//////////////////////
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใย และทรงคำนึงถึงความอยู่ดี มีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ และพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีพะราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระบรมชนกนาถ และแนวพระราชดำริต่างๆในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน และพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ขึ้นเพื่อหลอมรวมพลังน้ำใจของคนไทยทั้งประเทศในอันที่จะร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆเพื่อพัฒนาพื้นที่ในชุมชนของตัวเองและประเทศชาติ ให้มีความเจริญและเกิดประโยชน์มากที่สุด
เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ขอขันอาสาพาผู้อ่านทุกท่านไปร่วมซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถ และสายพระเนตรอันยาวไกล ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ผ่านโครงการพระราชดำริ จิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทานขึ้น เพื่อหลอมรวมความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยทุกคนในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่เริ่มจากบ้านของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งทุกวันนี้มีสมาชิกจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” มากกว่า4 ล้านคนทั่วประเทศไทย และจากการที่มีจำนวนจิตอาสาที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการที่ขยายครอบคลุมที่ดี มีวิทยากรที่สามารถ่ายทอดความรู้ และมีผู้นำขบวนการที่มีขีดความสามารถ อันจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้โครงการ จิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ อันเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการจัดฝึกอบรมจิตอาสา 904 ขึ้น พร้อมพระราชทานชื่อรุ่นที่ 1/61 ว่า “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้นักเรียนจิตอาสาที่สำเร็จการฝึกอบรมออกไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนจิตอาสา ที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย เพื่อให้มีการดำเนินกิจกรรมในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆของสมาชิกจิตอาสาฯ ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน
พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้สมาชิกโครงการ จิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ มีประสิทธิภาพเป็นผู้นำที่สามารถพัฒนาสามารถตอบสนองต่อการแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ โดยกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ จัดการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์” และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้เป็นงบประมาณในการฝึกอบรม ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงอาคารโรงนอน อาคารอเนกประสงค์ โรงเลี้ยง โรงประกอบเลี้ยง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย อันส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
มิเพียงแต่พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการฝึกอบรมเท่านั้น หากแต่ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการฝึกอบรมทุกขั้นตอนทรงคัดสรรวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถในทุกศาสตร์ทุกแขนงตั้งแต่ระดับองคมนตรี ไปจนถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านศาสตร์พระราชามาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ ให้นักเรียนจิตอาสา 904 เป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นต้นแบบและเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนจิตอาสาที่มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ กล่าวคือ เป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง เปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี มีระเบียบวินัย มีความสามารถ ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจในแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอันเป็นการสนองพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้ามั่นคง
“จิตอาสา 904 ทุกคน จึงมีภาระหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่จะต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างอันดีให้แก่ผู้อื่น พร้อมทั้งนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมครั้งนี้ ไปถ่ายทอดให้แก่กำลังพลในหน่วยงานของตน ตลอดจนประชาชนจิตอาสา สมกับที่ได้พระราชทานชื่อรุ่นว่า เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์”
ในหลักสูตรการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์” นั้นมีผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด 384 นาย แบ่งเป็นเพศชาย 192 นาย เพศหญิง192 นาย ประกอบด้วย ข้าราชบริพาร กรม.ทม.รอ. ข้าราชบริพารนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ 904ข้าราชบริพาร หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็ก 904 และนักเรียนทหารและข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
ถึงแม้การเข้ารับฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” ต่างคนต่างมาจากหลายหน่วยงานหลากสังกัด แต่ทุกคนก็สมานสามัคคีรวมน้ำใจเป็นหนึ่งเดียวในการฝึกอบรม ด้วยเพราะมีความมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อยในการสนองต่อพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆขับเคลื่อนทำให้โครงการ จิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” อันเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี สมตามพระราชปณิธาน
นักเรียนนายร้อยตำรวจ บุญลัพธ์ สุกใส หนึ่งในผู้เข้ารับการฝึกอบรมจิตอาสา904 รุ่นที่ 1 เล่าด้วยน้ำเสียงสดใสตนรู้สึกโชคดีที่ได้รับคัดเลือกให้มาฝึกอบรมการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์” เพราะตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบียบวินัย การอยู่ร่วมกันของผู้ฝึกอบรมที่มาจากหลายเหล่าทัพ แต่เหนือสิ่งอื่นได้ซึมซับพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ของราชวงศ์จักรีที่ทรงมีความผูกพันต่อพสกนิกรชาวไทยมาช้านาน โดยเฉพาะความรู้เรื่องศาสตร์พระราชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ซึ่งตนจะได้นำความรู้เหล่านี้ออกไปบรรยายและปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างให้นักเรียนตำรวจ ทั้งรุ่นพี่และ รุ่นน้อง ได้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ให้แก่จิตอาสาฯ รุ่นต่อไป
ส่วน ธัญนาฏ เอนกแสน นักศึกษาพยาบาลตำรวจ ปีที่ 3 อายุ 21 ปี กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า การอบรมครั้งนี้ทำให้ตนเองได้ฝึกระเบียบวินัย เรียนรู้การทำงานกับเพื่อนร่วมทีม และการทำงานร่วมกับคนต่างวัย เมื่อสำเร็จการอบรมแล้วจะนำความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน เพราะยังมีประชาชนอีกจำนวนมาก ไม่ทราบวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วย เช่น การปั๊มหัวใจ ถ้าหากประชาชนมีหลักความรู้ที่ถูกต้อง จะสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยและส่งต่อยังโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้คิดว่าจะเริ่มในกลุ่มเยาวชนระดับมัธยมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่าทุกปีจะมีการผลิตบุคลากรด้านการแพทย์ แต่ยังขาดแคลนไม่พอเพียงกับจำนวนผู้ป่วย ซึ่งถ้าเราถ่ายทอดความรู้จุดนี้ให้แพร่หลาย จะสามารถช่วยเหลือคนป่วยได้อีกมาก
นับเป็นอีกหนึ่งส่วนหนึ่งแห่งน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้น ที่ทรงวางรากฐานให้ปวงพสกนิกรชาวไทยอยู่ร่วมกันด้วยความสมัครสมานและสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารอย่างยั่งยืนและเป็นสุข
////////////////////////////