สร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ติดปีกความสามารถด้านกีฬา เสริมศักยภาพเยาวชนไทยสู่อนาคต ผลักดันเด็กกว่า7,000 คนทั่วประเทศ ให้มีทักษะรอบด้าน หลายคนอาจจะคิดว่าความฝันของพวกเขาเป็นไปได้ยาก แต่ยังมีนักเตะทีมชาติไทยชื่อดัง ผู้เป็นผลผลิตจากโครงการที่น่าจับตามองนี้อีกด้วย
ตอกย้ำความสำเร็จเด็กไทย สู่ฟุตบอลอาชีพ!!
[น้องอันดา]
“ อนาคตฝันไว้ว่าอยากเข้าสโมสรเมืองทองยูไนเต็ดให้ได้ ผมใช้เวลามา5ปีในการฝึกฝน ตอนนี้อยู่รุ่นอายุ11ปีครับ”
นี่เป็นเสียงของน้องเยาวชนน้องอันดา-อนันดา อ่อนดำ หนึ่งในตัวแทนของทีมฟุตบอล ที่ทีมข่าวได้ไปเห็นในขณะที่กำลังฝึกซ้อมฟุตบอลอยู่ที่โรงเรียน เทศบาล2บ้านกระทู้ พื้นที่จริงเป็นสนามฟุตบอลที่ได้รับมาตรฐาน มีผู้ดูแลอย่างดี ซึ่งมีจำนวนเด็กมาซ้อมถึง40คน อายุ10 -14ปี โดยมีโค้ชมืออาชีพคอยฝึกสอน ทำให้เด็กๆที่มีเวลาว่าง ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ และเป็นพื้นที่สร้างโอกาสให้เยาวชนได้สานฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
[น้องบีม]
ไม่ต่างไปจากความฝัน น้องบีม-วีระภัทร์ ทองเล็ก วัย12 ที่อยากติดทีมชาติให้ได้ตอนอายุ19ปี และอยากเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่เก่ง และใช้กีฬาฟุตบอลในการเลี้ยงชีพ
“ เริ่มเข้ามากฝึกทักษะที่แสนสิริอะคาเดมี เมื่อ 2 ปีที่แล้วจากการที่เพื่อนชักชวนเข้ามา และเป็นคนชอบกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว ส่วนพ่อแม่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด อีกอย่างที่นี่เรียนฟรีด้วย และจะมีการฝึกซ้อมทุกเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. ส่วนวันจันทร์-ศุกร์ ผมจะซ้อมหลังเลิกเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกระทู้ ในอนาคตฝันไว้ว่าอยากเข้าสโมสรเมืองทองยูไนเต็ดให้ได้”
หลายคนอาจคิดว่าความฝันของพวกเขาคงเป็นไปได้ยาก แต่ยังมีหนึ่งตัวอย่างที่โตมากับโครงการ "แสนสิริ อะคาเดมี” (SanSiri Academy) คือ เจ-ชนาธิป สรงประสินธ์ ที่ไต่เต้ามาจากการรับโอกาสมาจากโครงการเดียวกัน จนสามารถประสบความสำเร็จ จนได้เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น
[เศรษฐา ทวีสิน]
ด้าน เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยังเล่าถึงอีกหนึ่งผลผลิตความภาคภูมิใจจากโครงการนี้ที่ได้ผลิตนักแตะมืออาชีพอย่าง เจ-ชนาธิป ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักแตะมืออาชีพ และยังก้าวไกลไปเล่นในบอลลีกที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
“การได้ทำให้เด็กเหล่านี้มีโอกาส คือวัตถุประสงค์ของเรา บางคนก็ไปติดทีมชาติ และไม่ใช่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นผู้หญิงก็มี คนสำคัญที่สุด อาจจะไม่มีใครทราบก็คือ เมสซี่เจ หรือเจ ชนาธิป ที่เข้าไปเรียนกับเรา 3 ปี ที่ สนามฟุตบอลThe Pacพุทธมณฑลสาย4 ซึ่งทางเราเองจัดให้เด็กเข้าไปเรียนฟรี จะดูเรื่องชุดฝึกซ้อม ดูเรื่องโค้ชฝึกสอนให้ รวมถึงโค้ชที่มาฝึกให้ก็มาจากอดีตหัวหน้าทีมชาติไทยอย่าง ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์ ในอดีตได้เป็นถึงผู้ช่วยซิโก้ ที่ได้แชมป์มามากมาย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ให้เด็กต่อยอดในสายอาชีพต่อไปได้”
เมื่อมองย้อนกลับไปยังเด็กและเยาวชนกว่า 7,000 คนที่ผ่านการบ่มเพาะทักษะจากโครงการนี้ พบว่าทุกวันนี้สามารถสานฝันนักฟุตบอลเยาวชนสู่เป้าหมายที่วางไว้ต่อเนื่องกว่า 100 คน โดยแบ่งเป็นการก้าวสู่นักฟุตบอลมืออาชีพกว่า 15 คน รวมถึงต่อยอดสู่โอกาสด้านการศึกษาอีกว่า 80 คน เป็นความภาคภูมิใจของแสนสิริที่ได้เป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การสร้างอนาคตที่ดีของเยาวชนอย่างต่อเนื่อง
“การกุศลไม่จำเป็นต้องมีผลตอบแทน”
จุดเด่นของโครงการนี้คือ เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่มีความสนใจ และมีใจรักในกีฬาฟุตบอลได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลอย่างถูกต้องจากโค้ชมืออาชีพ นอกจากโครงการนี้จะช่วยสานฝันทางด้านกีฬามืออาชีพให้แก่เด็กๆ แล้วยังสร้างฝันในเรื่องของการศึกษาที่มีเด็กกว่า 7,000 ทั่วประเทศได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาด้วยการใช้โควตานักกีฬาในการเข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือต่อยอดสู่ระดับสโมสรและระดับชาติมาแล้วต่อหลายคน
อีกทั้งการเข้ามาสมัครเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในทีมนั้น จะไม่มีการเข้ามาจองล่วงหน้า แค่เข้ามาฝึกซ้อมสม่ำเสมอให้ครบ 4 ครั้ง ก็จะได้รับชุดซ้อม และเมื่อเข้ามาแล้วสามารถ ไปร่วมฝึกกับกลุ่มเพื่อนที่อายุรุ่นเดียวกันได้เลย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งนี้ เศรษฐา ยังได้เน้นย้ำถึงแนวคิดที่ทำโครงการ “แสนสิริอะเคเดมี่” โดยมีเป้าหมายหลักส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางด้านฟุตบอลอย่างถูกต้อง และไม่เสียค่าใช้จ่าย
“ผมมักถูกถามจากผู้ถือหุ้นว่า เอ๊ะ!ทำไปแล้วเราได้อะไร เกี่ยวอะไรกับอสังหาริมทรัพย์ คำถามนี้วนเวียนอยู่ตลอดเวลา แต่จริงๆแล้วเราทำอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะการกุศล เราไม่จำเป็นต้องมีผลตอบแทนเสมอ”
นี่เป็นคำตอบย้ำของผู้บริหารรายเดิม ที่มีความเชื่อว่า ถ้าหากจะทำให้จริง จะต้องจริงจัง ลงลึก และต้องเป็นสิ่งที่ชอบทำ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ ถ้าเกิดเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็จะทำให้เขามีส่วนร่วมในการเข้ามาทำด้วย เหมือนกับโครงการนี้ที่ทำให้เขาเห็นประโยชน์ที่น้องๆจะได้รับ
สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมของแสนสิริเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Sansiri Social Change" มุ่งมั่นให้การสนับสนุนการดูแลเด็กใน 3 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา และกีฬา ซึ่งการจัดโครงการแสนสิริอะคาเดมีถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน เพราะนอกจากจะมีสุขภาพดีจากการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาแล้ว ยังสามารถต่อยอดสู่ด้านการศึกษาได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับโควต้าเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพหรือต่อยอดสู่ระดับสโมสรและระดับชาติ
นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นสร้างรากฐานเพื่อช่วยเหลือ และพัฒนาเด็กในแต่ละด้านอย่างยั่งยืน ทางด้านแสนสิริเองยังได้เพิ่มโปรแกรม Sansiri Academy Por (แสนสิริอะคาเดมีโปร) เป็นโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น รวมถึงส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรายการต่างๆ และยังมีกิจกรมมพิเศษให้เด็กได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลทีมชาติไทยอีกด้วย
ปัจจุบันโครงการแสนสิริอะคาเดมี่ได้ขยายโอกาสในการเรียนการสอนถึง7สนามโดยเปิดให้ฝึกซ้อมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. มีสนามฝึกซ้อมทั้งสิ้น 7 สนามทั้งในกรุงเทพฯและภูเก็ต ได้แก่ฟุตบอล สนามฟุตบอล The Pacพุทธมณฑลสาย4 , สนามฟุตบอลบอยท่าพระจันทร์ อักษะ , สนามฟุตบอลอินเตอร์พรีเมียร์ ประชาชาชื่น , สนามฟุตบอลStar Kickอ่อนนุช , สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค , สนามฟุตบอลโรงเรียนสาธิตพัฒนา รามอินทรา และล่าสุดสนามฟุตบอลหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ ภูเก็ต