เสก โลโซ!! ขยันไลฟ์สดคุยกับใคร สังคมเป็นห่วงเสี่ยงฆ่าตัวตาย แค่ครึ่งเดือนไลฟ์ 80,000 กว่านาที รวม 133 ครั้ง ด้านอดีตภรรยาเชื่อหากเลิกดูนักร้องดังไลฟ์จะหายเอง แพทย์ช่วยฟันใช้โซเชียลฯ ปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองแบบนี้ทำให้ “ป่วยเพิ่ม” หรือเป็นการ “ช่วยบำบัด”!!!
เสพยา-กินข้าว-ฝังปลา ไลฟ์มาแล้วทุกอย่าง!!!
“เกิดมาไม่เคยเจอใครเหมือนเธอ หลับฝันละเมอภาพเธอคอยหลอนทุกคืน หลับลงคราใดอยากนอนไม่ยอมตื่น ก็ทุกค่ำคืนเจอเธอที่ปลายฟ้าไกล” ซมซาน เพลงที่ใครหลายๆ คนร้องกันจนติดปาก ที่ในช่วงนี้จะเห็นเจ้าของผลงานเพลงอย่างพี่ เสก โลโซ หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย ที่หลายวันก่อนเล่นออกมาไลฟ์สดหลอกหลอนคนดูทุกค่ำคืน
โดยวีรกรรมในไลฟ์สดของเสกก็มีมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น จุดเทียน สูบบุหรี่ อ่านหนังสือพิมพ์ ด่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โทร.หาอากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม กินหมูกระทะ ฝังปลาที่รักกันมา 17 ปี และร้องเพลง รวมถึงพูดภาษาอังกฤษกับคนดู นอกจากวีรกรรมแล้วยังมีแขกรับเชิญในไลฟ์ที่โผล่ออกมาให้เห็นกัน เช่น น้องหมาปั๊ก น้องหมาไซบีเรียน เพื่อนรักคู่ใจของพี่เสก ปลาสลิดที่มักวางอยู่ข้างหน้ากล้อง แฟนสาว รวมถึงนักดนตรี Maya McClean ที่มานั่งร้องเพลงและกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างเป็นมิตร
ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ไลฟ์บ่อยที่สุดคือ 06.00-09.00 น. ซึ่งสถิติการไลฟ์เฟซบุ๊กของเสก โลโซ ตั้งแต่วันที่ 1-15 สิงหาคม 61 ในภาพรวมแล้ว เสก ไลฟ์ไปทั้งหมด 80,017.41 นาที คิดเป็น 133.61 ชั่วโมง ไลฟ์ไปทั้งหมดจำนวน 133 ครั้ง
ด้านอดีตภรรยา วิภากร ศุขพิมาย หรือ กานต์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่า การที่เสกเสพติดการไลฟ์สด น่าจะเป็นโรคชนิดหนึ่ง เช่น โรคหลงตัวเอง หรืออาจจะเกิดจากการเคยเสพยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างหนัก และยังเชื่ออีกว่าถ้าเลิกดูไลฟ์สด เขาจะหายเอง
“การที่เสกพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นในไลฟ์สด คาดว่าน่าจะมาจากอาการหวาดระแวงคิดไปเองว่าคนนั้นคนนี้ทำไม่ดีกับตัวเอง ประกอบกับโรคไบโพลาร์และอาการหลงตัวเองของเสก ตอนนี้กลัวว่าถ้าเขาชอบให้คนดูเขาแบบนี้ แล้วคนยิ่งเข้าไปดู กลัวว่าเสกจะไม่ยอมหยุดไลฟ์สด”
หลายคนเป็นห่วง เสก โลโซ ออกมาไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊กต่อเนื่องหลายวัน ทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามว่าเป็นอาการทางจิตหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงได้สอบถามไปยัง ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ได้ยืนยันว่าจะใช้สื่อโซเชียลฯ หรือกระแสสังคมเป็นข้อตัดสินความเจ็บป่วยของคนไม่ได้ เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
“การไลฟ์สดทำให้จิตป่วยมากขึ้นหรือไม่นั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันโดยตรงกับภาวะเจ็บป่วย มันดูเป็นคนละเรื่องที่มันไม่สอดคล้องกัน และคนที่มีพฤติกรรมเสพติดการไลฟ์สด มันเกี่ยวกับโรคที่เขาเป็นหรือไม่นั้น ผมว่าหาคำนิยามยาก และผมคิดว่าการไลฟ์สดบางทีมันก็มีสิ่งต่างๆ เข้ามา เจตนาของแต่ละคนก็แตกต่างกัน การไลฟ์สดบ่อยไม่บ่อย บางทีเขาก็อาจจะมีความคาดหวังอะไรอยู่ในใจที่เราไม่สามารถตอบแทนเขาได้”
ห่วงอาการไบโพลาร์ เสี่ยง “เสก” ฆ่าตัวตาย!!
ด้าน ดีเจเคนโด้ โพสต์เตือน เสก โลโซ เข้าใจไม่ได้เข้าข้าง ป่วยเป็นไบโพลาร์รุนแรง ห่วงอาการจะเข้าสู่ภาวะฆ่าตัวตายจากที่มีประสบการณ์เกิดขึ้นโดยตรงกับตัวเอง และยืนยันว่าเสกป่วยจริงเพราะได้โทร.คุยกับทนายส่วนตัวเสก และใช้เวลารักษาอาการมา 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย เพราะการไม่มีวินัยในการรักษา
“ผมเคยเป็นไม่ต่างจากพี่เสก และคนเป็นไบโพลาร์ทุกคนตอนแมเนียก็มีพฤติกรรมรุนแรงต่างกันออกไป ระยะแมเนียคือระยะคึกคักมากปกติ เราควบคุมตัวเองไม่ได้หรอกเพราะเคมีในสมองเป็นแบบนั้น สมองมันเป็นนายเรา ผู้ดูแลต้องวางแผนการรักษากับจิตแพทย์ ยิ่งรักษาช้าความเสียหายยิ่งมากขึ้น สุดท้ายถ้าพี่เสกลงสู่ขั้วซึมเศร้า มันไม่ใช่แค่ยิงปืนขึ้นฟ้าน่ะสิ ศิลปินต่างชาติก็จบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมาแล้วหลายคน
“ขนาดโดนจับยังยิ้มหัวเราะ (คุณคิดว่ามันปกติรึ) ออกจากคุกก็จะไปซื้อที่ดิน ตรรกะไม่มีแล้ว นี่คืออาการของโรคล้วนๆ ปัจจุบันไลฟ์สดไม่หลับไม่นอน พูดมาก พูดตลอดเวลา มันคืออาการแมเนียล้วนๆ พี่เสกขาดผู้ดูแล ผู้ป่วยจะหายปัจจัยหลักๆ คือผู้ดูแล”
สำหรับอาการสำคัญของผู้ที่ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ จะมีลักษณะอารมณ์ซึมเศร้า (Depression) และอารมณ์รื่นเริง (Mania) ที่ผิดปกติจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเจน จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านอารมณ์ผิดปกติ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า แต่โรคไบโพลาร์จะมีลักษณะอารมณ์รื่นเริงสนุกสนานสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง
ขณะที่ชาวโซเชียลฯ ออกมาแนะทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเสกในตอนนี้ คือ ควรไปรับการรักษาหากมีอาการป่วยจริง ญาติพี่น้องของเสกควรที่ต้องพาไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่สถานพยาบาลที่ คุณเสก โลโซ รับการรักษาควรติดต่อญาติพี่น้องหากเห็นการไลฟ์แบบนี้ ควรติดต่อประสานญาติพี่น้องให้รีบส่งผู้ป่วยรักษาโดยเร็วที่สุด
ด้านจิตเวชผู้เชี่ยวชาญรายเดิมย้ำอีกว่า การที่คนเสพติดการไลฟ์สดส่วนหนึ่งมาจากความต้องการให้มีการตอบรับทางสังคม ซึ่งอาจจะเป็นการชื่นชม เป็นคำชี้แนะ เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ หรือบางทีอาจจะดูที่ยอดคนดู ซึ่งแต่ละคนก็มีความต้องการที่แตกต่างหลากหลาย เราก็คงไม่ทราบว่าผู้เผยแพร่ลึกๆ เขาต้องการจุดใด และจุดใดเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เขาไลฟ์ และคนที่เข้าไปดูก็เช่นกันไม่รู้ได้ว่าลึกๆ แล้วคนดูก็ต้องการอะไรเช่นกัน
นอกจากนี้ หาก เสก โลโซ เข้าข่ายบุคคลที่มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัด ทางญาติก็สามารถใช้อำนาจพาเขาไปหาหมอได้ เนื่องจากมี พ.ร.บ.สุขภาพจิตปี 51 ซึ่งพ.ร.บ.ตัวนี้ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครอง กรณ๊พบเห็นผู้ป่วยจิตเวช ที่มีพฤติกรรมที่น่าจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่น หรืออันตรายต่อตัวเอง สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.นี้ได้
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชยังฝากถึงคนที่เข้าไปดูไลฟ์สด เสก โลโซ และการไลฟ์หลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น ข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดียมีทั้งบวกทั้งลบปะปนกันไป บางทีก็เกิดข้อเสียของการนำไปลอกเลียนแบบ ฉะนั้นแล้วประชาชนควรที่จะใช้สื่อโซเชียลฯ ในทางที่สร้างสรรค์
“ประชาชนก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้โซเชียลฯ ที่จะกล่าวหาหรือซ้ำเติมกัน เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเผยแพร่ ไปในสื่อมันจะเข้าไปในสาธารณะทันที และมันจะควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นบางครั้งผู้เผยแพร่ไม่ได้มีเจตนาจะชี้นำสังคม แต่ว่าเกิดการชี้นำโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงอยากเน้นย้ำการใช้สื่อโซเชียลฯ อย่างมีสติ ถ้าเราอยากจะดูแลจิตใจกันและกัน หลักการที่กรมสุขภาพจิตได้พูดไปบ่อยคือ 3 ส สอดส่อง มองหา ใส่ใจ รับฟัง ส่งต่อเชื่อมโยง ยังคงเป็นหลักการที่ใช้ดูแลสุขภาพจิตซึ่งกันและกันได้”