xs
xsm
sm
md
lg

คลี่ปมปริศนา “น้องหญิง” ตกรถจริงหรือฆ่าข่มขืน?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตกรถเกือบ 2 เมตร แต่ไม่มีแผล?! เจาะคดี “น้องหญิง” สาว 19 เสียชีวิตปริศนา ด้านอัจฉริยะ งัดหลักฐานมาช่วยเพียบ ทั้งคลิปเสียง -ข้อความแชต - ข้อมูล GPS เด็ดสุดคือพยานบุคคล ชี้ “ไอ้อ๊อฟมันหื่น” เคยข่มขืนสาว 2 วัน 2 คืนมาแล้ว!!!

พยานยัน “ไอ้อ๊อฟมันหื่น”

กลายเป็นอีก 1 คดีที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ กับกรณีของ นรีกานต์ ยาวิราช หรือ น้องหญิง สาวหน้าตาดีวัย 19 ปี ที่เสียชีวิตหลังกลับจากสถานบันเทิง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากกะโหลกศีรษะแตก โดย “อ๊อฟ” ชายที่ขับรถมาส่งเธอ อ้างว่าผู้เสียชีวิตได้กระโดดลงจากรถเอง ซึ่งขัดแย้งกับผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ที่ออกมาว่า น้องหญิงถูกของแข็งไม่มีคมตีเข้าที่ท้ายทอย

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ญาติของน้องหญิงติดใจการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่า นี่คือการฆาตกรรมมากกว่า เนื่องจากตามเนื้อตัวของน้องหญิงในวันที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลนั้น ไม่มีเศษฝุ่น เศษหินใดๆ มีรอยถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางญาติจึงพยายามหาหลักฐานด้วยตนเอง เข้าแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกิดเรื่อง คือ สภ.บางปะอิน โดยเจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ อ๊อฟ - สุรพล ดาราคำ คนชับรถเทรลเลอร์ผู้อยู่กับน้องหญิงเป็นคนสุดท้ายมาสอบปากคำแล้ว แต่ในขณะนั้นยังไม่มีการตั้งข้อหาหรือดำเนินคดี ก่อนจะปล่อยตัวไป



ในเวลาต่อมา ทางญาติของผู้เสียชีวิต จึงตัดสินใจเผยแพร่คลิปเสียง ระบุเป็นบทสนทนาระหว่าง รุ้ง ญาติของน้องหญิงและน้องหญิง เป็นช่วงก่อนที่เธอจะเดินทางกลับจากสถานบันเทิง ในคลิปมีการกล่าวถึง เป็ด ที่เป็นเพื่อนของน้องหญิง โดยทางญาติได้ฝาก ให้เป็ดส่งน้องหญิงกลับบ้านด้วยแท็กซี่ และไม่ต้องให้ชายชื่อ อ๊อฟ มาส่ง ซึ่งเป็ดก็รับปากรุ้งว่า จะส่งน้องหญิงกลับแท็กซี่ เอาหัวเป็นประกัน

ส่วนอีกคลิปเสียง เป็นคลิปเสียงระหว่างรุ้งและน้องหญิง ขณะที่น้องหญิงเดินทางออกจากสถานบันเทิงแล้ว และอยู่ในรถเทรลเลอร์ของอ๊อฟ ที่ขณะนั้นจอดเติมน้ำมันอยู่ โดยมีใจความสำคัญว่า ที่ต้องกลับพร้อมอ๊อฟ เป็นเพราะเป็ดต้องไปทำงานต่อกับท็อปที่เป็นแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นคนละทางกับที่พักของน้องหญิง ในระหว่างนั้นมีเสียงของอ๊อฟตะโกนแทรกขึ้นมาว่าร้องไห้ทำไม แต่น้องหญิงไม่ได้ตอบกลับไป



บทสนทนาดำเนินต่อไป รุ้งได้เล่าถึงพฤติกรรมของอ๊อฟว่า ชายคนนี้เคยข่มขืนน้องที่รู้จัก และอ๊อฟเป็นคนหื่น ซึ่งน้องหญิงก็ปรึกษากับรุ้งว่าจะทำอย่างไรดี เพราะจะลงตรงปั๊มน้ำมันก็ไม่มีแท็กซี่ และมีอีกคลิปเสียงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนั้น เป็นเสียงน้องหญิงร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมกับบอกว่ากลัว ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดดังกล่าวตามมา

คดีนี้ผ่านไปกว่า 10 วัน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนในที่สุด ครอบครัวยาวิราช ตัดสินใจเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยพ่อของน้องหญิงได้มอบหลักฐานในคดีนี้และมอบอำนาจให้ทางชมรมฯ เป็นผู้ดำเนินการทางกฎหมายทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทางชมรมฯ รับปากว่า จะรีบดำเนินการคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุดภายใน 3 วัน



และดูเหมือนว่าทันทีที่ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเข้ามาดูแลคดีนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เพราะทาง สภ.บางปะอิน ได้เรียกตัว เป็ด เข้ามาสอบปากคำ โดยเป็ดกล่าวว่าตนและผู้เสียชีวิต รู้จักกันได้ประมาณ 2 เดือน ส่วนอ๊อฟเป็นรุ่นพี่ที่ดีสำหรับตนมาโดยตลอด และตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ สำหรับคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่าตนรับปากจะไปส่งน้องหญิง เป็ดยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงของตนจริง

ทางด้านของ อ๊อฟ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญ ก็ถูกสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง และถูกควบคุมตัวเพื่อชี้จุดเกิดเหตุ เขาให้การว่า หลังจากขึ้นรถมา ไม่มีการพูดคุยอะไรกันระหว่างตนกับน้องหญิง แต่จู่ๆ น้องหญิงก็กระโดดลงจากรถ ตนพยายามเหยียบเบรกแล้วแต่ก็ไม่ทัน จึงนำร่างของน้องหญิงที่หมดสตินำส่งโรงพยาบาลทันที ทั้งยังยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือลวนลามน้องหญิงทั้งสิ้น

หลักฐานกับคำให้การ ขัดแย้งกันไปหมด!

แม้ผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นี้จะปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ทำผิด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะขัดแย้งกับหลักฐานที่ทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมรวบรวมมาได้ ซึ่งทางชมรมมั่นใจอย่างมากว่า นี่คือการฆาตกรรม ทั้งยังเผยอีกข้อมูลสำคัญอันน่าตกใจว่า นี่อาจทำเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ โดยมีเป็ดทำหน้าที่เป็นแม่เล้า จัดหาหญิงสาวมาบำเรอคนขับรถเทรลเลอร์!

อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยครอบครัวของน้องหญิง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับ อ๊อฟ , เป็ด และท๊อป แฟนหนุ่มของเป็ด ในข้อหา ร่วมกันทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย



หลังจากที่พบหลักฐาน ที่ทำให้เชื่อว่าทั้ง 3 คน น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องหญิง โดยนำหลักฐานที่ประกอบไปด้วย คลิปเสียงน้องหญิงก่อนเสียชีวิต ข้อมูล GPS สัญญาณโทรศัพท์ และข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ของน้องหญิง มามอบให้เจ้าหน้าที่ เพื่อประกอบการพิจารณา พร้อมกับนำรูปภาพหน้าศพของน้องหญิงและโรงศพมาแห่ด้วย

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า มีหลักฐานที่มั่นใจว่าเอาผิดผู้กระทำผิดได้ ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานทั้งไฟล์วิดีโอทั้งภาพและเสียง รวมถึงพยานบุคคลที่เป็ดเคยล่อลวงไปให้อ๊อฟข่มขืนบนรถเป็นเวลา 2 วัน 2 คืน ซึ่งอ๊อฟมีพฤติการณ์เดียวกันกับเหตุการณ์นี้

กลุ่มคนเหล่านี้ทำกันเป็นขบวนการในลักษณะการค้ามนุษย์ เชื่อว่าเป็ดมีส่วนรู้เห็น และมีหน้าที่เป็น นางนกต่อ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติของ เป็ด พบว่าเคยล่อลวงหญิงสาวไปให้ผู้ชายก่อเหตุคล้ายๆ กับล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว

ส่วนผลการชันสูตร จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต และผลการเอกซเรย์สมองจากโรงพยาบาลปทุมธานี ก็ยืนยันตรงกันว่าน้องหญิงถูกทุบตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ศีรษะหลายครั้ง กะโหลกศีรษะแตก เลือดคลั่ง มีบาดแผลจากรอยเขียวช้ำตรงไหล่ เนื่องจากการเอามือกดให้ลงไปให้นอนหงาย กระดูกสันหลังเป็นปกติ ไม่มีอาการบาดเจ็บคล้ายคนตกจากรถเทรลเลอร์ด้วยความสูง 1.8 เมตร ส่วนผลการตรวจล่วงละเมิดทางเพศจะทราบผลในเร็วๆ นี้



นอกจากนี้ ยังพบอีกเงื่อนงำสำคัญ ก็คือสัญญาณ GPS ของโทรศัพท์มือถือน้องหญิงขาดหายครั้งสุดท้าย เป็นจุดเดียวกับ GPS รถเทรลเลอร์ที่อ๊อฟให้การว่าจอดรถลงไปปัสสาวะ มีการจอดแช่อยู่กับที่เป็นเวลานานกว่า 7 นาที เชื่อว่าน้องหญิงอาจถูกล่วงละเมิดทางเพศขณะอยู่บนรถเทรลเลอร์ ก่อนจะถูกอ๊อฟทำร้ายจากฝั่งคนขับ

ทั้งนี้ ทนายอัจฉริยะ ยังได้เตรียมแจ้งเอาผิดกับ ผู้กำกับการ สภ.บางปะอิน ตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุตำรวจไม่รับแจ้งความ และไม่มีการสอบพยานใดๆ แต่กลับดำเนินคดีฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวในภายหลัง ซึ่งทางครอบครัวไม่ยอมรับในข้อหานี้ แต่ต้องการให้ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งส่งต่อให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการดำเนินการต่อไป ซึ่งทางญาติของน้องหญิง เปิดเผยว่า จะยังไม่มีการเผาศพของน้องหญิงจนกว่าเรื่องจะจบ



ทางด้านของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุคือ สภ.บางปะอิน เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้ และมีคำสั่งให้พิจารณาข้อบกพร่องข้าราชการตำรวจที่ละเลยไม่สนใจทำคดีให้กระจ่าง และปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีคำสั่งเด้งฟ้าฝ่า ให้ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน และ ร.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ วงค์ภูผานนท์ รองสว.สอบสวน สภ.บางปะอิน เจ้าของคดี ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 30 วัน โดยมีผลทันที

กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและประชาชนทั่วไปอย่างมาก ซึ่งบทสรุปของเงื่อนงำต่างๆ ก็คงจะถูกคลายในเร็ววันนี้ แต่ที่แน่ๆ เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ถึงเรื่องของการเลือกคบเพื่อน ว่าไม่ควรไว้ใจใครมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักเพียงไม่กี่วัน เพราะเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ก็มีมาจาก “คนที่เราไว้ใจ” นั่นเอง ...


กำลังโหลดความคิดเห็น