xs
xsm
sm
md
lg

แลนด์มาร์กแหล่งอันตราย!!? ตอกย้ำชื่อเสียก้องโลก "เกาะเต่า = เกาะแห่งความตาย"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อนอกยำ “เกาะเต่า” เละ พร้อมให้สมญานามว่าเป็น “เกาะแห่งความตาย” หลังสาวชาวอังกฤษถูกข่มขืนอีกครั้ง ด้านสังคมตั้งคำถามความปลอดภัยในการท่องเที่ยวไทย กูรูการท่องเที่ยวเตือน เพิ่มตำรวจตระเวนตรวจก่อนกระทบสร้างภาพลบให้ประเทศอีกครั้ง!

เดอะซัน ให้ฉายา “เกาะแห่งความตาย”

เรื่องอื้อฉาวบนเกาะแห่งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกแต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาครัฐควรที่จะต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเกาะเต่าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เติบโตควบคู่สถานบันเทิงและกลุ่มธุรกิจสีเทาที่มาพร้อมความไม่ปลอดภัยและเสี่ยงอาชญากรรม รวมไปถึงความสนุกที่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
เว็บไซต์ข่าวเดอะซัน สื่อชื่อดังของอังกฤษเคยให้ฉายาเกาะเต่าแห่งนี้ว่าเป็น "เกาะแห่งความตาย" จากกรณีเมื่อคราวก่อนที่นักท่องเที่ยวอังกฤษ นายเดวิด มิลเลอร์ และ ฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์ ที่ถูกฆ่าข่มขืนเมื่อปี 2557 และกลับมาถูกวิพากษ์วิจารณ์และโด่งดังขึ้นมาในสายตาชาวโลกอีกครั้ง เมื่อสื่ออังกฤษ อย่างเดลิเมล์ได้ตีข่าวชาวอังกฤษวัย 19 ปี ถูกวางยาและถูกข่มขืน
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นจากการเดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อนที่หาดทรายทรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่าถูกวางยาจนไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืน หลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง และพยายามจะเเจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจเกาะพะงันว่าถูกข่มขืน เเต่ตำรวจไม่บันทึกข้อมูลให้ เพียงเเค่ลงว่าโทรศัพท์ไอโฟน 7 พลัส เงินสด 3,000 บาท และบัตรเดบิต 4 ใบหายไป พร้อมขอร้องให้ตำรวจดูกล้องวงจรปิดที่บาร์ เเต่ตำรวจอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสียเเละพยายามปิดข่าวนี้ให้เงียบ จึงนำเรื่องทั้งหมดไปเเจ้งตำรวจอังกฤษ
ด้านแม่ของสาวฝรั่งอายุ 19 ปีที่อ้างว่าถูกข่มขืนที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไว้ว่า ลูกสาวของตนยืนยันว่าโดนข่มขืนจริง แต่วันเกิดเหตุยอมรับว่าไม่ได้มีการแจ้งความว่าโดนข่มขืน เพราะขณะนั้นลูกสาวอยู่ในภวังค์ของฤทธิ์ยาที่ถูกใส่ไว้ในเครื่องดื่ม ประกอบกับต้องรีบเดินทางไปเกาะพะงันเพื่อไปร่วมฟูลมูนปาร์ตี้กับเพื่อนชาย
ขณะเดียวกัน ก็มีหลักฐานคือ DNA ของคนร้ายที่อยู่ในเสื้อของลูกสาวที่ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ และเชื่อว่าเพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้ พร้อมกันนี้แม่ของผู้เสียหายยังได้ตั้งข้อสังเกตุอีกว่าในพื้นที่เกาะเต่า ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของมาเฟียและไม่แน่ใจว่ามีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเกาะเต่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับการสอบสวนที่ดีพอ

 

นอกจากนี้สื่อนอกอย่าง "ไทม์" เคยตีแผ่ความผิดหวังในกระบวนการยุติธรรมของไทย จากกรณีคดีเกาะเต่าที่โด่งดังก้องโลกเอาไว้ เมื่อ4 ปีที่แล้ว รวมไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเคยชินกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะเต่าแห่งนี้

“ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คือสถานที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งต่างก็เพลิดเพลินไปกับหาดทรายขาวบริสุทธิ์ วัดวาอารามที่สวยงามโอ่อ่า และอาหารไทยรสเลิศ นักท่องเที่ยวส่วนมากมีโอกาสหรรษาไปกับวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน ในอีกมุมหนึ่งของบรรดาแหล่งท่องเที่ยว เช่น พัทยา นักท่องเที่ยวกลับต้องเผชิญกับการลักวิ่งชิงปล้น การทำร้ายร่างกายด้วยมีดและปืน การคุกคามทางเพศ อุบัติเหตุรุนแรงบนท้องถนน และการจมน้ำ ซึ่งมักเป็นเรื่องที่เงียบหายไป โดยเฉพาะฟุลมูนปาร์ตี้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ส่วนการแถลงข่าวในคดีนี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่ได้เอ่ยถึงข้อเท็จจริงในคดี (นายเดวิด มิลเลอร์ และฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์) หรือไม่พูดถึงว่าเหตุใดจึงยังจับตัวผู้ต้องสงสัยตัวเป็นๆ สักคนไม่ได้ ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาถึง 8 วัน แล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเดือดร้อนอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทำให้อึ้งทึ่งเหวอเป็นที่สุด เพราะดูเหมือนว่าคนไทยจะชินชากับความไร้ประสิทธิภาพของระบบยุติธรรมของประเทศไปเสียแล้ว”


หมดความเชื่อมั่น ขาดความปลอดภัย!!

ด้าน ดร.สานนท์ อนันทนนท์ อาจารย์ประจำคณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา ยังได้ช่วยวิเคราะห์ว่าเหตุการร์การณ์นี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องเสียชีวิต จากอาชญากรรม ทั้งข่มขืน ทั้งฆาตกรรมและหลายคดีที่ถูกปิดตาย
“ทั่วประเทศมีการท่องเที่ยวยามราตรี ทางบ้านเราเองก็ใช้เป็นจุดขายของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวยามราตรี หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยตามชายหาดแล้วตอนกลางคืนก็ได้มาดูสีสันในยามค่ำคืน เราใช้จุดนี้เป็นจุดขายซึ่งก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่ว่าในเมื่อเรากำหนดไว้ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวยามตรีก็ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล
เมื่อมีการท่องเที่ยวก็จะมีเรื่องของแอลกอฮอล์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของการดื่มกิน บางทีมันทำให้ขาดสติหรือว่าการที่เราไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนตอนที่เราปกติ ทั้งนี้ทั้งนั้นในการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเองต้องมีคุณภาพคือต้องรู้ว่าตนเองถึงขีดสุดของตัวเองอยู่ตรงไหน จุดไหนที่เป็นจุดเสี่ยงที่ไม่ควรเดินไป ตรงไหนเป็นจุดที่ปลอดภัย
แน่นอนว่าถ้ามันเกิดเหตุการณ์ซ้ำกันสองครั้ง ก็จะเกิดภาพลักษณ์ความไม่เชื่อมั่นแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นเมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่น ก็จะมีอคติทางลบ จึงต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงเจตคติ ทุกคนต้องเริ่มหันมาจริงจังเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยงของนักท่องเที่ยว นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของชาวเกาะเต่าทั้งชุมชนเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาตระหนักถึงความสำคัญ”
นอกจากนี้กูรูรายเดิมยังกล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีเกี่ยวกับข่าวนี้อีกว่า สื่อโซเชียลเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้ออกไป โดยเฉพาะผลกระทบด้านลบจะขยายได้เร็วกว่าผลกระทบด้านบวกและต้องยอมรับว่าตอนนี้ผลกระทบทางด้านลบมันทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวลดลง
 

“ ในปัจจุบันของการใช้สื่อโซเชียลที่รวดเร็ว เพราะฉะนั้นจึงทำให้ผลกระทบทางลบมันจะขยายความไปได้เร็วกว่าผลกระทบด้านบวก เกาะเต่าจริงๆแล้วก็มีธรรมชาติที่สวยงามแล้วก็ชุมชนท้องถิ่น ที่เป็นที่อยู่อาศัยอยู่แถวนั้น ที่เป็นคนพื้นเมืองก็ทราบว่าการท่องเที่ยวทำรายให้กับเกาะเต่า ถ้าเรามองจากคนไทย เกาะเต่ายังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก 
เรื่องก็ยังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในทางลบก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงและความปลอดภัย ตอนนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่าที่เกาะเต่าเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้ว อาจจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวได้ แต่ผลกระทบจะขยายตัวหรือไม่ก็ต้องดูขบวนการที่นักท่องเที่ยวกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหา”
ทั้งนี้ยังช่วยแนะอีกว่าภาครัฐก็เป็นกลไกลหนึ่งที่สำคัญอาจจะเพิ่มอาสาสมัครหรือเพิ่มตำรวจท่องเที่ยว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือชุมชนบนเกาะเต่าก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี การที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมีจรรยาบรรณหรือว่าการช่วยกันสอดส่องดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้ความประทับใจกลับไป ถ้าชุมชนเข้าใจว่าการดูแลนักท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวไปด้วยถ้าทุกฝ่ายช่วยกันกลไกลจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาก็เป็นไปได้เร็วขึ้น

หากนักท่องเที่ยวเองก็ทราบและเข้าใจในการท่องเที่ยว ก็จะช่วยลดโทษอาชญากรรม และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ นักท่องเที่ยวเองก็ต้องทราบว่าการท่องเที่ยวแบบมีคุณภาพสำหรับตัวเขาเองคืออะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น