xs
xsm
sm
md
lg

“วิ่งเหนื่อยแทบตาย ทำไมทำกันได้!?” จาก “เชษฐ์” ถึง “สท.อมตังค์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
อมเงินวิ่งการกุศล..จิตใจทำด้วยอะไร!? สังคมประณามไม่หยุด สท.คนดังเมืองชลฯ แม่งานโครงการ 'ร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ' แต่ไหงกลับฮุบเงินไว้เองซะงั้น! โลกโซเชียลฯ แฉประวัติฉาวโกงเงินไปทั่ว แถมใช้ชีวิตสุขสบาย ล่าสุด หน่วยงานเร่งตรวจสอบโทษผิดวินัย ด้านนักวิ่งคนดัง 'เชษฐ์ สไมล์ บัฟฟาโล' เปิดใจช้ำๆ “ผมวิ่งแทบตาย ทำไมทำกันได้!”

ล่าพลิกแผ่นดิน! “อมเงิน” โครงการวิ่ง “กินหรู-อยู่สบาย”

ใช้ชีวิตดีเวอร์! “เที่ยวกลางคืน-โกงเงินคนไปทั่ว” เพจดังแฉแหลก สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านสวน (สท.) อมเงินโครงการ 'ร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ' ของ 'เชษฐ์ สไมล์ บัฟฟาโล' (วรเชษฐ์ เอมเปีย) ซึ่งมอบให้กับ รพ.ชลบุรี ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ แต่กลับนำเงินเข้าบัญชีตนหน้าตาเฉย หายเข้ากลีบเมฆร่วมหลายเดือน จนนักสืบโซเชียลฯ แท็กทีมกดดันล่าตัวแสบ พบกรณีโกงเงินไม่ใช่ครั้งแรก!

“#มีคนร้องเรียนให้ช่วยตามหายอดเงินที่เหลือ ฝากทวงถามเรื่องเงินบริจาค ”โครงการร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ มอบให้โรงพยาบาล ชลบุรี” กิจกรรมวิ่งการกุศลที่พี่เชษฐ์ตั้งใจในวันนั้น ยอดบริจาคจาก พี่ น้อง ประชาชน รวม 401,500 บาท ทาง รพ.ชลบุรี ได้รับมอบไปเพียง 200,000 บาท ขาดอีก 201,500 บาท ที่เป็นเงินบริจาค

ตั้งแต่วันที่วิ่งในวันนั้น จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม นี้ เป็นเวลา เกือบ 5 เดือนแล้วที่ทาง รพ.ชลบุรี ยังไม่ได้รับมอบเงินดังกล่าวเลย เงินอยู่กับใครรีบเคลียร์ด่วนๆ อย่าสร้างภาพในสังคม ให้ดูว่าตัวเองดีแต่อย่างเดียว ตอนนี้ทาง รพ.ยังได้รับเงินไม่ครบ แล้วเงินไปไหน?”


 
ข้อความจากเพจดัง 'อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Return' ทวงถามเงินบริจาคที่หายไปกว่า 2 แสนบาท หลังสิ้นสุดภารกิจวิ่งในโครงการร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ ของเชษฐ์ สไมล์ บัฟฟาโล แต่ทาง รพ.ชลบุรีกลับได้เงินบริจาคไม่ครบตามจำนวน 401,500 บาท ตามที่แจ้งมา

ขณะที่นักสืบโซเชียลขุดประวัติฉาว สท.ผู้จัดงานวิ่งรายดังกล่าว พร้อมทั้งร่วมกันแสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์ถึงกรณีโกงเงินว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แถมยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนความเดือดร้อนของผู้อื่น

“โกงเงินบริจาค 200,000 บาท แถมทำเช็คเด้งให้แม่ของลูกใช้หนี้แทนอีก 300,000 บาท นอกจากนี้ยังเคยโกงเงินรับเหมาชาวบ้านอีก ไม่รู้จะโกงอะไรกันหนักกันหนา เกิดมาเพื่อโกงชาวบ้าน เลวมาก”

“เตือนภัยพี่น้องชาวชลบุรี ใครที่กำลังซ่อมแซมหรือต่อเติมบ้าน โปรดระวังบุคคลนี้ ผมตกลงซ่อมแซมบ้าน ด้วยการรื้อเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาปูฉนวนกันความร้อน ทาสีภายนอกและภายใน ปูกระเบื้องห้องน้ำใหม่สองห้อง บอกราคา 388,000 บาท เบิกเงินไปแล้ว 337,000 บาท ทำบ้านยังไม่ถึงไหน แถมยังขอเบิกงวดสุดท้ายอีก ระวังตัวกันด้วยนะครับ”

หลังจากที่มีการเปิดโปงความฉาวจนแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดีย ล่าสุด สท.คนดังกล่าว ได้ติดต่อเข้ามายังเพจดัง เพื่อขอชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าตนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ของโครงการไว้เพียงผู้เดียว พร้อมทั้งยังยอมรับและขอชดใช้เงินคืนเต็มจำนวน

 
“ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ผมรับผิดชอบเองคนเดียว ค่าเต็นท์ ค่าซุ้ม ค่าเครื่องเสียง ค่าเด็กช่วยงาน ค่าซุ้มดอกไม้ ค่าเวที ฯลฯ ทุกอย่างผมรับผิดชอบเองหมด แต่ผมต้องนำยอดคืน รพ. ตามยอดที่ธนาคารไทยพาณิชย์นับได้

ผมต้องนำเงินคืนมอบให้กับอำเภอรับทราบแล้วมอบให้ รพ. ตามจำนวนที่วิ่งได้อยู่แล้วครับ แต่ผมก็พยายามหางาน หาเงินมาเพื่อมอบให้เต็มจำนวนแน่นอนครับ ทางอำเภอก็ทราบดีและให้โอกาสถึง 5 เดือนครับ ผมเรียนผ่านหน้าห้องแจ้งบอกเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เข้าใจว่าผมหายไปไหน แต่แค่ไม่ได้บอกผ่านสังคม”

อย่างไรก็ตาม แม้ สท.รายนี้จะออกมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นว่าตนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เพียงผู้เดียว แต่กระแสในสังคมออนไลน์ยังคงครุกรุ่นไม่หยุด โดยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย อีกทั้งร่วมกันกดดันให้รีบนำเงินทั้งหมดมาคืนแก่ รพ.ชลบุรีให้เร็วที่สุด!

“ผมวิ่งเหนื่อยแทบตาย แต่กลับทำกันแบบนี้”

“ผมก็คิดนะครับว่า ทำไมเขาไม่คิดว่ามันเป็นเงินของประชาชน ผมวิ่งเหนื่อยแทบตาย แต่เขาเองทำได้ขนาดนี้”

'เชษฐ์ สไมล์ บัฟฟาโล' นักวิ่งจากโครงการ 'ร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ' เปิดใจกับทีมข่าว ผู้จัดการ Live หลังต่อสายตรงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาเองยอมรับว่าเสียความรู้สึกจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่หลังจากที่ สท.คนต้นเรื่องได้ออกมาชี้แจงยอมรับการกระทำและพร้อมชดใช้เงินบริจาคทั้งหมดเต็มจำนวน ด้านเชษฐ์เองก็พร้อมให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้น

“เริ่มมาจากที่ สท.ท่านนี้ได้จัดงานวิ่งให้กับ รพ.ชลบุรี จากนั้นท่านก็ไปรับเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อเข้าบัญชีตัวเอง พวกเราก็ตามเรื่อง แต่ก็เงียบหายไป จึงให้ผู้หลักผู้ใหญ่ตามถึงได้เงินคืนมาจำนวน 2 แสนบาท

หลังจากนั้นก็ยังเงียบอยู่ จนมีเพจหนึ่งในสังคมออนไลน์ช่วยในการเปิดโปง ท่านได้บอกว่าจะชดใช้เงินทุกบาท ผมก็เลยเห็นว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่สูงสุดแล้ว ผมไม่ทราบว่าตัวเขาเองนำเงินไปใช้จ่ายอะไร แต่ตอนนี้เขากำลังนำเงินมาคืนให้ รพ.ชลบุรี และได้ยอมรับขอโทษต่อสังคมทั่วประเทศแล้ว

ตอนแรกก็ยอมรับว่าเสียความรู้สึก เสียกำลังใจไปหมดเลย แต่พอ สท.ท่านนี้ได้ออกมายอมรับความจริง เราก็ดีใจว่ายังได้สิ่งนี้กลับคืนมา ได้ให้คนๆ หนึ่งรู้จักปรับปรุงแก้ไขตัวเอง วันหนึ่งเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้ ซึ่งผมเองก็เป็นคนให้อภัย ผมจะบอกทุกท่านว่าให้อภัยเขาเถอะ


 
เพราะตัวผมเองไม่ได้ยึดติดในเรื่องของการที่คนๆ หนึ่งเมื่อทำชั่วแล้วจะทำดีไม่ได้ ผมเชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดีได้ อย่างการที่ผมเห็นอกเห็นใจลูก-เมียเขา มันเป็นการให้อภัย เป็นการให้บุญสูงสุด ผมคิดแค่นี้จึงไม่ดำเนินคดีใดๆ”

สำหรับบทเรียนจากความผิดพลาดในครั้งนี้ ด้าน เชษฐ์ นักวิ่งการกุศลมองว่าที่ผ่านมาตนมีการจัดงานวิ่งที่มีมาตรฐาน และสามารถตรวจสอบได้มาโดยตลอด ซึ่งความผิดพลาดในครั้งนี้เกิดขึ้นจากเจตนาที่คลุมเครือของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงเท่านั้น

“จริงๆ แล้วถ้าเป็นงานของผมที่ผมเป็นผู้จัด ผมจะจัดกับหน่วยงานภาครัฐและกับทาง รพ. ตลอด ซึ่งพวกเราจะทำงานอย่างมีมาตรฐานสูง แต่ครั้งนี้ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะ สท. ท่านนี้เป็นคนจัดงาน ซึ่งผมคิดว่าในอนาคตคงไม่กล้ามาจัดงานเองแล้ว

ส่วนเรื่องระยะเวลาในการชดใช้เงิน ผมไม่มีเดดไลน์ มันอยู่ที่ตัวเขาเองว่าเขามีมาให้เท่าไหร่ หมดตัวก็ต้องเอามาให้ มีเท่าไหร่ก็ต้องทยอยเอามาให้จนกว่าจะครบ ผมอยากให้โอกาสเขาในการเจรจากับทาง รพ. ว่าจะเอาเงินไปคืนเมื่อไหร่ ส่วนตัวผม ผมรู้แล้วว่าเขาได้ออกมารับผิดชอบการกระทำของเขาแล้ว แค่นี้ผมก็ชื่นใจแล้ว”

อย่างไรก็ดี แม้ความคืบหน้าล่าสุด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีทราบเรื่องและสั่งการให้ผู้รับผิดชอบโดยตรงตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากว่ามีความผิดทางวินัย ซึ่งคงต้องรอดูต่อไปว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรกับ สท.คนดังกล่าว

“ผมคิดว่าน่าจะมีผลเยอะอยู่นะครับ จากคนๆ หนึ่งทำให้สะเทือนกันไปหมด น่าจะมีผลกับตัวเขาเยอะ แต่ผมเห็นเพจหนึ่งลงข้อความว่า สท.ท่านนี้ได้ไปคอมเมนต์ยอมรับว่า เขาจะชดใช้เงินทุกบาทและขอลาออกจากงาน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ทางผมเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมก็บอกแล้วว่าเราพร้อมให้อภัย

ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนที่เสพข่าวแต่ละข่าวได้อ่านชัดๆ ก่อนจะสรุปด่วนไว อยากให้มีสมาธิและสติในการเสพข่าวครับ ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ผู้กระทำความผิดได้ออกมายอมรับแล้ว ซึ่งเราเองอยากให้เป็นตัวอย่างว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมรับผิดและรับผิดชอบสิ่งที่ทำ การให้อภัยคนที่ทำความผิดเป็นสิ่งที่สูงที่สุดครับ”

ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live
ภาพจาก FB : วรเชษฐ์ เอมเปีย


กำลังโหลดความคิดเห็น