์ของป่อเต็กตึ๊งอยู่ ศพที่ไม่มีญาติ เขาก็จะมีสุสานที่สมุทรสาครที่เราไป ก็คือจะเป็นสุสานเลย ประมาณนั้น แล้วก็ปีหนึ่งก็จะมีงานล้างป่าช้าทีหนึ่ง ก็คือเหมือนเอากระดูกออกมาเพื่อที่จะทำความสะอาด เพื่อล้างอะไรอย่างนี้”

หลังจากทั้งคู่พากันออกไปร่วมทำจิตอาสาในงานประเพณีเทกระจาดกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแล้ว เมื่อใส่ชุดกู้ภัยเดินทางกลับถึงบ้าน ลูกๆ ของเขาก็ทักถามว่าพ่อกับแม่ไปทำอะไรมา และกลายเป็นว่าลูกของกายกับฮารุก็มีใจที่อยากจะไปช่วยเหลือคนอื่นด้วยเช่นกัน นี่คงเป็นการปลูกฝังให้ลูกของทั้งสองคนรู้จักคำว่าจิตอาสาไปในตัว และเขาก็กำลังวางแผนที่จะพาลูกๆ ออกไปเป็นจิตอาสาด้วยเช่นกัน



การช่วยเหลือคนอื่นสำหรับหนุ่มกายไม่ได้มีเพียงการเป็นจิตอาสาของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเท่านั้น แต่เขาเผยถึงการจดทะเบียนมูลนิธิที่จะทำอีกอย่าง คือเป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือคนโดยการตรวจสอบยาเป็นรายบุคคล หรือเรียกว่าเทคโนโลยี IPSC เป็นการนำเซลล์ผู้ป่วยมาทำให้เป็นสเต็มเซลล์แบบพิเศษ ก็จะสามารถนำมาทดสอบยาได้โดยตรง

“สมมติเราเป็นมะเร็งแล้วเราต้องทำคีโม แล้วคุณหมอก็บอกว่า เอาคีโมทำแบบนี้ ในปริมาณที่เท่านี้ กายจะตรวจสอบให้ในชั้นเซลล์เรา ว่าเซลล์เรารับได้ไหมกับตัวยาและปริมาณยาที่เขาต้องการ กายก็จะเอาเซลล์โดยใช้เทคโนโลยี iPSC ผลิตเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เพื่อที่จะเอาเซลล์ต่างๆ ในร่างกายไปตรวจสอบกับยานั้นๆ เพื่อที่จะป้องกันการผิดพลาดในการจ่ายยา เพราะปีหนึ่งในอเมริกาอย่างเดียวหมอจ่ายยาผิดพลาด 7,500,000 เคส ปีหนึ่งตายเป็นล้านๆ คน เยอะกว่าสงครามโลกครั้งที่สอง เยอะกว่าสงครามเวียดนามอีก ตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างอยู่ครับ”

“คุณพ่อยุคใหม่” ทำหมันแทนภรรยา

“ผมตัดสินใจทำหมันเอง ฮารุเขาก็ทั้งตั้งท้อง คลอดลูก เลี้ยงลูกอะไรไปตั้งสามคน แล้วอันนี้มันง่ายๆ ทำแป๊บเดียว แล้วเราก็ไม่อยากให้เขามาเจ็บอะไรเพิ่ม เราก็เลยมาทำเพราะมันเป็นขั้นตอนที่ง่ายมาก เร็วมาก แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าผมจะมีลูกอีก เพราะว่าจริงๆ สามคนก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว ถ้าจะมีอีกผมก็อยากจะรับมาเลี้ยงมากกว่า เพราะว่าเราเอาของเรามาแล้วสามคนบนโลกใบนี้ ถ้าเราสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นที่เขาไม่มีโอกาส ให้เขามีโอกาสขึ้นมามันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี”

หลังจากหนุ่มกายตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายทำหมันเอง และโพสต์เรื่องราวลงบนอินสตาแกรมของตัวเอง สังคมโซเชียลฯ ก็พากันชื่มชมว่าเป็นคุณพ่อตัวอย่างที่แมนเอามากๆ ทำให้เห็นว่าการทำหมันไม่ใช้เรื่องน่ากลัวขนาดนั้น



“ชีวิตช่วงที่ผ่านมาก็โอเคครับปกติดี ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนหรือแปลก ก็จะมีขยับขยายบ้าน เพราะลูกๆ ผม ก็โตขึ้น ก็พยายามทำงานให้มันมีเวลามากขึ้นกับครอบครัวด้วย หาเลือกงานที่มันจะสามารถใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้นครับ”

นี่คือความรู้สึกของคุณพ่อยังหนุ่ม ที่เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้มานั่งคิดว่าต้องมีค่าใช้จ่าย อยากใช้ก็ใช้ นี่คือเรื่องของค่าใช้จ่าย สองคือเรื่องของเวลา ก่อนหน้านั้นเคยใช้เวลาให้กับอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ทำให้ในตอนนี้ทุกเวลาที่เขามีเขาก็อยากจะมอบให้กับครอบครัว

และในฐานะคุณพ่อลูกสาม กายเผยถึงความรู้สึกในการเลี้ยงลูก ว่าจะต้องให้ลูกได้หาประสบการณ์ด้วยตัวเอง เลี้ยงแบบค่อนข้างมีวินัยประมาณหนึ่ง โดยวินัยหลักๆ จะเป็นการกินอาหารให้ตรงเวลา นอนตรงเวลา เพื่อให้ลูกได้พักผ่อนในเวลาที่เขาควรพักผ่อน เขาได้กินในเวลาที่เขาควรจะกิน รวมไปถึงการให้ลูกแต่ละคนแยกห้องนอนกันอีกด้วย

“ผมคิดว่าเขาควรที่จะมีความเป็นส่วนตัวของเขาประมาณหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าความส่วนตัวตรงนั้นกับห้องนอนมันน่าจะเหมาะกัน แล้วอีกอันหนึ่งคือเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สมมติว่าไนร่านอนกับคีรีนกับเอเดน เดี๋ยวอีกคนหนึ่งร้องเดี๋ยวอีกคนหนึ่งก็ตื่น อีกคนหนึ่งตื่นเดี๋ยวอีกคนหนึ่งก็ร้อง อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าเขาอยู่ในห้องของตัวเองเขาก็สามารถที่จะตื่นเอง เขานอนยาวเองโดยที่ไม่มีคนอื่นมารบกวน นี้คือเหตุผลว่าทำไมถึงแยกห้องนอนกันครับ



ส่วนนิสัยลูกแต่ละคนก็ต่างกันนะครับ อย่างคนโตนี่จะเป็นคนที่ระวังมาก ถึงแม้จะซน แต่เขาจะเป็นคนระวังมาก เวลาเห็นถนนเขาจะหยุด เขาจะจับมือน้อง เห็นขอบอะไรเขาก็จับมือน้อง อะไรเสี่ยงๆ เขาจะไม่ทำ แต่ไนร่าจะออกแนวกวนๆ ชอบกวนคนนู้นชอบกวนคนนี้ ชอบแกล้ง ส่วนเอเดนจะออกแนวติสท์ๆ หน่อยคือบางทีเรียกก็ไม่มา คุยด้วยก็ไม่ตอบ บางทีไม่อยากคุยด้วย คีรีนจะขี้อ้อน ไนร่าจะขี้เล่น เอเดนจะมีโรคส่วนตัวครับ (ยิ้ม)

หลายๆคนชอบเอามาเปรียบเทียบกับการเลี้ยงลูกลุยๆ จะเลี้ยงเหมือนฝรั่ง คือพวกเราเลี้ยงลูกลุยจริง แต่ก็มี (นิ่งคิด) ก็คงเหมือนแหละมั่ง แต่ผมว่าฝรั่งบางคนก็ไม่เป็นแบบนี้ มันจะบอกว่าเหมือนฝรั่งไหมมันสไตล์เรามากกว่า มันไม่เหมือนใครทั้งนั้นอ่ะครับ ผมก็ถูกเลี้ยงมาประมาณนี้ก็ปล่อยๆ ลุยๆ อะไรประมาณนี้

“กระเตงลูก” เก็บประสบการณ์นอกห้องเรียน

นอกจากนี้ครอบครัวของกาย ยังได้คำแนะนำหลายอย่างในการเริ่มต้นทำแชแนลยูทูบช่อง “Guy Haru Family” มาจากครอบครัวของ “เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย” และ “จูน-กษมา ศิลาชัย” ที่เปิดแชนแนลยูทูบมาก่อนหน้าแล้ว และภรรยาคนสวยของหนุ่มกาย ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ผู้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วย ก็เผยให้ฟังถึงเหตุผลที่อยากมาทำยูทูบ ว่าอยากให้พื้นที่ตรงนั้นคอยเก็บความทรงจำของครอบครัวเอาไว้นานๆ

“ส่วนตัวฮารุอ่ะเป็นคนที่โทรศัพท์ติดมือเพราะว่าถ่ายวิดีโอลูกตลอด แล้ววิดีโอลูก เด็กทำอะไรตลอดเวลาอย่างเนี่ย แล้วก็เวลาไปเที่ยวรูปเยอะวิดีโอเยอะมาก เลยรู้สึกว่าเสียสูญถ้าอยู่ดีๆ ทิ้งมันไปเลย ลงแค่ไอจีอ่ะ แต่ถ้าเกิดว่าเราสามารถเอาวิดีโอที่เราถ่ายมาทำให้มันกลายเป็นเหมือนแบบเก็บไว้ได้ยาวๆ เอามาให้เขาดูตอนโต เหมือนเป็นความทรงจำด้วย หลักๆ ก็เป็นแบบนั้นค่ะพอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนก็เริ่มมาติดตามกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราว่าน้องไปไหน น้องทำอะไรบ้าง”





ด้วยวัยของเด็กๆ ที่กำลังซึมซับความทรงจำต่างๆ จึงไม่แปลกใจที่ครอบครัวสุประกอบมักจะพาลูกๆ ออกไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียนในวันหยุดอยู่เสมอ และนำเสนอออกมาให้คนได้รับชมในช่องยูทูบผ่านชื่อรายการว่า “กุมาร TRAVEL” หนุ่มกายยังบอกอีกว่านอกเหนือจากการเที่ยวก็ได้พยายามยัดเรื่องของการเผื่อแผ่ต่อคนอื่นลงไปด้วย และนั่นก็คือกิจกรรมที่ครอบครัวของเขาทำอยู่แล้ว แต่นำมาเสนอในรูปแบบของ “กุมาร TRAVEL” ให้ดูกัน

“วันเสาร์อาทิตย์แล้วส่วนมากมันจะเป็นวันถ่ายรายการของเราครับ คือผมเอารายการมาเป็นข้ออ้างจะได้เที่ยวกับลูกได้ ประมาณนี้ (ยิ้ม) แต่ในระหว่างเที่ยวมันก็สนุก เราไม่ได้ถ่ายแบบมานั่งนับห้าสี่สามสองหนึ่ง คืออยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมวิ่งตามถ่ายแค่นั้นแหละครับ มันก็เหมือนกับเราอยากให้คนเห็นสไตล์การเลี้ยงดูลูกของเรา อันนี้อันที่หนึ่ง อันที่สองคืออยากให้เห็นคาแรกเตอร์ของเด็กๆ แต่ละคน อันที่สามคือเราอยากพาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ สี่คือเราอยากให้ครอบครัวที่มีลูกรู้ว่าการที่พาลูกไปเที่ยว มันไม่ได้ยากลำบากอย่างที่เราคิดเลย เราก็ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ เหมือนกับตอนที่ไม่มีลูก





มันก็มีบางครั้งที่แอบโดดเรียนกันไป เพราะว่าใช้เวลาเดินทางอะไรอย่างนี้ครับ แต่ว่าตอนนี้ยังอยู่ในวัยที่เรียนอนุบาลกันอยู่ มันก็ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมทำแบบนี้ ผมว่ามันสำคัญกับการพัฒนาการของเขา ตรงที่ว่าเวลาเขาได้ไปเที่ยว เขาได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ที่ไม่สามารถเห็นในห้องเรียนได้

ลูกของกายเขาได้สัมผัสอะไรหลายๆ อย่างที่เขาไม่สามารถสัมผัสในห้องเรียนได้ แล้วถ้าเขาได้ทำตรงนั้น เขาก็สามารถที่จะเอาตรงนั้นมาจับคู่กับสิ่งที่เขาเรียน เช่นสมมติเขาเรียนเกี่ยวกับภูเขา เขาก็สามารถรู้ได้ว่าภูเขามันเป็นแบบไหน เพราะเขาเคยไปมาแล้ว เขาเรียนเกี่ยวกับน้ำตกเขาก็รู้ว่าทำไมมันมีน้ำ เขาสามารถที่จะเอามารวมกันได้”

และการมีลูกถึงสามคนอาจทำให้เขาต้องขยันหาเงินมากกว่าเดิมด้วยหรือไม่ หนุ่มกายก็ตอบกลับมาทันที ว่ายังขยันเหมือนเดิมและตัวของกายกับฮารุเองเป็นประเภทที่ไม่ขึ้เกียจ และจะบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเก่งกับคนขยัน เขาขอยอมเป็นคนขยันดีกว่า พร้อมยอมรับจากปากว่าทั้งสองคนค่อนข้างขยันหาเงิน อะไรเป็นเงินก็ทำ และไม่เกี่ยงงาน

ลองผิด-ลองถูก “ปลาร้าทอด” ขายดีจนผลิตไม่ทัน

แม้แต่เวลาที่ฮารุกำลังตั้งท้องลูกคนแรก ก็ไม่หยุดที่จะสรรหาอะไรมาทำในเวลาว่าง และนี่ก็เข้าสู่ปีที่ 5 แล้วกับธุรกิจของครอบครัวที่เปิดร้านขายผ่านอินสตาแกรม ที่ยังอยู่ได้เพราะรสชาติล้วนๆ เธอพร้อมเล่าให้ฟังว่ากว่าจะทำสำเร็จได้ ผิดพลาดมาไม่รู้กี่ครั้ง



“ใช้เวลาเป็นเดือนเลยค่ะ เหมือนเริ่มต้นจาก คือบอกก่อนว่าเราไม่ได้เป็นคนแรกที่คิดค้นมา เคยกิน แล้วเหมือนกับว่าลืมไปแหละ แล้วมาตอนท้องลูกคนแรก อยู่ดีๆ ก็อยากกิน ช่วงแรกที่ท้องก็คือเหมือนไม่ได้ทำงาน เพราะเราเคยแท้งมาก่อน แล้วพอท้องอีกรอบนึง ก็พยายามจะเก็บตัวอยู่บ้านไม่ไปไหนอะไรอย่างเนี่ย แล้วมันเบื่อ กลายเป็นเหมือนแบบคนเคยทำงานตลอด เคยแอกทีฟ กลายเป็นว่าเรามาอยู่บ้านอย่างเดียวมันเฉา ก็ลองทำดู ง่ายๆ เลยเริ่มต้นจากนั้นก็ทำกันกับแม่บ้าน

ฮารุขณะเธอทดลองทำปลาร้าทอดในวันแรกๆ ก็ต้องพบกับความผิดพลาดของรสชาติที่ยังไม่ลงตัวอยู่วันละหลายๆ รอบ เพราะการหมักปลาร้าต่างก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งระยะเวลา ทั้งวัตถุดิบที่ใส่ หากใส่เกลือในปริมาณที่มากไปก็เค็มเกิน ทุกๆ วันจะต้องทำหลายอันเพื่อมาชิมว่ารสชาติโอเคแล้วหรือยัง และจากการลองผิด ลองถูกของเธอก็ส่งผลให้ลูกค้าถูกอกถูกใจ บางวันมีออเดอร์กว่า 1,000 ถุงเลยก็ว่าได้



“ฮารุอ่ะยังไม่ได้เปิดเป็นโรงงานใหญ่ ที่แบบเราสามารถรับผลิตอะไรได้แบบเยอะอะไรอย่างเนี่ย มันเป็นปัญหาตรงที่ความต้องการของคนมากกว่าที่เราสามารถผลิตได้ ก็เลยกลายเป็นว่ามันจะมีบางล็อตที่คนสั่งมาเยอะมาก ขายไม่ทันอะไรอย่างนี้ ก็มีลูกค้าว่าบ้าง ซึ่งมันก็เป็นความผิดเราแหละ เราก็อยากทำให้มันทันเนอะ แต่ด้วยระยะเวลา ด้วยทุกอย่างมันก็ไม่ทัน ก็ทำมาเรื่อยๆ อ่ะ ก็อยากจะให้มันดีวันหนึ่งอะไรอย่างเนี่ย

คนมาติดต่อเป็นตัวแทนจำหน่ายเยอะมาก แต่คือฮารุกับพี่กายไม่เอา เพราะว่าแค่ขายปลีกเราเนี่ย ยังเอาตัวไม่รอดเลย เพราะว่ามันเยอะจริงๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งของฮารุคือ มันดีอย่างที่ปลาร้าทอดฮารุ มันมีระยะเวลาในการเก็บได้หลายเดือน คนก็จะซื้อไปบางทีอยู่เมืองนอก ซื้อไปเพราะคิดถึงอาหารไทย บางคนบินไปเที่ยวอาทิตย์กว่า คิดถึงอาหารไทยอะไรอย่างเนี่ย มันเลยกลายเป็นว่า มันซื้อสต็อกเยอะอย่างเนี่ย มันไม่ใช่ของที่เสียง่าย
เยอะมากเนี่ย เดือนนี้ฮารุยังไม่ได้ขายเลยสักถุง เพราะว่าเราทำไม่ทันจริงๆ เดือนนี้ก็เลยหยุดก่อน หยุดตั้งสติก่อน เราต้องทำสต๊อกก่อน เพราะเดือนที่แล้วถามพี่กายดิมันเครียดมาก เครียดจนเราสุขภาพจิตแย่อ่ะ”

พ่อกาย “ซูเปอร์แฟมิลี่แมน” ของครอบครัว

โอ้เยอะแยะครับ ไม่รู้ว่าจะเอาวีรกรรมอันไหนเลย (นิ่งคิด) วีรกรรมอย่างเบาๆ ก่อน อย่างเช่นไนร่า คือเด็กๆ แต่ละคนเขามีห้องนอนของตัวเอง ก็จะนอนในห้องของตัวเองแล้วพี่เลี้ยงก็พาไปนอน แล้วพี่เลี้ยงคนนี้คือกลัวผี ขี้ตกใจอะไรแบบนี้ แล้วไนร่าเขาก็บอกพี่เลี้ยงว่าจะมาอยู่ทำไมในห้อง ไปได้แล้วคือไนร่าจะนอน คือเด็กพวกนี้มันไม่ต้องกล่อมนอน เราให้เขาอยู่บนเตียงเราปิดไฟแล้วเราก็ออกเลย

เขาก็เลยไล่พี่เลี้ยงไม่ต้องอยู่แล้วเดี๋ยวไนร่านอน แล้วพี่เลี้ยงเลยลงมาข้างล่าง เขาก็มาล้างขวดนมเอาไปอบ ไนร่ามันแกล้งเขา คือไนร่ามันไม่นอนจริง ก็แอบเปิดประตูออกมา แล้วก็ไปนั่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำที่พี่เลี้ยงกำลังล้างขวดนม พี่เลี้ยงท้องอยู่ด้วย เปิดประตูออกมาเห็นไนร่านั่งอยู่เกือบคลอดลูกเลย (หัวเราะ)

การเป็นแฟมิลี่แมนสำหรับกายแล้วหรอครับ (นิ่งคิด) หลักๆแล้ว สองอย่างครับ หนึ่งคือทำทุกทางที่เราสามารถสนับสนุนครอบครัวเราได้ในสิ่งที่เราต้องการ สองคือให้เวลากับเขาให้ได้มากที่สุด 



“ผมว่าก่อนที่เราจะมีลูก แล้วเราคิดว่าเราจะมี เราจะคิดหลายอย่างมาก อย่างแรกเลยที่คนคิดคือ จะมีพอไหมที่จะมีลูก แต่ผมว่าไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน อะไรยังไง ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่เงินอย่างเดียว มันอยู่ที่เวลาที่ให้กับเขา มันอยู่ที่ความรักที่เราให้กับเขา สมมติว่ามีสองครอบครัว ครอบครัวแรกรวย ครอบครัวที่สองจน ครอบครัวที่รวยพาไปสวนน้ำ แพงมาก พ่อแม่นั่งอยู่ในห้องแอร์ ให้พี่เลี้ยงไปเล่นกับลูก อีกครอบครัวหนึ่งจน ไม่มีเงินเยอะ พาลูกไปริมคลอง กระโดดน้ำตูมตามเล่นด้วยกัน ไปจับปลาด้วยกัน นู้นนี่นั่นด้วยกัน ผมว่าครอบครัวที่สองมีความสุขมากกว่าครอบครัวแรก

จริงๆนะครับ ผมว่าทุกคนทำได้ (เน้นเสียงหนัก) แค่มีความเชื่อมั่น และมีความตั้งใจ ไม่ต้องเยอะมากก็ได้ มันทำได้ ไปทิ้งความกลัวตรงนั้นไป แล้วคุณจะรู้ว่าข้างหน้ามันมีความสุขที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ ผมว่าแต่ละคู่มันไม่เหมือนกันเนอะ บางคู่บางคนต้องการเงินเยอะ คู่บางคนต้องการเวลา คู่บางคนต้องการจู๋จี๋กันทุกคืน มันไม่เหมือนกันเลยอ่ะครับ ซึ่งถ้าเรามีคู่ เราก็ต้องหาจุดตรงนั้นให้ได้ว่าเราต้องการอะไร แล้วเขาต้องการอะไรครับผม



ความรักที่เริ่มจากเพื่อนก็ดีครับ เพราะว่าเราไม่ได้สร้างภาพให้ตัวเอง เพราะว่าคนเราส่วนใหญ่เวลาจีบกันจะสร้างภาพ จะเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นของเรา แต่เราสองคนไม่ได้ทำแบบนั้น ก็เป็นเวอร์ชันปกติของเรา ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเราก็รับกันได้ ตั้งแต่ตอนแรกเลยก็อยู่กันแบบง่ายๆ สบายใจ เข้าใจกัน คุยเรื่องอะไรกันก็ได้ ผิดก็ขอโทษ ถูกก็ไม่ต้องไปซ้ำเติมคนผิด”



ปั้นหุ่นแซ่บ หวังลงแข่ง “เพาะกาย”



“การเริ่มต้นเป็นจุดที่อยากที่สุด แค่คิดจะไปก็ขี้เกียจแล้ว สำหรับ 90 เปอร์เซ็นต์ของคนทั่วไปอ่ะ แต่พอเราเดินเข้าไปในยิมวันแรก ความยากมันหายไป 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วมันก็เหลืออยู่แค่หน่อยเดียวเองคือความต่อเนื่อง แล้วเราทำต่อไปเรื่อยๆ สักสองอาทิตย์ พนันกันได้เลยครับว่ายิ่งกว่ายาเสพติดอีก เพราะว่าไม่ว่าใครก็แล้วแต่บนโลกใบนี้ก็อยากที่จะมีร่างกายและหุ่นที่ดีขึ้น ที่แข็งแรงขึ้น ที่เวลาไปไหนมาไหนคนก็จะชม”

ยิ่งคนในประเทศไทยไม่ทักกันดีๆ เห้ยสบายดีเป็นยังไงบ้าง น้อยมากนะ แต่จะต้องมีเพิ่มเข้ามาอีกประโยคหนึ่ง แกผอมดีจังเลย อ้วนขึ้นหรือเปล่า ผอมลงหรือเปล่า แกกินหน่อยนะ ดูฉันสิอ้วนไปแล้วอ่ะ (ยิ้ม) ตลอดในหนึ่งวันอย่างน้อยต้องมีหนึ่งคนอ่ะที่พูด 365 วันแสดงว่า 365 ครั้งต่อปี แล้วนี่แค่คนครั้งเดียว แล้ววันหนึ่งเราได้ยินแบบนี้กี่ครั้ง

ได้ยินจนแบบอยากลุกขึ้นไปออกกำลังกาย โอ้ยขี้เกียจซื้อยาลดความอ้วนดีกว่า หรือผมออกกำลังกายคนก็จะมาถามตลอดว่ากินแบบไหนให้ผอม ไม่ถามเลยว่าที่ออกกำลังกายอ่ะเป็นยังไง แต่ผมว่าเรื่องแบบเนี่ยมันมาคู่กันครับ ถ้าเราออกกำลังกายแล้วเรากินไม่ดี ก็เห็นผลช้า ถ้าเราไม่ออกกำลังกาย แล้วเรากินดี มันก็เห็นผลช้า มันต้องทำควบคู่กันไป”

เห็นทั้งกายและฮารุรูปร่างดีแบบนี้ บอกได้เลยว่าในหนึ่งอาทิตย์ทั้งสองคนจะเข้ายิมเกือบทุกวัน ควบคู่ไปกับการกินอาหารคลีน ซึ่งถือเป็นการดูแลร่างกายให้แข็งแรงขึ้น แล้วก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งภายในและภายนอก โดยที่เขาไม่ต้องไปพึ่งอาหารเสริม หรือยาลดความอ้วนอีกต่อไป

“ถามว่าเคยกินมาก่อนหน้านี้ไหม เคยครับใครๆ ก็เคย ใครจะไม่เคยกิน ยาบล็อกเบิร์น อะไรเต็มไปหมด แต่ว่าพอได้ปฎิบัติแล้วเปลี่ยนชีวิตของเรามาออกกำลังกาย มันเห็นผลได้ดีกว่า มันเร็วกว่า และมันยั่งยืนกว่า

ตอนนี้กายกำลังซีเรียสอีกอย่าง เพราะโค้ชของกายก็เป็นนักเพาะกายอดีตทีมชาติ และตอนนี้เรากำลังที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับเทคนิคการออกกำลังกายและเทคนิคการกิน เพื่อที่เราจะสร้างทีมขึ้นมา เพื่อแข่งเพาะกาย อยากที่จะสอนคนที่ต้องการที่จะมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีขึ้นว่าทำยังไงแบบจริงๆ อยากที่จะพัฒนาตัวเองจริงไหม อยากมีรูปร่างที่ดีขึ้นจริงไหม

กายก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าอยากที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อจะไปแข่งเพาะกายวันหนึ่ง แต่ไม่ได้แบบใหญ่ๆ แบบพวกเขานะ ไม่ใช่ๆ มันจะมีหลายแบบหลายรุ่น หลายสไตล์ประมาณนั้น ก็เดี๋ยวลองดูครับว่ามันจะได้ถึงประมาณไหน แต่ว่าเราก็ค่อนข้างทุ่มเทเวลาให้กับความรู้ และให้กับร่างกายของเรา เราไปหาที่เรียน เราไปเรียนระดับโลกอะไรอย่างนี้ครับผม

ผมอ่ะไม่ได้อยากเป็นนักเพาะกายหรอก กายอยากมีหุ่นที่ดีมากกว่า ถ้ามันมีหุ่นที่ดี และมันมีโอกาสที่จะได้ไปลองแข่งกับเขาก็เดี๋ยวจะลองดู เพราะว่าอยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้ไหม”





ธุรกิจโรงแรม 500 ล้าน!! ทุ่มลงทุนที่หลวงพระบาง

ตอนนี้โรงแรมก็กำลังสร้างอยู่ครับ ตอนนี้ก็ 8 ปีแล้วครับ ก็น่าจะเสร็จเร็วๆ นี้ครับผม แล้วมันก็จะมีพวกก่อสร้างของผมอ่ะเนอะที่ลาว ก่อสร้างพวกสัมปทานต่างๆ แต่ทำมานานแล้วครับ มันของคุณพ่อด้วยส่วนมาก ก็ลงทุนไปค่อนข้างเยอะ

ลงทุนถึง 500 ล้านแล้ว? เกือบแล้วครับ แต่น่าจะเสร็จปีนี้แหละครับ แต่เสร็จเป็นเฟดๆ เพราะว่าเราไม่ได้กู้เงินทำ ทำกันเอง แล้วก็ใช้เงินของที่บ้านเราทำ ตอนนี้ก็ไปกองอยู่ในนั้นเกือบ 500 ล้านละ จริงๆ กายกับคุณพ่อทำธุรกิจอื่นๆ อยู่ที่ลาวเยอะครับ ส่วนมากมันจะเป็นเรื่องของสัมปทาน แล้วเราก็อยากแบบมีอะไรที่มันเป็นของตัวเองด้วยโรงแรมอะไรอย่างนี้ ก็ไปสร้างอยู่ที่นู้น หลวงพระบางมันเป็นเมืองที่สวย น่ารักแบบเรียบง่าย ผมก็ไปดูเรื่อยๆครับ ก็ไปๆ กลับๆ แต่ว่าไม่ได้บ่อยขนาดนั้น



สัมภาาณ์โดย MGR Live
เรื่อง: สวรส พวงเกาะ
ภาพ: พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพ: อินสตาแกรม @guyratchanont, @harusuprakob


กำลังโหลดความคิดเห็น