xs
xsm
sm
md
lg

ซีรีส์กลิ่นคาวแฉข่าวจริง “ครูชั่ว-เด็กเวร-ระบบการศึกษาพัง” จะรับได้ไหม-หรือจะถูกแบน!!? [มีคลิป]

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมาคมครู น่าจะร่อนจดหมาย ประณามละครนี้ในอีกวัน 2 วัน” เพจดังทำนายอนาคต “เด็กใหม่” ซีรีส์ based on true story แฉความฉาวในรั้วโรงเรียน อิงจาก 13 ข่าวคาวที่เกิดขึ้นจริง โปรโมตชัด เสนอบทเรียนผ่านการแก้แค้น เอาใจคนอยากเอาคืน “ครูชั่ว-เด็กเวร-ระบบการศึกษาไทย” ด้านคนวงการศึกษาถามกลับ อย่าสร้างเอาแค่ “สะใจ” เพราะมันคือการ “ผลิตซ้ำความรุนแรง” และโปรดเตรียมพร้อมตอบคำถามสังคมให้ได้ เมื่อถึงเวลา “สมาคมครู-ผู้ปกครอง” ยื่นจดหมายแบน!!



ซีรีส์สายดาร์ก จาก “13 ข่าวฉาว” ในโรงเรียน

“เรื่องราวของเธอ ได้แรงบันดาลใจจากข่าวจริง ที่คุณอาจเคยกดแชร์ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่ของขึ้นเมื่อเห็น “ครูชั่ว” แชร์ข่าว “เด็กเวร” หรือตั้งคำถามกับ “ระบบการศึกษา” คุณจะ “สะใจ” ระหว่างดู”

นี่คือคำโปรโมตซีรีส์กระแสร้อนเรื่องใหม่อย่าง “เด็กใหม่” ที่ให้ไว้ผ่านแฟนเพจ ซีรีส์ที่ผู้ชมกำลังจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ หลังเพิ่งออนแอร์ไปได้แค่ตอนเดียว แต่กลับทำเอาลุ้นกันหนักมากว่า จะรอดเงื้อมมือของฝ่ายเซ็นเซอร์ทางสังคมไปได้หรือไม่ โดยเฉพาะ “สมาคมครู-ผู้ปกครอง” ที่อาจเป็นเดือดเป็นร้อน จนต้องลุกขึ้นมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ใหญ่ในกระทรวง เพื่อแบน “ซีรีส์เรต 18+” ตัวนี้



"ซีรีส์นี้ แค่ดูตัวอย่างก็เสียวไส้ละ ประเด็นน่าสนใจดี เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมต่อเด็กในโรงเรียน รวมถึงเด็กก่ออาชญากรรมกันเอง แล้วใช้ความเป็นผู้เยาว์ปกป้องตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือการใช้กำลังกันในสถานศึกษา การใช้กำลังต่อเด็กนักเรียนโดยคนที่เป็นครู กูว่าออนแอร์ไป อาจเห็นบางสมาคมวิชาชีพออกมาประท้วง หรือออกจดหมายเปิดผนึกประณามผู้กำกับแหง"

แฟนเพจชื่อดัง ผู้นำเสนอข่าวคราวสะท้อนสังคมอย่าง "Drama-addict" คาดการณ์อนาคตของซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้แบบนั้น หลังได้ดูเพียงแค่ทีเซอร์ของซีรีส์ และยิ่งเป็นห่วงหนักมากขึ้นไปอีก หลังได้ดูแบบเต็มๆ ตอน ในวันออนแอร์วันแรก จนถึงกับฝากความคิดเห็นเพิ่มเอาไว้ว่า “กูว่าสมาคมครูหรืออะไรสักอย่าง น่าจะร่อนจดหมายประณามละครนี้ในอีกวัน 2 วัน”



หัวใจหลักที่ทำให้เรื่องราวฉาวๆ เรื่องนี้น่าจะสั่นคลอนระบบการศึกษาไทยได้ ก็คือคำว่า “สร้างมาจากข่าวจริง” นี่เอง และยิ่งเปิด EP แรกขึ้นมา ด้วยเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อ “แนนโน๊ะ” กับประเด็น “ครูหื่นข่มขืนนักเรียนสาว” ยิ่งสะเทือนความจริงที่ไม่มีคนในวงการศึกษาคนไหนอยากพูดถึงเข้าไปใหญ่ แม้ที่ผ่านมาจะมีหลากหลายคดี ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ แบบนี้จริงๆ ก็ตาม

หากลองมองละครย้อนมาดูคดีที่เกิดขึ้นจริง จะพบว่ามีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คดีครูดนตรีลวงข่มขืนเด็ก ป.5 ในห้องเรียน แถมยังขู่ห้ามบอกใคร ไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย, คดีครูปกครองพาเด็ก ม.1 เข้าม่านรูด ลวงข่มขืน ถ่ายรูปแบล็กเมล ขู่ว่าจะโพสต์ประจาน


คดี ผอ.โรงเรียน บังคับข่มขืนเด็ก ม.2 และคดีครูพละทำอนาจารเด็กไม่ต่ำกว่า 25 คน เป็นเวลานานกว่า 4 ปี แต่สุดท้ายเมื่อถูกแฉ กลับถูกลงโทษเพียงไม่ปรับขึ้นเงินเดือน กระทั่งเหล่าผู้ปกครองต้องลุกขึ้นมารวมตัวกัน จึงถูกสอบสวนวินัยขั้นร้ายแรง ฯลฯ

เหตุการณ์น่าเศร้าที่เกิดขึ้นจริงเหล่านั้น ดูๆ ไปแล้วก็คงไม่ต่างไปจากคำพูดที่ทางผู้ผลิตได้นำเสนอเอาไว้มากนัก โดยเฉพาะคำโฆษณาซีรีส์ผ่านสำเนียงประชดประชันที่ว่า "แน่ใจแล้วเหรอ ครูที่ยกมือไหว้ ไม่มีด้านมืด...” และ "ครู-นักเรียน ข่าวฉาวอมตะแห่งสังคม สองแง่สองง่าม เวลาที่คุณเห็น ถามจริง คิดว่าใครกันที่ผิด?! #เด็กใหม่ วัดระดับศีลธรรมในใจคุณ”





ตอนนี้ คอละครบางคนก็ได้แต่ออกมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยว่า ละครเรื่องนี้จะปิ๋วเหมือนภาพยนตร์เรื่อง “อาบัติ” และ “นาคปรก” ที่นำเสนอเรื่องราวอิงความจริงผ่านผ้าเหลือง เพื่อสะท้อนปัญหาสังคมในอีกมุมนึง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินรับไหวในสังคมไทย จึงเกรงว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีชะตากรรมเช่นเดียวกัน เพราะอาจไปกระทบต่อต่อมความรู้สึกของผู้ใหญ่ในแวดวงการศึกษา ส่วนคนดูอีกกลุ่มมองว่าไม่เห็นสาระของการสะท้อนปัญหาสังคมผ่านซีรีส์แบบนี้

"ทำซีรีส์แนวแก้แค้น นี่แนวเรื่อง “ล่า” ไหม แบบแก้แค้นอย่างสะใจ ถ้าสามารถสอดแทรกวิธีการเอาตัวรอดให้ด้วยจะดีมาก จะว่าไปเรื่องนี้ไม่เชิงสะท้อนสังคมนะ แต่อาจจะสนองความคับแค้นของคนเสพข่าว ที่อยากให้คนที่ทำร้ายเด็ก โดนตอบสนองอย่างสาสม"

"เป็นการแก้แค้นคืนอย่างสาสม ไม่ใช่แค่วงการครู เผลอๆ อาจมีวงการอื่นๆ อีก เพียงแค่บ้านเรา (ผู้ใหญ่หัวหงอกหัวดำบางกลุ่ม) ไม่ยอมรับกับการกระทำที่ก่อไว้"



"ประมาณว่าเหมือนเคส "นาคปรก" กับ "อาบัติ" คือรับไม่ได้ กลัวสังคมเข้าใจผิด แต่ความเป็นจริงยิ่งกว่าในหนังอีก หนังมันก็แค่สะท้อนสังคม ในหนังเหยื่อมันแค่คน 2 คน ของจริงแม่งเป็น 10"

"ครูโรงเรียนเราก็หม้อเด็ก พูดจาลวนลามหยาบคาย ใช้กำลัง แต่โดนขู่ให้ปิดเรื่องค่ะ เราไม่ควรปกป้องพระคุณที่สามในมโน พระคุณที่สามควรช่วยกันปกป้องเด็กๆ ไม่ใช่กลัวตัวเองจะไม่ได้ขึ้น C B A อะไรนั่น ผิดก็ผิด ดีก็ดี มันต้องว่าไปตามนั้น"

"ถึงแม้มันจะมีอยู่น้อย แต่มันก็มีอยู่จริง สังคมมันดัดจริต ไม่ยอมรับเท่านั้นแหละ"



"ทำละครสะท้อนสังคมนี่เข้าใจนะ แต่ช่วยจรรโลงสังคมด้วยได้ไหม อีกนิดมันก็จะเป็นหนังเรทอาร์อยู่แล้วเนี่ย"

"มีเเต่หนังแนวนี้ไง สังคมทุกวันนี้เลยเสื่อม เด็กเสพผู้ใหญ่เสพ พฤติกรรมเลียนเเบบ ไม่ได้โลกสวยนะ ทุกวันนี้มีแต่เเนวนี้จริงๆ เมียน้อยเมียหลวง กิ๊กบ้าง ลวนลามบ้าง ทุกวันนี้ทุกคนมีเน็ตในมือ การติดต่อสื่อสารมันง่าย ผู้ปกครองควรระมัดระวัง"



ต้องตอบให้ได้ เมื่อ “ถูกแบน-ถูกถอด”!!

ถึงแม้ว่าล่าสุดจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาจากฝั่ง “สมาคมครู-ผู้ปกครอง” อย่างที่หลายคนคาดเดากันไว้ แต่ในฐานะผู้อยู่ในวงการแวดวงการศึกษาคนนึงแล้ว ครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก หนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ช่วยฝากข้อคิดไปยังผู้ผลิตเอาไว้ว่า ถ้ามั่นใจว่ามีประโยชน์ก็ทำไป แต่ถ้าถูกแบนขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้เท่านั้นเอง

“ความจริงโดยหลักแล้ว ปัญหามันต้องสะท้อนทั้งนั้นแหละครับ แต่ว่าบางเรื่องถ้าสะท้อนแล้ว สังคมได้อะไรขึ้นมา ก็ต้องตั้งคำถามอย่างนี้ก่อน ถ้ามั่นใจว่าผลิตแล้วสังคมได้ประโยชน์จากมัน มากกว่าได้รับโทษ ก็ทำออกมา



สมมติว่าคุณฉายภาพ "พระข่มขืนสีกา" บ่อยๆ เข้า ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงก็ตาม แต่ถามว่าสะท้อนภาพเหล่านี้ออกมาแล้ว มันคุ้ม-ไม่คุ้ม มันมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ต้องถามคำถามนี้ให้แน่ชัดก่อน ถ้าตอบได้ว่ามีประโยชน์ก็ทำไป

และไอ้การทำออกมาก็หมายความว่า ต้องพร้อมจะตอบสังคมให้ได้ด้วยว่า มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรายบุคคล ไม่ใช่เรื่องของสถาบัน เมื่อเขาวิพากษ์วิจารณ์กลับมา ก็ต้องมีเหตุผลให้เขา ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แล้วก็รีบถอดซีรีส์ตัวนั้นออก ง่ายๆ คือต้องคิดก่อนทำ”



ยังมีอีกหนึ่งคำเตือนจากผู้คร่ำหวอดเรื่อง “ความรุนแรงในรั้วโรงเรียน” ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่จะถูกนำเสนอผ่านตัวซีรีส์นี้ ธวัชชัย พาชื่น ผู้จัดการโครงการ "เพศวิถีศึกษาและสัมพันธภาพศึกษา" และโครงการ "ไม่รังแกกัน" ของมูลนิธิแพธทูเฮลท์ (Path2Health : P2H) จึงอยากย้ำชัดๆ ไปยังฝั่งผู้จัด-ผู้ผลิตให้ได้รู้ว่าเรื่องเหล่านี้คือเรื่องละเอียดอ่อน และถ้าจะเลือกหยิบนำมาสะท้อน ก็ต้องแน่ใจว่าจะไม่เป็นอีกคนนึงที่ “ผลิตซ้ำความรุนแรง” เสียเอง

“ถ้าตัวซีรีส์นี้จะเน้นนำเสนอเนื้อหาเพื่อให้คนดูเกิดความรู้สึก "สะใจ" ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่า มันคือความสะใจของใคร แต่มันจะยิ่งเป็นการไปบ่มเพาะ ทำให้เกิดความรุนแรงในความคิดของคนดูมากขึ้น

เพราะ "ความสะใจ" ก็คือการบ่มเพาะความรุนแรงในวิธีคิดอีกวิถีทางนึง ดังนั้น ถ้าไปสนับสนุนให้คนดูได้รับความพึงพอใจ ผ่านความรู้สึกสะใจจากการดูผลของการถูกทำร้าย ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม มันก็คือ "ความรุนแรง" อีกรูปแบบนึง เป็นความรุนแรงที่ทำให้เกิดทางใจ ซึ่งมันเนียนกว่ารูปแบบการใช้กำลังประทุษร้ายทางกายด้วยซ้ำ



ผมยังคงเชื่อเสมอว่า การแก้ปัญหาโดยการใช้ความรุนแรงตอบโต้กลับ ใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน มันไม่ได้ช่วยทำให้ปัญหามันหมดไป เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องความรุนแรง มันเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากตัวบุคคล ซึ่งต้องอาศัยวิธีแก้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

เราไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมความรุนแรงของใครก็ตาม ได้โดยการตอบโต้ด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการไปฆ่าให้ตาย หรือแม้แต่ทำให้อับอาย ก็จะไม่ช่วยให้คนคนนั้นเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยทำ และการตอบกลับด้วยความรุนแรง ก็ไม่ได้ทำให้คนที่โต้กลับความรุนแรง ต่างจากคนที่กระทำรุนแรงเลย

ดังนั้น ผมจึง "ไม่เห็นด้วย" กับการนำเสนอโดยการสนับสนุนให้ใช้วิธีล้างแค้น หรือตอบโต้ด้วยความรุนแรงอะไรทั้งสิ้น เพราะมันจะยิ่งทำให้เกิด "การผลิตซ้ำความรุนแรง" เสียมากกว่า”



สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกหนึ่งอย่างก็คือ การตั้งประเด็นชี้เป้าให้ผู้ชมตามหาตัว “คนผิด” จากปัญหาที่นำเสนอผ่านซีรีส์ ซึ่งไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ที่มีอยู่ทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก ทางที่ดีทุกคนควรช่วยกันหันกลับมาดูที่ตัวเอง ถ้าอยากให้ละครเรื่องนี้สะท้อนปัญหา-ให้แง่คิดได้อย่างแท้จริง

“ถ้าจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้จะช่วยสะท้อนปัญหาสังคมตรงนี้ ก็ต้องมามองว่าเขาต้องการ "สอน" แบบไหน จะสามารถสอนให้คนเข้าใจความหลากหลายของผู้คนได้ และสามารถจัดการปัญหาได้โดยการไม่ใช้ความรุนแรงได้หรือเปล่า คือถ้าจะทำซีรีส์เพื่อสะท้อน ก็ต้องทำให้เห็นวิธีการจัดการที่สร้างสรรค์



หรือถึงแม้ว่าจะนำเสนอปัญหาด้านมืด แต่ถ้านำเสนอการจัดการปัญหาออกมาได้ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องดีกว่า การมานั่งตอกย้ำ หาคำตอบว่าใครผิด-ใครถูก อย่างน้อยๆ ก็ควรจะนำเสนอออกมาให้เห็นว่า สุดท้ายแล้ว ทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่อยากให้ไปกล่าวโทษตัวโรงเรียน ตัวครู หรือแม้แต่ตัวเด็กนักเรียนเองด้วย ว่าเป็นคนต้นเหตุอะไรก็ตาม

คนดูคงต้องเข้าใจก่อนว่า ซีรีส์ตัวนี้แค่สะท้อนปัญหามุมนึงเท่านั้น แต่ความจริงมันยังมีมุมเบื้องหลังที่อาจจะไม่ได้ถูกพูดถึงอีกว่า พฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากคนคนนึง มันเกิดมาจากสาเหตุอะไร เวลาดูก็อยากให้มองไปด้วยว่า คุณเคยเป็นส่วนนึงที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่านั้นหรือเปล่า คุณเคยใช้ความรุนแรงกับเด็กหรือคนรอบข้างแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”











ข่าวโดย ผู้จัดการ Live


กำลังโหลดความคิดเห็น