xs
xsm
sm
md
lg

สอนเหอะ อยากเรียน "ครูอาย" สาระที่ซ่อนอยู่ในความเซ็กซี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าของวลีเด็ด “เรียนเหอะอยากสอน” ครูอาย ที่กลับมาโด่งดังในโลกออนไลน์อีกครั้งหลังโพสต์ภาพชุดว่ายน้ำ ล่าสุดสังคมตั้งคำถามอยากเป็นครูสอนให้สาระหรือเน้นเซ็กซี่เรียกเรตติ้ง และนี่คือตอบจากปากของเธอชัดๆ พร้อมกัน รวมไปถึงเรื่องราวชีวิตที่ล้วงลึกทุกซอกทุกมุม!!!

เพราะสวยถึงดัง สอนเรียกเรตติ้ง??

กลับมาเปรี้ยง!! อีกครั้งหลังจากเคยโด่งดังเรื่องการสอนภาษาอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว แต่กลับมาครั้งนี้ สังคมตั้งคำถาม ขายหน้าตา-โชว์-เรือนร่าง อยากสอนหรือเรียกเรตติ้ง จากกระแสที่แรงจนฉุดไม่อยู่ทีมข่าวเราจึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ครูอาย ทิตยา แฮงนุกูล กว่าจะได้คิวเธอมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคิวเธอแน่นมาก เธอจึงให้เราสัมภาษณ์สุดพิเศษผ่านทางโทรศัพท์ในประเด็นที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้และเธอยังยอมรับว่าคนติดตามเพิ่มเพราะชุดว่ายน้ำชุดแรกที่โพสต์ไปแต่ถ้าไม่มีความสามารถพอก็อยู่ได้ไม่นานเหมือนกัน


ครูอายกับชุดโชว์หุ่นสุดแซ่บ

และตอนนี้เพจและเจ้าของเพจดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดาผู้ชายเป็นพิเศษ คงต้องถามเจ้าตัวแล้วว่าผลตอบรับนี้มาจากเหล่าบรรดาผู้ชายซะส่วนใหญ่หรือมีเหล่าบรรดาสาวๆแวะเวียนมากันบ้างไหม
“(หัวเราะ ) จริงๆ ก็เหมือนอย่างที่อายบอกไปหลายคนเลย ก็คือจริงๆ อายเห็นจากสถิติแล้วว่ามันครึ่งๆ คือผู้หญิงจะเยอะกว่า ที่จะมาติดตาม แต่ว่ามันจะเป็นเหมือนกับธรรมเนียมของเพจไปแล้วที่ผู้หญิงอาจจะดูเงียบ แต่ว่าผู้ชายจะต้องเข้ามาแวะมาแซวบ้างอะไรบ้างก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะว่าลึกๆ แล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนที่ตั้งใจเรียนของเราคือกลุ่มไหน
ล่าสุดมีภาพใส่ชุดว่ายน้ำออกมาก็ดูเหมือนจะได้รับเสียงฮือฮาอย่างมาก ก็รู้สึกตกใจ เมื่อโพสต์ไปแล้ว ปกติอายก็ไม่มีผลตอบรับมากมายอะไรขนาดนี้แต่รอบนี้มันเยอะก็เลยอาจจะตกใจ อาจจะเป็นรูปชุดว่ายน้ำแรกของเฟสบุ๊กด้วยหรือเปล่าไม่รู้ (หัวเราะ)”



ส่วนดังเพราะสวยนั้น อายไม่แน่ใจ อายว่าความสวยอาจจะเป็นแบบว่าคล้ายๆ ใบเบิกทางนิดหนึ่งนะคะ แต่ว่าถ้าเกิดมันมีแค่เปลือกข้างนอกมันก็จะมาแป๊บเดียวแล้วจบไป ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้มีความสามารถจริงๆ อายจะหายไปเร็วเหมือนกัน แต่มันมีของจริงๆมันจะอยู่ได้นาน อายว่าอันนี้มันก็เป็นเคล็ดลับเทคนิคอย่างหนึ่งในการสร้างเพจขึ้นมาเพจหนึ่งคือมันต้องไม่ใช่แค่แบบกระแสเปรี้ยงๆ แบบนี้ค่ะ ทุกอย่างมันต้องมีสาระข้างในของมันจริงๆ
แน่นอนว่าทุกวันนี้คำว่าเน็ตไอดอลที่มีทั้งบวกและลบที่โด่งดังมาจากเรื่องดีหรือแม้กระทั่งข่าวคราวอื้อฉาว ครูอายจึงอยากสะท้อนสังคมกับคำว่าเน็ตไปดอลในสังคม และกลายเป็นเน็ตไอดอลไปแล้ว มองอย่างไรกับคำนี้
“อายว่าคนที่เขาต้องทำแบบนั้นเพื่อที่จะได้รับความสนใจ มันก็จะต้องทำแบบนั้นตลอดไปเพื่อที่จะได้รับความสนใจตลอดไปเรื่อยๆ อาวุธของเรามันไม่ใช่แค่นั้น มันจะมัดใจคนได้จริงๆ
อายไม่รู้ว่าเน็ตไอดอลคนเขาให้คำนิยามว่าอย่างไร แต่ว่าถ้าเกิดว่ามันเป็นไอดอลทางการเรียนภาษาอังกฤษได้ก็ดีใจค่ะ ก็อยากให้คนมองมันในมุมนี้แล้วกัน เอาอย่างในมุมที่มันดี”



ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยากเป็นครูสอนประจำ เพราะการเป็นครูที่สอบบรรจุมันไม่สามารถที่จะออกแบบข้อมูลที่จะสอนได้แบบจริงๆ ไม่ค่อยมีความอิสระเท่าไหร่ แต่อนาคตนั้นก็อยากที่จะเปิดสถาบันกวาดวิชา
“เคยคิดไว้ค่ะ ตอนนี้ก็คิดไว้อยู่ ก็จะค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะว่าอย่างตอนนี้ก็จะอยู่ขั้นเปิดคอร์สออนไลน์อะไรแบบนี้ค่ะ ตอนนี้สอนเฉพาะลงเพจและก็สอนคอร์สออนไลน์ของตัวเองแค่นั้น ลงเว็บไซต์ของตัวเอง ถ้าเป็นในเพจจะเป็นเรียนฟรี แต่ว่าถ้าเป็นคอร์สออนไลน์แบบลงเป็นครอสจริงจังเลยก็จะมีค่าใช้จ่ายค่ะ”
ไม่เพียงเท่านี้ติวเตอร์สาวของเรายังมีธุรกิจเป็นของตัวเองอีกด้วย ในฐานนะที่มีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง ก็ได้ช่วยสะท้อนสังคมเรื่อง ประเด็นครีมไม่น่าเชื่อถือ กลัวผลกระทบไหม? อันนั้นไม่สนใจเลยค่ะ ไม่มีผลกระทบอะไรเลยเพราะว่าของอายไม่ใช่ครีมแบบว่าทาหน้าที่ต้องอาศัยหน้าตาอยู่แล้ว ของอายจะเป็นครีมเกี่ยวกับรักแร้และข้อศอกมันก็เห็นผลกันเลย ลูกค้าก็จะเป็นลูกค้าที่ใช้แล้วเห็นผลจริง ก็เลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพวกนั้นเลย
ส่วนเรื่องทัศนคติว่าขายครีม อายก็จะไม่ได้โดนกระทบตรงนั้นเหมือนกันเพราะว่าเราไม่ได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวอะไรใดๆ ที่คนติดตามเราในการขาย เราก็เปิดเพจของเรา หลายคนยังไม่ทราบเลยว่าอายเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ด้วย มันก็เลยกลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่งของอาย เป็นธุรกิจลับของอายอีกอย่างหนึ่ง เพจ Renea Thailand


“ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องอยาก เพียงแค่ปรับทัศนคติ”

“ถ้าเกิดอยากพูดได้ก็เริ่มพูด อยากฟังได้ก็ต้องหัดฟัง เปิดฟังไปเรื่อยๆ เลย วันหนึ่งมันก็จะฟังออกโดยที่ไม่รู้ตัวเลย แล้วก็ถ้าใครอยากเขียนได้อ่านได้ให้ฝึกทำแบบนั้นเลย พูดกับตัวเองในกระจกก็ได้
จุดเริ่มต้นในการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี น่าจะเป็นการฝึกฝนด้วยตัวเองค่ะ เพราะว่าอายจะย้ำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปลงเรียนคอร์สอะไรก็ตามหรือจะอ่านหนังสือให้พูดภาษาอังกฤษเก่งแค่ไหนก็ตาม หรือจะตั้งใจเรียนในห้องแค่ไหนก็ตาม เราก็จะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ถ้าเกิดว่าเราไม่พูดออกมา เพราะฉะนั้นต้องเริ่มที่ตัวเเองเลยค่ะ ถ้าอยากพูดได้ก็ให้เริ่มพูด”
จะให้คนรักภาษาอังกฤษได้นั้น ติวเตอร์สาวแสนสวยยังย้ำอีกว่า ต้องเริ่มที่ตัวเรา และปรับทัศนคติตัวเองให้ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากเปิดใจรับ และพร้อมที่จะเรียนรู้ เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับตนเอง แค่นี้ก็จะทำให้อะไรหลายๆอย่างง่ายขึ้น กว่าที่เราคิด
ไม่เพียงเท่านี้เธอยังได้เล่าถึงมุมมองเกี่ยวกับภาษาอังกฤษของเธอ ปัญหาที่คนไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้ามัวแต่อายและกลัวว่ามันจะผิดกันอยู่ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะปัจจุบันการใช้ภาษาอังกฤษสำคัญมากในชีวิตประจำวัน ทุกวันนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเตอร์เน็ต การดูทีวี การดูภาพยนตร์ อยากให้พัฒนาก่อนที่จะสายเกินไป


สวมมาดคุณครูสาวสุดแซ่บ

“อายว่าอันนั้นน่าจะเป็นพวกแบบทัศนคติหรือเปล่าคะ คือ จะมีกลุ่มหนึ่งที่เกิดว่าเห็นใครพูดผิด เขาก็อาจจะว่าหรืออาจจะมองไม่ดีอะไรอย่างนี้ค่ะ คนที่เขาพูดยังไม่เป็นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูด ไม่เริ่มต้นที่จะพูดเลยดีกว่าจะได้ไม่โดนว่าก็เลยกลายเป็นพูดไม่ได้ไปเลย เพราะฉะนั้นอายว่าถ้าเกิดจะปรับก็ต้องปรับที่ทัศนคติตั้งแต่ต้นเลย ถ้าเราปรับทัศนคติคนอื่นไมได้ เราก็ต้องปรับทัศนคติของตัวเอง เราจะพูดไปไม่ว่าอีกคนหนึ่งเขาจะมองว่าอะไรก็ตาม”
นอกจากวิธีแก้ความน่าเบื่อของภาษาอังกฤษฉบับครูอายแล้วนั้นยังช่วยแนะทริกเด็ดอีกด้วยว่า ให้ใช้การดูหนังฝรั่งให้เป็นประโยชน์ จากนั้นให้จดบันทึกว่าในหนังพูดอะไรบ้าง ลองจดบันทึกออกมาแล้วนำประโยคนั้นมาทวนอีกครั้งว่าที่เราจดมาถูกหรือยัง และไม่เพียงเท่านี้ ครูอายของเราก็แนะว่าเพื่อไม่ให้น่าเบื่อให้ดูเพจของตนเองอีกด้วย
“ดูเพจ “เรียนเหอะ อยากสอนค่ะ” (หัวเราะ) อายว่ามันมีหลายทางมากเลยนะคะในการเรียนภาษา อย่างเช่นบางคนชอบดูหนังก็ไปดูหนัง ก็ไปเรียนกับหนัง บางคนชอบฟังเพลงก็เปิดฟัง เปิดเนื้อเพลงหาคำศัพท์ในเนื้อเพลง คือจริงๆ แล้วภาษาอังกฤษมันก็เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารอันหนึ่งเพราะฉะนั้นสิ่งที่ใช้ในการสื่อสารแปลว่ามันมีอยู่รอบตัวเรา
เพราะฉะนั้นถ้าเราชอบอะไรเราก็ไปทำในสิ่งนั้น แค่เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษแค่นั้นเอง อย่างเช่นบางคนบอกว่า ไม่ชอบอะไรเลย ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบดูหนังฟังเพลง อ่ะชอบเล่นเกมไหม ถ้าชอบเล่นเกมก็เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไหม จะได้ไปศึกษาภาษาอังกฤษกันในนั้นอะไรอย่างนี้ค่ะ มันก็จะทำให้ไม่น่าเบื่อแล้ว”
การที่จะทำให้คนรักภาษาอังกฤษได้นั้น ติวเตอร์สาวแสนสวยก็พยายามหาเทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้เพจของตนนั้นเป็นที่เรื่องลือหรือสนใจ จนขณะนี้เพจเรียนเหอะอยากสอนมียอดคนติดตามกว่า 7,00000 แสนคน
“อายจะพยายามหาเทคนิคของอายเองในแต่ละคลิปค่ะ ว่า เรื่องนี้ที่หลายๆ คนเคนเกลียดมานานแล้วอย่างเช่นเรื่องเทนส์ (Tense) อย่างนี้ คือเรียนมาแบบ 10 ปี เกลียดเรื่องเทนส์ (Tense) มาก อายก็จะพยายามบอกเขาว่าเนี่ยจริงๆ แล้ว 5 นาทีก็จบแล้วนะที่เรียนมา สละเวลาสัก 5 นาที ลองมาตั้งใจจริงๆ แค่ 5 นาทีก็จะเหมือนกับเรียนจบ 10 ปีนะ ลองตั้งใจดูไหม เขาก็จะไม่อัดเจนเราตั้งแต่เปิดคลิปค่ะ คือแบบเปิดคลิปมาเขาไม่ปิด เขาอยากลองฟังว่าเอ้ย 5 นาทีมันจะทำให้เราแบบเข้าใจได้จริงหรอ สุดท้ายก็ลองเปิดใจดูจนจบกันค่ะ



สรุปคือได้ผลตอบรับดีมากเลย ก็จะมาคอมเมนต์ มาบอกว่าทำไมที่โรงเรียนไม่สอนแบบนี้บ้าง หรือว่าไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้มาก่อนเลย อันนั้นก็จะเป็นผลตอบรับที่ได้มาเรื่อยๆ กว่าทุกคลิปเลยค่ะ”
หลายคนคงเคยตั้งคำถามว่าทำไมภาษาอังกฤษต้องมีแกรมมาเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ถามว่ามีความจำเป็นไหมที่เราต้องจำได้ทั้งหมด ติวเตอร์สาวก็ได้เผยกับเราว่า ถ้าเราจำได้หมด จะช่วยเพิ่มให้ภาษาอังกฤษของเราสวยงามมากขึ้น ไพเราะมากขึ้น ต่างชาติก็เข้าใจมากขึ้น
“อย่างเช่นเรื่องเทนส์ (Tense )ที่บอก ถ้าเกิดมันไม่มีอยู่ในนั้นในประโยคฝรั่งเขาอาจจะไม่เข้าใจเลยก็ได้ ว่าเรากำลังพูดถึง ณ ขณะนี้หรือว่าพูดถึงในอดีต พูดถึงในอนาคตอะไรอย่างนี้ค่ะ ซึ่งพอถ้าเกิดว่าเรามี เทนส์ (Tense )เข้ามามันก็อาจจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เพิ่งบริบทน้อยลง มันก็จำเป็นเท่าที่ขึ้นอยู่กับว่านักเรียนจะเรียนไปเพื่อทำอะไร วัตถุประสงค์คืออะไร ถ้าเกิดว่าเรียนไปเพื่อสื่อสารมันก็ไม่จำเป็นต้องเรียนครบทั้ง 12 เทนส์ (Tense ) ถูกไหมคะ
เราก็เรียนไปเท่าที่เราคิดว่าเราจะใช้ แล้วพอไปอยู่บทสนทนาจริงๆ มันก็จะเน้นเรื่องเกี่ยวกับบริบทมากกว่า คือถ้าเกิดว่าบริบทมันบอกแล้วว่าอะไร พูดถึงเมื่อวานนี้นะอะไรอย่างนี้ค่ะ เหตุการณ์
เทนส์ (Tense )มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นแต่ว่าในกรณีที่เราจะเรียนไปใช้ในการทำงาน การสื่อสารในที่ทำงานหรือว่าเรียนไปสอบอะไรอย่างนี้ค่ะ เรื่องเทนส์ (Tense )มันก็สำคัญ เพราะมันจะปรับให้คนฟังมองเราเป็นอีกระดับหนึ่งไป ในเรื่องของการใช้ภาษา”
นอกจากนี้ครูอายยังได้บอกถึงเสน่ห์ของภาษาอังกฤษไว้ว่า ความมีเสน่ห์นั้นอยู่ที่สำเนียง และสำนวนต่างๆ ในภาษา มีเมโลดี้ในภาษาเป็นของตัวเอง จะเพราะในแบบฉบับของมันเอง หลายคนที่ได้ยินคำว่าภาษาอังกฤษก็ไม่เปิดใจ และไม่อยากเรียน

จุดเริ่มต้นเพจ “เรียนเหอะ อยากสอน”

ท่ามกลางเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับการเรียน ที่เปิดให้เห็นหลายเพจ หนึ่งในนั้นก็มีเพจ “เรียนเหอะอยากสอน” โดยจุดเริ่มต้นในการทำเพจ เริ่มจากที่เจ้าของเพจนั้นเรียนคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีความชื่นชอบภาษาอังกฤมาตั้งแต่เด็ก โดยมีคุณแม่เป็นจุดเริ่มต้นในการสอนและเคี่ยวเข็ญ และช่วงที่ทำเพจจะเป็นช่วงปลายๆ ปีที่แล้ว ที่เพื่อนๆ อยากจะเปลี่ยนงานกัน และจะต้องใช้คะแนน TOEIC ในการเปลี่ยนงาน
สำหรับการสอบTOEIC หรือ Test of English for International Communication (ออกเสียงว่า "โทอิก") เป็นแบบทดสอบความรู้ทางภาษาอังกฤษ สำหรับประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ซึ่งเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษสากลที่มีสถิติของการใช้ในการสมัครงานมากที่สุดแบบหนึ่งของโลก เป็นแบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถ ตั้งแต่ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ ในระดับเริ่มต้น จนถึงผู้ที่ใช้ ภาษาอังกฤษได้ในระดับใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา


ไลฟ์สดติวข้อสอบโทอิก

“เพื่อนๆ ก็จะอยู่ต่างบริษัทกันแล้วไม่สามารถนัดมา รวมตัวมาสอนได้ ก็เลยอัดเป็นคลิปวิดีโอส่งให้เพื่อนๆ เพื่อนเห็นก็เลยว่ามันดี ก็เลยให้ลองเอาลงเฟซบุ๊ก โดยการเพจเริ่มแรกนั้นตนแรกๆ ก็คือทำเองทั้งหมดเลยค่ะ อัดคลิปเอง ตัดต่อเอง และในเรื่องของการทำกราฟฟิกเพื่อให้เข้าใจง่าย ส่วนตอนนี้ก็มีคนเข้ามาช่วยบ้างค่ะ”
ส่วนจุดเด่นของของเพจนี้ ติวเตอร์สาวยังบอกกับเราอีกว่า เป็นเพจที่ให้ข้อมูลทั่วไป เน้นไปที่สาระความรู้ ที่แฝงไปด้วยความสนุก และลูกเพจชื่นชอบตัวตนและเคล็ดลับที่ยกมาสอนให้ได้ไม่เครียด เน้นสนุก สอนมัน และเข้าใจ
“ในการสอนแต่ละคลิป คืออายก็จะค้นคว้าข้อมูลให้มันเยอะที่สุดจากหลายๆ แหล่ง และก็เอามารวบรวม คิดเป็นเทคนิคการจำเป็นของตนเอง เพราะว่าอย่างเพจอายจะมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้แบบมันมีสรุปและเทคนิคการจำ การเข้าใจให้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องจำ ก็เลยต้องมีการเอามากลั่นกรองเป็นแนวทางของตัวเองด้วย เป็นเทคนิคของตัวเอง”
โดยเนื้อหาที่สอนเน้นไปที่ทุกเพศทุกวัย เพราะภาษาไม่มีการจำกัดพื้นที่ แต่จะเน้นให้คนที่เรียนนั้น ได้นำเอาไปใช้จริง และนำเอาไปใช้ให้ถูกต้อง สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนเองต้องการที่จะสื่อสารออกไป


สอนเคล็ดลับการจำคำศัพท์

“จริงๆ แล้วภาษาอังกฤษมันไม่ได้แบ่งเป็นวัยไหนค่ะ เป็นทักษะภาษาเอาไว้สื่อสาร ขึ้นอยู่กับว่า คนที่เรียนจะเอาไปใช้ในลักษณะไหนมากกว่าแต่มันไม่ได้แบ่งว่าเรื่องนี้ต้องเหมาะกับเด็กม.ปลายนะ แต่ก็จะมีบางเนื้อหาที่อายติวเป็นแบบเฉพาะเจาะจงไปเลย เช่นเอาข้อสอบGAT มาติว มันก็จะเหมาะกับนักเรียนม.6หรือว่าเอาข้อสอบเกี่ยวกับโทอิกมาติวมันก็จะเหมาะกับคนที่จะไปสอบโทอิก มันขึ้นอยู่กับเนื้อหาด้วย แต่ว่าหลักๆ เลย อายจะเน้นไปให้คนเอาไปใช้ให้ถูกต้อง”
ส่วนการวางแผนเตรียมตัวสอนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น 1 วันเต็มๆ เลย ในการหาข้อมูล ในการทำสรุปทุกอย่างๆ และวันถัดไปก็จะอัดคลิปสอน ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้คนหันมาสนใจในเพจเรียนเหอะอยากสอนนั้น คงเป็นรูปแบบการสอนแบบใหม่ พร้อมกับความสนุกไม่ต้องเครียด
ส่วนชื่อที่เรียกกันติดปาก ครูอายชื่อนี้ได้มาจากใครนั้น? ต้องให้เจ้าตัวได้เล่าให้เราฟังแล้วว่าจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหนหรือมาจากใครกันแน่
“คือตอนแรกๆ อายจะพยายามไม่เรียกตัวเองว่าครู เพราะว่ามันจะมากำหนดอะไรหลายๆอย่างของอาย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ของอายแต่ว่าพอหลังๆ พอเริ่มลูกเพจต่างๆนานา เรียกครูอายหมดก็เลยกลายเป็นเหมือนกับชินปากด้วยแต่อายจะไม่ได้เรียกตัวเองว่าครู ก็แทนตัวเองว่าอายไปเลย แต่ว่าถ้าเกิดตอนนี้ใครเรียกว่าครูอายก็ไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ”
นอกจากนี้ ครูสาวแสนสวยยังฝากถึงลูกเพจและคนที่กลัวภาษาอังกฤษ ให้ปรับทัศนคติตัวเอง อยากให้เริ่มปรับทัศนคติของตัวเอง มันสนุก มันน่าเรียน ถ้าเกิดว่าไม่รู้จะเริ่มปรับตรงไหน ก็เริ่มจากมาเปิดดูเพจเรียนเหอะอยากสอนดูว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดจริงๆ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ดีๆที่ทำให้อายกลับมามีกำลังใจทำสิ่งที่อายคิดว่ามีประโยชน์ต่อไปนะคะ บางคนบอกอายว่าจะทำเพจ ห้ามอ่านทุกคอมเมนต์ แต่อายว่ามันคุ้มนะ ถ้าอ่านแล้วได้เจอคอมเมนต์ดีๆจากคนที่รักเรา

หลักการใช้ชีวิตฉบับครูอาย!!!



ครูอายได้เผยเคล็ดลับในการดำเนินชีวิตฉบับครูอาย ไว้ในบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วย เผื่อว่าใครหลายคนอยากปฏิบัติตามได้ง่าย การใชีชีวิตแบบง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก
“จริงๆ มันไม่มีอะไรมาก ก็สอนเหมือนคุณแม่ทั่วๆ ไป ก็คือให้เป็นคนดี ถ้าหลักใช้ชีวิตจริงๆอายเอาประโยคนี้มาประยุกต์ใช้กับทุกอย่างเลย คือ “ถ้าเราอยากทำอะไรคือเราต้องเริ่มทำเลย” สมมติถ้าเราที่อยากจะมีซิกแพคเราก็ต้องเริ่มที่จะออกกำลังกาย คือการแชร์คลิปออกกำลังกายมันไม่ได้ช่วยให้เราแบบว่ามีซิกแพกขึ้นมาต้องเริ่มไปออกกำลังกายจริงๆ”
ด้านครอบครัวปลูกฝังเรื่องภาษามาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องภาษาจึงไม่ใช่เรื่องยากมากนักสำหรับครูอาย เพราะคุณแม่จะคอยสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งการหาวิธีการสอนโน่นนี่นั้นมาให้ตลอดเวลา อย่างหลายๆ เรื่องที่อายเอามาใช้ในเพจ อายก็เอามาจากคุณแม่อย่างเช่นเรื่องการ์ดคำอะไรแบบนี้



ส่วนคุณแม่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย คุณแม่แค่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ก็เลยสอนอายแต่ว่าได้เป็นครู แต่ว่าพามาช่วงนี้ก็จะมีคนเข้ามาให้สอนภาษาอังกฤษเยอะขึ้นก็เลยกลายเป็นครูไปแล้ว คุณแม่ก็เปิดเพจด้วยเลย ชื่อเพจว่า “สอนลูกให้เก่งอังกฤษ”ค่ะ ก็จะไปเน้นสอนพ่อๆ แม่ๆ ให้แบบว่าเอาไปสอนลูกต่อได้ค่ะ มีปรึกษากับคุณแม่บ้างคุยกันเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องรูปแบบของเนื้อหามากกว่าเพราะว่าของอายจะเปิดมาสักพัก พอรู้แล้วว่ารูปแบบเนื้อหาแบบไหนที่คนจะชอบ ก็จะคอยแนะนำคุณแม่ได้
ครอบครัวนี้เก่งทั้งแม่และลูกแล้วนั้น คุณแม่ครูอายไม่เพียงแต่เปิดเพจสอนภาษาอังกฤษเท่านั้น ยังทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัท ที่เกี่ยวกับธุรกิจต่างประเทศอีกด้วย
อีกทั้งเป็นลูกคนเดียว พ่อกับแม่ก็จะหวงเป็นธรรมดา ส่วนตอนนี้อายุ 26 แล้วก็เลยไม่ค่อยหวงมากแล้วจะห่วงมากกว่า ด้านคุณพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน ครูอายยังเล่าอีกว่าตอนเด็กไม่เคยโดนเคี่ยวเข็ญเรื่องการเรียนเลย เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว ถือว่าเป็นเด็กห้องคิงเลยก็ว่าได้
“ตอนเด็กๆ อายไม่โดนเคี่ยวเข็ญอะไรเลย แต่ว่าอายเป็นเด็กเรียนเอง ตั้งใจเรียนเองประมาณนั้นค่ะ ก็เลยไม่มีใครแบบว่าต้องเขี่ยวเข็ญเลยค่ะ แต่ว่าอย่างใกล้สอบครูแม่ก็จะพาไปแบบหอสมุด ให้ไปนั่งอ่านหนังสือ ส่วนใหญ่ก็จะตื้อคุณแม่ไปมากกว่า เรื่องด่าเกี่ยวกับการเรียนไม่เคยเจออารมณ์นั้นเลยค่ะ ก็มีช่วงเกเรเล็กน้อย ก็ทั่วๆไป ไม่ถึงกับว่ามีวีรกรรมอะไรมาก จะมีช่วงอายุที่แบบว่าซ่านิดนึง แต่ก็ยังดีที่ยังมาตบๆ ตัวเองกลับมาได้ ทันเวลาแอมินชันพอดี”



นอกจากนี้ครูอายยังได้เล่าถึงการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาว่า ส่วนเชีวิตที่ผ่านมาในวัย 26 ปีนั้นมีอะไรบ้างที่ยากที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา
“ไม่มีนะคะ สำหรับอายคือพอมันได้เริ่มทำแล้วค่ะ มันก็ไม่มีอะไรยากไป มันก็มีที่เราค่อยๆ ทำไปเพราะอยู่ที่ว่ามันจะสำเร็จตอนไหนแค่นั้นเองค่ะ แต่ว่าถ้าเกิดว่าตอนที่ยากที่สุดก็จะเป็นช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันนั้นก็เป็นช่วงที่ยากที่สุดแล้ว อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน แล้วก็ช่วงสอบในอักษรก็ยากเหมือนกัน"
สาวขยันคนนี้ยังเล่าไปถึงวีรกรรมในวัยเรียนอีกด้วยว่า เมื่อทางมหาลัยหรือทางโรงเรียนมีกิจกรรมอะไร ก็ไม่ค่อยได้เข้าไปร่วมสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมุ่งมั่นเกี่ยวกับการเรียนมากกว่า จะว่าไม่สนใจหรือไม่เอาดีทางด้านนี้เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าความสวยต้องไปสะดุดแมวมองหลายๆคนเพื่อชักชวนไปประกวดดาวมหาลัยอย่างแน่นอน สวยขนาดนี้เคยเป็นดาวมหาลัยไหม?
โอ๊ย!!! ไม่ค่ะ ตอนนั้นยังแบบ คือไม่ได้เอาดีด้านนี้อะไรใดๆ เลยค่ะ อายจะต้องไปเรียนอย่างเดียวเป็นเด็กเรียนเลยค่ะ กิจกรรมก็ไม่ทำ ตอนนั้นก็ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน เอาแต่เรียน

ซอกแซกชีวิตส่วนตัว!!!

เที่ยวทะเลที่มัลดีฟส์

นอกจากชื่นชอบภาษาอังกฤษเป็นพิเศษแล้วนั้น ครูอาย ยังชื่นชอบเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งนี้ยังเผยอีกว่าอยากทำวอคเกี่ยวกับการท่องเที่ยวลองดูบ้าง
ส่วนเรื่องราวในชีวิตนั้น ครูอาย เป็นคนทำงานเก่ง เวลาทั้งหมดแทบจะทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด หากมีเวลาว่างจริงๆ เหลือจากงานที่ทำแล้วนั้น ครูอายจะชอบอ่านหนังสือ
“เวลาว่างถ้าตอนนี้จริงๆ ถ้าว่างๆ อายก็จะรีบคว้าหนังสือเอามาอ่านก่อนเลยค่ะ เพราะว่าเวลาว่างแบบนั้นมันน้อย พอว่างก็เลยต้องอ่านหนังสือเพื่อเอาความรู้มาสอนต่อจะไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปทำอย่างอื่นขนาดนั้น
อายชอบอ่านหนังสือเรียนเลยค่ะ อ่านแบบแกรมมา อ่านอะไรไปเรื่อยๆเลย ดูว่าคิดว่าตรงไหนที่เรามองข้ามไปแต่ว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ อายก็จะแบบเหมือนพออ่านเจอก็จะรีบเอามาสรุปเป็นเนื้อหาตัวเองแล้วก็สอน ส่วนหนังสือแนวอื่นก็ชอบ แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน “
จะอ่านหนังสือวิชาการมากกว่าเพราะว่าเหมือนกับว่าช่วงนี้อายทุ่มเทให้เพจมากก็เลยหนังสือธรรมดาที่อ่านเพื่อความสนุกก็จะลดน้อยลง กลายเป็นว่าหนังสือวิชาการกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว อยากให้หลายๆคนเป็นแบบนี้เหมือนกัน อ่านแล้วสนุกเหมือนอาย (หัวเราะ)



เมื่อก่อนมีความฝันอยากทำหลายอย่างมากในชีวิตสำหรับครูอาย เคยเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน งานแรกเป็นเลขาและก็งานที่สองเป็น AE ส่วนที่ออกจากงานประจำนั้นเจ้าตัวให้เหตุผลว่าอยากเป็นนายตัวเอง เพราะว่าเหมือนชอบทำของตัวเองมากกว่า
ตอนแรกก็ฝันว่าอยากเป็นเลขา ก็เลยได้ลองเป็นแล้ว ก็โอเค พอมาตอนนี้ก็อยากทำของตัวเองก็ได้ทำแล้ว ก็จะพยายามทำพัฒนาไปเรื่อยๆ อาชีพเลขายังไม่ตอบโจทย์ เป็นเลขามันก็โอเคแต่มันยังไม่ใช่ตัวเราค่ะ คืออายเป็นคนแบบว่า ชอบคิดชอบอะไรเองทำเองค่ะ

งานล้นมือขนาดนี้ก็มีการจัดแจงเวลางานให้ได้ง่ายต่อการใช้ชีวิตไปดูกันว่า มีการจัดแจงเวลาอย่างไร ก็จะแบ่งเป็นวันๆเลยค่ะต่ออาทิตย์ แต่ว่าบางอาทิตย์ก็ไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวสอนก็จะไม่ได้โพสต์คลิป อายจะพยายามไม่ อายเคยฟิกเวลาตัวเองแล้วแต่มันไม่สำเร็จ อายก็เลยไม่ต้อกำหนดตัวเองมากเท่าไหร่ ทำที่เราไหว
ส่วนงานวงการบันเทิงนั้นเจ้าตัวจะว่ายังไง หากมีคนชักชวนเข้าวงการบันเทิงจริง หรือเจ้าตัวคิดจะเข้ามาวงการนี้หรือไม่นั้น คงต้องไปฟังจากปากเจ้าตัวกันเลยค่ะ
“ถ้าถ่ายแบบก่อนหน้านี้อายก็มีทำเป็นนางแบบมาก่อนก่อนที่จะเปิดเพจ แต่ว่าตอนนี้ก็เลิกทำไปแล้วค่ะ ส่วนพวกวงการบันเทิงอื่นๆ ก็มีติดต่อเข้ามาบ้าง ถ้ามันมีโอกาสที่มันเหมาะสมก็สนใจค่ะ”



“ไอดอล” สู่แรงบันดาลใจ “เกียรตินิยม”

บัณฑิตเกียรตินิยมอักษรจุฬาฯ

การที่เป็นนิสิตเกียรตินิยมอักษรจุฬาฯไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน ในวัยเด็กที่ครูอายได้เลือกเรียนอักษรจุฬาฯนั้น มีแรงบันดาลใจแรกคือสมเด็จพระเทพฯ ที่เรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์ ท่านเหมือนกับการเป็นไอดอลคนแรก นอกจากนี้ยังมีพี่แนน เอ็นคอนเซปอีกด้วยที่เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ
คือตอนนั้นอายก็มีเรียนที่เอ็นคอนเซ็ปต์ก่อนที่จะสอบแอดมินชันก็คือเรียนกับพี่แนนก็เลยมีพี่แนนเป็นแรงบันดาลใจ แล้วก็พี่แนนก็จบจากคณะนี้ด้วย ก็เลยยิ่งแบบว่าอยากเข้าคณะนี้มากขึ้น แล้วก็พอทำได้ก็ดีใจ แล้วก็อยากแบ่งปันความรู้บ้าง
ส่วนเรื่องที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับสองนั้นติวเตอร์สาวยังได้เผยกับเราอีกว่า การที่จะคว้าเกียรตินิยมมานั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าเป้าหมายของแต่ละคนนั้น ต้องการอะไรมากกว่า เพราะทุกคนย่อมมีเป้าหมายของตนเองอยู่แล้ว
จริงๆ การที่เรียนให้ได้เกียรตินิยมมันไม่จำเป็นเพราะมันเป็นเป้าหมายของแต่ละคนมากกว่า คือไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องได้เกียรตินิยม แต่ว่าของอายคือตั้งเป้าหมายไว้ มันก็ช่วยทำให้อายได้มีกำลังใจ มีแรงผลักดันในการเรียน



ภาษาอังกฤษ กับระบบการศึกษาไทย!!!

ภาษาอังกฤษช่วยเพิ่มโอกาส ? ก็ช่วยเยอะนะคะ อย่างเป้าหมายแรกของการเปิดเพจอายก็คือให้เพื่อนๆ ได้สอบโทอิกเพื่อเอาไปเปลี่ยนงานหรือว่าเพิ่มเงินเดือนที่ทำงาน เพราะฉะนั้นมันเป็นรูปธรรมมากเลยว่าภาษาอังกฤษคือมันสามารถเพิ่มผลประโยชน์ให้กับเรา มันมีประโยชน์ ส่วนถ้าให้มองระบบการศึกษาไทยในฐานนะเด็กเกียรตินิยม
การศึกษา อายมองว่ามันโอเคแล้วนะ การศึกษาคือภาพรวมทั้งหมด มันไม่ได้มีการศึกษาอยู่แค่โรงเรียนอยู่แล้วเนาะ คืออยากให้มองกว้างกว่านั้นก็คือการศึกษามันควรจะมีการที่กลับมาศึกษาด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะโทษการศึกษาของไทยมันก็โทษไม่ได้เต็มปากใช่ไหมคะ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันไม่เกี่ยว
การศึกษาในห้องเรียนมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนเล็กๆเท่านั้นเอง จริงๆ หลักๆ ของการศึกษาคือมันต้องกลับมาศึกษาเอง เพราะฉะนั้นมันคงโทษการศึกษาไทยไม่ได้อาจะต้องดูที่แต่ละคนไปด้วย เพราะว่า อย่างทำไมถึงบางคนก็เรียนการศึกษาไทยเหมือนกัน แต่ว่าทำไมเขาถึงไปไปได้ไกลกว่า อันนี้ก็ต้องลองดูแต่ละเคสไปอะไรอย่างนี้ค่ะ
ยิ่งช่วงนี้การทำงานอะไรต่างๆ เหมือนเราต้องแข่งกับไม่ใช่แค่คนไทยด้วยกันแล้วตอนนี้ แล้วก็ที่สำคัญในเรื่องของการค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ เพิ่มเติมให้กับตนเองหลายๆ อย่าง แหล่งต้นฉบับมันก็เป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยคิดว่ามันน่าจะสำคัญมาก
ในส่วนของอายการเรียนภาษาอังกฤษตอนมัธยมกับตอนมหาลัยมันจะต่างกันมากเพราะอายเรียนเอกอังกฤษ มันก็จะมีพวกวรรณคดีอะไรเข้ามา แต่ว่าเท่าที่อายดูในของเพื่อนๆ คณะอื่นมันก็จะเนื้อหามันจะวนอยู่เหมือนเดิมแค่เราใช้คำศัพท์ที่มันยากขึ้นหรือว่าลงไวยากรณ์เรื่องเดิมนั้นแหละ แต่ว่าลึกลง มีข้อยกเว้นมากขึ้นอะไรแค่นั้นเองค่ะ จริงๆภาษาอังกฤษในการเรียนภาษามันไม่ได้เหมือนกับเลขพอมหาลัยจะมีแคลคูลัสอะไรแบบนี้ค่ะ คือจริงๆ แล้วภาษาอังกฤษมันเป็นทักษะทางภาษา มันมีเรื่องวนอยู่แค่นั้นเพียงแค่ที่ผ่านมาเราจะลงลึก ในเรื่องนั้นไปมากแค่ไหนเท่านั้นเอง



ความฝันที่ไม่ใช่แค่ครูสอนภาษาอังกฤษ

เมื่อก่อนมีความฝันว่าอยากทำอะไร หลายๆ อย่าง ตอนแรกก็ฝันว่าอยากเป็นเลขา ก็เลยได้ลองเป็นแล้ว ก็โอเค พอมาตอนนี้ก็อยากทำของตัวเองก็ได้ทำแล้ว ก็จะพยายามทำพัฒนาไปเรื่อยๆ อาชีพเลขายังไม่ตอบโจทย์ เป็นเลขามันก็โอเคแต่มันยังไม่ใช่ตัวเราค่ะ คืออายเป็นคนแบบว่า ชอบคิดชอบอะไรเองทำเองค่ะ ใช่ชอบลงมือทำเอง
ในตอนนี้จึงลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดธุรกิจส่วนตัวอย่างจริงจัง ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเป็นเจ้าของแบรนด์ค่ะ แบรนด์สินค้าชื่อเวียร์เนียร์เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรักแร้และก็ข้อศอกอะไรแบบนี้ค่ะและก็มีนำสินค้าเข้ามาขายด้วย พวกเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเช่นช่วงนี้ก็จะเป็นแบบว่า ที่ปิดโทรศัพท์เอาไว้กับผนังก็นำเข้ามาขาย
ทางด้านธุรกิจส่วนตัวที่ร่วมลงทุนลุงแรงกับเพื่อนนั้นกำลังไปได้สวย ที่พยายามค่อยๆ ศึกษาเองเพราะว่าพอเริ่มทำตอนแรกมันก็มีผิดพลาดบ้างก็ค่อยๆ ปรับ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการตลาดทางออนไลน์เราค่อยๆ ได้ความรู้ได้ประสบการณ์จากกการทำเพจอยู่บ้างแล้วว่ามันต้องเป็นประมาณไหน ในทิศทางไหนก็พอจะได้นิดหน่อย ลงทุนกับเพื่อนมีหุ้นส่วนด้วย



สัมภาษณ์: ผู้จัดการ Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก “titaya hengnukun


กำลังโหลดความคิดเห็น