xs
xsm
sm
md
lg

“ชาร์จ 100 บาท-ลดโทษไม่กดมิเตอร์” แท็กซี่สนามบิน คุณภาพแย่-บริการห่วย-ค่าโดยสารแพง!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“นี่แท็กซี่ 'แวน' หรือแท็กซี่ 'เวร' กันแน่!?” ผู้โดยสารจวกเละ กลุ่มแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังขอปรับเซอร์ชาร์จเป็น 100 บาท แถมขอลดโทษกรณีไม่กดมิเตอร์ จากถอนการให้บริการเป็นแค่พักรถก็พอ ด้าน 'ตัวแทนกลุ่มแท็กซี่' เปิดใจ “ต้นทุนสูง-ค่าบำรุงรักษาแพง” สังคมเอือม เอาแต่ใจ-เอาแต่ได้ แต่ไม่คิดปรับปรุงตัว!

“ค่าบริการสูง-คุณภาพต่ำ” เพลียใจแท็กซี่ไทย

“ก็เป็นซะแบบนี้! ใครจะไปอยากนั่ง เรียกร้องแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่บริการไม่เคยพัฒนา เพราะแบบนี้คนถึงไม่อยากโดยสารแท็กซี่สาธารณะ หันไปเรียกแกร็บก็ไม่พอใจ นี่แท็กซี่ 'แวน' หรือแท็กซี่ 'เวร' กันแน่”

ถ้อยคำดุเดือดในสังคมออนไลน์กำลังวิจารณ์กันอย่างหนัก ถึงกรณีกลุ่มแท็กซี่แวน (แท็กซี่ขนาดใหญ่) ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ เรียกร้องปรับค่าเซอร์ชาร์ช ขอเก็บเงินเพิ่มจากเดิม 50 บาท เป็น 100 บาท เพิ่มเป็นเท่าตัว! หลังไม่พอใจที่แท็กซี่วีไอพีพลังงานไฟฟ้าของกรมการขนส่ง เริ่มชาร์จที่ 100 บาทได้

โดยให้เหตุผลว่าเพราะรถใหญ่ใช้เชื้อเพลิงที่มากกว่า ทั้งยังต้องรับผู้โดยสารพร้อมสัมภาระที่มากกว่ารถขนาดทั่วไป ยื่นข้อเสนอควรแบ่งอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ออกเป็น 2 เรตราคา ระหว่างรถแท็กซี่เล็กและรถแท็กซี่ใหญ่ให้แตกต่างชัดเจน

แต่ที่เห็นจะเป็นประเด็นใหญ่ไม่แพ้กัน นั่นคือ ข้อเรียกร้องขอลดบทลงโทษกรณีไม่กดมิเตอร์ จากถอนการให้บริการในสนามบินเป็นแค่การหยุดพักรถชั่วคราว เนื่องจากอัตราค่าโดยสารต่ำเกินจริง จึงต้องลดต้นทุนด้วยการให้ผู้โดยสารเหมารถแทน พร้อมขู่หยุดวิ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หากข้อเรียกร้องไม่เป็นผล

ล่าสุด กลุ่มแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบินกลับลำไม่ทัน พับเก็บแผนหยุดวิ่งที่ลั่นวาจาไปเมื่อวันก่อนว่าจะยังให้บริการตามเดิม เพียงแต่เป็นการทำหนังสือติดตามทวงถามไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้มีการปรับอัตราค่ามิเตอร์อีกครั้งเท่านั้น ซึ่งกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการปรับค่าโดยสารส่วนที่เหลือ 5% แต่อย่างใด


โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเคยประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถรับจ้างสาธารณะแท็กซี่มิเตอร์ ในอัตรา 13% ซึ่งมีดำเนินการปรับในระยะแรกไปแล้วนั้น 8 % ขณะที่ผ่านไปแล้วกว่า 4 ปี ยังไม่มีการปรับค่าโดยสารส่วนที่เหลือ 5% จึงนำไปสู่ข้อเรียกร้องดังกล่าว

จากประเด็นนี้เองได้นำไปสู่การแสดงความคิดเห็นอย่างร้อนระอุในโซเชียลมีเดียว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะเรื่องการเรียกร้องให้ลดบทลงโทษหากไม่กดมิเตอร์ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสารเกินเหตุ จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มผู้โดยสารส่วนมากหันไปใช้บริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชั่นแกร็บ (Grab) กันมากขึ้น

“มองดูเจตนาจากในข้อเรียกร้อง ก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่ส่วนรวมใดๆ เลย หยุดวิ่งสิ แน่จริงหยุดวิ่งไปเลย เดี๋ยวทาง ทอท.ก็เอารถของเขาเข้ามาช่วยวิ่งส่งผู้โดยสารตามจุดต่างๆ เอง แล้วอย่าร้องนะ ไอพวกเห็นแก่ได้”

“ถ้ามีปัญหามากก็เลิกวิ่งไปเถอะ แล้วให้แกร็บมาให้บริการแทน ไม่ปฏิเสธ ไม่โกงราคา ไม่มารยาทแย่”

“เขามีแต่รวมตัวเรียกร้องไม่ให้คนอื่นข่มเหงตัวเอง นี่รวมตัวกันเรียกร้องขอสิทธิ์ข่มเหงคนอื่น(ผดส.) เอาอะไรมามั่นใจในจุดยืนตัวเองเนี่ย ไม่รู้จริงๆ หรือว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันน่าอายขนาดไหน”

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด จากด้าน รักษาการ ผอ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 'กิตติพงศ์ กิตติขจร' หลังรับทราบถึงข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้น จึงได้มีการประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบิน เผยว่า ได้มีการทำหนังสือไปยัง รมว.กระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยทางกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการทำเรื่องเสนอ คาดว่าจะได้บทสรุปเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์กลุ่มแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองหยุดให้บริการจริง ทางกรมขนส่งฯ ก็พร้อมแก้ไขสถานการณ์ด้วยการประสานแท็กซี่กว่า 1,000 คัน ไปวิ่งเสริมที่สนามบินทันที!

เห็นใจกันหน่อย! “ต้นทุนแพง-ค่าบำรุงรักษาสูง”

“ปรับค่าเซอร์ชาร์จขึ้น 100 บาทไม่แพงหรอกครับ เพราะรถแท็กซี่คันใหญ่มีต้นทุนสูง ค่าบำรุงรักษาก็มากกว่ารถแท็กซี่ธรรมดาอยู่แล้วด้วย แต่ทั้งนี้ผมมองว่าหากปรับราคาขึ้นก็ต้องปรับแง่ของการให้บริการผู้โดยสารด้วยเช่นกัน”

'สุรนาท ขันธโสธร' รองเลขานุการสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ทันทีที่ต่อสายตรงสอบถามถึงประเด็นการเรียกร้องปรับขึ้นเซอร์ชาร์จจาก 50 บาทเป็น 100 บาท สำหรับกลุ่มแท็กซี่แวนที่สนามบินสุวรรณภูมิที่สังคมกำลังพูดถึงในขณะนี้

ในฐานะของผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะได้สะท้อนความเห็นจากกรณีที่เกิดขึ้นว่า ตนเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์ชเพิ่มอีก 1 เท่าตัว เนื่องจากรถแท็กซี่แวนมีขนาดใหญ่ แถมยังมีต้นทุนและการดูแลรักษาที่มากกว่า ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริการด้วยเช่นกันว่าฝ่ายผู้ขับแท็กซี่เองมีการให้บริการที่น่าประทับใจ สมกับการขอปรับค่าโดยสารขึ้นด้วยหรือไม่

“ข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่รถแท็กซี่วีไอพีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของกรมขนส่งทางบกเข้ามาให้บริการ โดยเก็บค่าเซอร์ชารจ์ที่ 100 บาทได้ ขณะที่รถแท็กซี่แวนของสุวรรณภูมิยื่นข้อเสนอไปตั้งหลายปีแล้ว แต่กลับถูกเพิกเฉย ทั้งนี้เหตุผลที่ขอปรับขึ้น เนื่องจากต้นทุนระหว่างรถแท็กซี่คันเล็กกับคันใหญ่ไม่เท่ากัน การบำรุงรักษาอุปกรณ์ย่อมต่างกัน

แต่ส่วนตัวผมยังไม่เห็นการบริการของเขา ก็เลยยังไม่กล้าพูดเท่าไหร่ ผมยังไม่เห็นหน้างาน ถ้าเขาบริการดี ผมก็เห็นด้วยที่ปรับขึ้นเป็น 100 บาท เพราะมันก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศด้วย โดยรวมผมว่าถ้าบริการดีก็เห็นด้วยครับ ทั้งการแต่งกายและการให้บริการต้องมีมาตรฐานเดียวกัน”

ขณะที่สังคมต่างวิจารณ์กันอย่างหนักว่าข้อเรียกร้องปรับขึ้นค่าชาร์จขึ้นจากเดิมเป็น 1 เท่าตัว ดูเป็นข้อเสนอที่ไม่ยุติธรรมสำหรับกลุ่มผู้โดยสารหรือไม่ ด้านตัวแทนกลุ่มแท็กซี่เผยว่า หากการบริการดีเยี่ยมเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด การปรับขึ้นจาก 50 บาทเป็น 100 บาท ถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผล

“ผมไม่คิดว่ามันแพงไปนะครับ ลูกค้าต่างชาติที่เลือกรถวีไอพีจ่ายมากกว่านี้อีกนะครับ ขอแค่บริการดี รับ-ส่งเขาได้ แนะนำเส้นทางเขาได้ ที่สำคัญคือเรื่องการบริการว่ามีเซอร์วิส มายด์ (Service Mind) หรือเปล่า ทั้งหน้างานและทฤษฎีมันต้องเป็นไปในทางเดียวกันด้วย ผมหมายถึงความประทับใจในการใช้บริการ

ผมว่าหากมีการปรับขึ้นได้จริงๆ ควรตั้งบทสรุปออกมาเลยว่า กลุ่มแท็กซี่ที่สนามบินจะมีเซอร์วิสแบบไหน เสนอให้กับกรมขนส่ง เพื่อทำให้มันเป็นรูปแบบเดียวกัน หรือจัดตั้งเป็นองค์กรจัดอบรบในแต่ละเดือนว่า คนขับทุกคนสามารถบริการได้ดีอย่างไรบ้าง”

อย่างไรก็ดี แม้ที่ผ่านมาจะมีการขู่ไม่จอดรถรับ-ส่งผู้โดยสารของกลุ่มคนขับแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในฐานะตัวแทนสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่มองว่า อาจทำยากในทางปฏิบัติ เพราะถึงแม้กลุ่มแท็กซี่ที่สนามบินจะทำการประท้วงไม่วิ่งรถได้จริงๆ ทว่า ทางกรมขนส่งก็มีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ดี

“เรื่องประท้วงหยุดจอด ผมว่าถ้าเป็นแท็กซี่โดยรวมทั้งหมดในกรุงเทพฯ ทำไม่ได้หรอก แต่หากที่สนามบินสุวรรณภูมิหยุดจอดรับที่สนามบินตามที่ว่ามาจริงๆ ผมว่าทางกรมขนส่งเขาก็มีทางออกในการนำรถที่กรุงเทพฯ เข้าไปรับ-ส่งผู้โดยสารได้อยู่ดี ทางที่ดีผมว่าทางออกของเรื่องนี้น่าจะมานั่งคุยกันครับ มาคุยกันตรงๆ และหาทางออกร่วมกันดีกว่า”

ข่าวโดย ทีมข่าว MGR Live


กำลังโหลดความคิดเห็น