ปีศาจในคราบครู! ข่มขืนเด็ก -อนาจารลูกศิษย์นับสิบ โทษจิ๊บๆ “ผิดนะ..แต่ไม่ร้ายแรง!?”

ช็อกวงการศึกษา! ครูพละสุดหื่น โดนแฉ! อนาจาร นร.หญิง พอเรื่องแดงจะโดนสอบวินัย นัดเด็กขอเคลียร์คดีแต่ดันข่มขืนซ้ำ พบเหยื่อ นร.ประถมยันมัธยมโดนลวนลาม กอด -จูบ- จับก้น- หน้าอก- เลียหู เพียบ เคยถูกตั้งกรรมการสอบอนาจารเด็ก อ้างจับก้นแค่หยอกล้อ เหมือนลูกเหมือนหลาน กทม.ต้นสังกัดอ้างหลักฐานอ่อน ผู้เสียหายออกมาให้การแค่ 3 คน ชี้ผิดแต่ไม่ร้ายแรง! ให้ลดเงินเดือน 2 ขั้น! สังคมเดือด ฉะ!ตรรกะเพี้ยน ต้องให้เด็กมาสักกี่คน ข่มขืนนี่หรือไม่ผิดร้ายแรง!ตั้งข้อสงสัยปกป้องครูต่ำช้าผู้นี้เพื่อ?

ฝากนักเรียนไว้กับเดนนรก!

สังคมรับไม่ได้! ครูพละโรงเรียนย่านคลองเตย ก่อเหตุข่มขืนเด็กนักเรียนวัย 16 ปี โดยภายหลังพบว่ามีลูกศิษย์อีก 32 คน ถูกครูพละคนนี้ล่วงละเมิดและลวนลามเป็นประจำ เป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว แถมไม่สะทกสะท้านเดินหน้าหื่นเต็มสูบ!

แม่ผู้เสียหายของเด็กนักเรียนหญิงสุดช้ำเล่าย้อนเหตุการณ์ของลูกสาวในวัย 12 ปีหนีครูพละหื่น ซึ่งเป็นช่วงกำลังศึกษาอยู่ชั้นป.6 เล่าว่า หลังเลิกเรียน ครูพละเรียกให้ไปช่วยทำความสะอาดห้องเรียน พอไปถึงก็ถูกผลักให้นอนลงกับพื้นแล้วก็ขึ้นคร่อม ถลกเสื้อนักเรียนถึงหน้าอก แต่ลูกสาวตนดิ้นสุดชีวิต เตะเข้าที่ขาที่เป้ากางเกงของครูพละคนนี้ แล้วก็หนีมาได้ จากนั้นมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตนเองเป็นเพียงพนักงานตำแหน่งเล็กๆในโรงเรียน

นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนๆนักเรียนหญิงอีกนับสิบคน ก็เคยถูกครูคนนี้อนาจารหลายอย่าง โอบกอด กอดจูบ หอมแก้ม ถูกเลียหู ตนเองจึงแจ้งไปยัง ผอ.โรงเรียน ซึ่งก็ให้ตั้งกรรมการสอบวินัย ผลออกมาพบว่าผิดวินัยร้ายแรง แต่โทษเพียงตัดสินให้ไม่พิจารณาขั้นเงินเดือน 2 วาระ แต่ยังให้สอนปกติ

เวลาผ่านไป น้องจบชั้นประถม 6 ไปเรียนต่อที่อื่น แต่ก็ยังต้องพักอาศัยอยู่ที่เดิม เพราะพ่อแม่ทำงานโรงเรียนแห่งนี้ ผ่านมา 3 ปีมีจดหมายทางราชการให้ลูกสาวไปให้การเพิ่มเติมที่สำนักงานเขตคลองเตย จากนั้นครูพละออกอุบายมาขอเจรจา โดยบอกลูกสาวตนว่า ได้นัดคุยกับลูกสาวและเพื่อนๆที่เคยถูกลวนลามทุกคน แต่ครูกลับมานัดตอนดึก

พอถึงเวลานัดหมาย ลูกสาวจึงไป ปรากฏว่าไม่เจอเพื่อนเลย มีแค่ลูกสาวตนคนเดียว เจอแต่ครูพละ และบอกว่า เดี๋ยวครูจะพาไปกินข้าวก่อน ปรากฏว่าพาไปที่ห้องลูกเสือ ชั้น 3 ของอาคาร นั่งคุยอยู่สักครู่ก็ผลักลูกสาวตนล้มลง จากนั้นก็ข่มขืนจนสำเร็จ และบอกว่าอย่าไปบอกใคร ให้เงินมา 100 บาท ไปซื้ออาหาร ลูกสาวตนเองจึงใช้จังหวะนี้หนีมาได้

"ก็นั่งคุยกันให้เด็กช่วย ไม่ต้องไปที่เขตนะ ไม่ต้องไปให้ปากคำ กลับคำให้การนะ เดี๋ยวครูจะอัดเทปส่งเขต น้องก็บอกว่าไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูต้องถามแม่หนูก่อน ซึ่งตอนที่น้องออกไปกับเขา น้องบอกกับแม่ว่า เขาบอกกับน้องว่า เขาบอกกับแม่แล้ว ตกลงกับแม่แล้ว แม่ให้ไปได้ พอเริ่มตกลงไม่ได้เขาเริ่มเสียงดังกับน้อง แล้วเขาก็เริ่มกระทำอนาจาร " แม่ของเด็กนักเรียนผู้เสียหายเล่าพร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาครูพละคนนี้มีพฤติกรรมชอบลวนลามทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิงเป็นประจำ

เคลียร์ข่าวลือที่ว่า ลูกสาวของเธอยอมมีเพศสัมพันธ์กับครูเพื่อแลกเงิน ผู้เป็นแม่ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่เป็นความจริง เพราะลูกสาวเป็นทอม มีแฟนเป็นผู้หญิง ไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายเลย

"เขารู้สึกรังเกียจตั้งแต่โดนกระทำครั้งแรก"

นอกจากนี้ ยังมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียน เหยื่อครูพละอีกหลายคน เล่าว่า เมื่อสามปีก่อนมีเด็ก ๆ ในชุมชนถูกครูรายนี้กระทำอนาจาร 7 คน ตอนนั้นทางกลุ่มผู้ปกครองไปร้องเรียนให้โรงเรียนลงโทษ แต่ก็มีกลุ่มของครูขู่ว่า หากไม่มีหลักฐานจะถูกฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งต่อมามีการย้ายครูรายนี้ออกไปไม่นานก่อนจะให้กลับมาสอนใหม่ ซึ่งหากลงโทษครูไปตั้งแต่ตอนนั้น คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ ยอมรับว่าชาวบ้านรับไม่ได้

ขณะที่ป้าของเด็กที่เคยถูกครูอนาจาร เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุหลานเรียนชั้น ป.6 ซึ่งพอไปสอบถามครูชี้แจงว่าการจับก้นหลานนั้นแค่หยอกล้อ เพราะเอ็นดูเหมือนลูกหลาน ไม่ได้มีท่าทางยอมรับผิด ยังยิ้มหัวเราะตามปกติ จนเวลาผ่านมาตนก็คิดว่าคงเลิกพฤติกรรมแบบนี้ไปแล้ว พอทราบข่าวว่ากระทำอนาจารเด็ก ๆ มากกว่า 30 คน ก็ตกใจมากและรับไม่ได้

งงหนัก! ข่มขืน อนาจาร ผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง?

เกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า 4 ปีก่อน ครูพละคนนี้ เคยถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนจริง โดยมีการลงความเห็นกันว่า “ผิด แต่ไม่ร้ายแรง” จึงสั่งลงโทษลดเงินเดือน 2 ขั้น

"ทางคณะกรรมการกรุงเทพมหานครที่ได้รับเรื่องและตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วเรียกผู้เสียหายมาทั้งหมด แต่มีมาเพียงแค่ 3 คน เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อยากให้ผู้เสียหายมาเพื่อจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ตัดสิน จบกระบวนการสอบสวน แต่ผู้เสียหายก็ไม่มา การสอบสวนจึงจบไม่ได้ เราต้องทำด้วยความรอบคอบ และต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม จึงใช้เวลานาน”

ทว่า พอกระแสสังคมรับไม่ได้ เร่งสั่งรื้อคดีครู ตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่ ย้ำหากพบผิดจริงต้องรับโทษ คาดแล้วเสร็จภายในเดือนนี้

รณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ผอ.ฝ่ายสืบสวนองค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ ผู้ช่วยเหลือด้านคดีของผู้เสียหาย ย้ำน้องโดนกระทำตั้งแต่ ป.6 โดยถูกอนาจาร กระทั่ง ม.3 ถูกข่มขืน ไม่ใช่แค่น้องคนเดียว ครูคนนี้ยังมีพฤติกรรมอนาจารเพื่อนๆอีก 20 กว่าคน แล้ว

แม้ครูคนนี้จะโดนสั่งย้ายถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็จริง แต่ก็เป็นเวลาถึง 3 ปีแล้ว และย้ายจากโรงเรียนไปประจำที่ฝ่ายกองการศึกษาสำนักงานเขตคลองเตย ซึ่งใกล้กันมากระหว่างโรงเรียนกับเขต ห่วงจะมีเด็กนักเรียนจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป

“ได้รับโทษแค่ลดเงินเดือน มิหนำซ้ำครูคนนี้ยังสามารถที่จะสอนและอยู่ในโรงเรียนต่อไป กระทั่งเวลาล่วงเลยมา 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ครูก็ล่วงละเมิดทางเพศเด็กมาตลอดเวลา ไม่หยุด จนถูกร้องเรียนอีกครั้ง แต่ทำโทษเพียงไปประจำที่ฝ่ายกองการศึกษาสำนักงานเขตคลองเตย ซึ่งใกล้กันมากระหว่างโรงเรียนกับเขต”

ผอ.ฝ่ายสืบสวนองค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ ตั้งข้อสังเกตว่า มีการปกป้องกันหรือไม่ ตั้งข้อสงสัย ทำไมเมื่อ 3 ปีก่อนที่น้องมาแจ้งกับครูว่าถูกล่วงละเมิด ทำไมครูถึงไม่เชื่อ ถ้าเชื่อตั้งแต่วันนั้น เหตุการณ์ที่น้องโดนข่มขืนจะไม่เกิดขึ้น และเด็กนักเรียนหญิงอีกหลายคนที่ถูกทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศก็คงไม่เกิดขึ้น

วงการพ่อพิมพ์สั่นคลอน

ขณะที่ครูหยุย ซัดแค่สั่งย้ายครูพละไม่ใช่การลงโทษ ชี้เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก ทำให้วงการวิชาชีพครูสั่นคลอน

วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวถึงพฤติกรรมครูพละที่ละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนว่า การกระทำต่อเด็กโดยคนใกล้ชิด เช่น พ่อข่มขืนลูก ครูข่มขืนลูกศิษย์ เป็นการกระทำที่ร้ายแรงรุนแรงอย่างมาก มีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงมศาลมักจะตัดสินโทษหนัก เป็นหลักปฏิบัติที่คนทั้งโลกยอมกันไม่ได้

อีกทั้งการสั่งย้ายไม่ถือว่าเป็นบทลงโทษ แต่เป็นเพียงมาตรการแรกของระบบราชการ โดยหากมีบุคคลถูกร้องเรียนโดยที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบว่ากระทำผิดจริงหรือไม่ จะมีมาตรการที่ต้องดำเนินการทันทีคือตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งจะถูกมองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ถูกกระทำ จึงให้มีการออกจากพื้นที่นั้น โดยมักไม่ใช่การย้ายไปอยู่สถานศึกษาอื่น แต่ให้ย้ายไปอยู่สำนักงานต่างๆ

ชี้เพิ่่มบทลงโทษ เพราะครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็กนักเรียนมาก แนะเพิ่มโทษผู้กระทำผิดทางเพศกับเด็กให้หนักขึ้น โดยขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 276 และมาตรา 277 เรื่องการล่วงละเมิดต่อเด็กและคนพิการ ให้หนักขึ้น 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราสงสัยหรือทราบว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองไม่ควรเพิกเฉย มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก แนะหลีกเลี่ยงการทำให้เด็กรู้สึกว่าเราไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้!

เมื่อเด็กแสดงท่าทีว่าต้องการบอกเล่าเรื่องราวที่เขารู้สึกว่าเป็นปัญหาหรืออยากขอความช่วยเหลือ อย่าผัดผ่อนเพราะจะทำให้เด็กรู้สึกว่าเราไม่สามารถเป็นที่พึ่งของเขาได้ ควรแสดงตนว่าพร้อมที่จะรับฟังเขา ช่วยเหลือเขาในทุกกรณี เพื่อให้เด็กเกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ แม้ว่าเรื่องราวที่เด็กเล่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงจนเหลือเชื่อ ก็ขอให้ตั้งสติรับฟังเรื่องราวอย่างสงบ หากเราแสดงอาการตกใจ โกรธหรือเสียใจ เด็กจะหยุดเล่า เพราะไม่มั่นใจว่า เราจะสามารถช่วยเหลือเขาได้หรือไม่ รวมทั้งอาจทำให้เด็กกลัว ว่าจะได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้นหรือไม่

กรณีที่เด็กไม่สามารถบอกเล่าได้อย่างต่อเนื่องเพราะปัญหาด้านจิตใจหรืออารมณ์ คอยปลอบโยน ให้กำลังใจเด็ก ให้เด็กสบายใจว่าหากเขาบอกเล่าออกมาหมด เขาจะได้รับความปลอดภัยและได้รับการช่วยเหลือทุกเรื่อง อย่าขัดหรือโต้แย้งเด็ก เพราะจะทำให้เด็กเข้าใจว่าเราไม่เชื่อ ไม่รับฟังเรื่องที่เกิดขึ้น ปล่อยให้เด็กพูดทั้งหมดที่เขาต้องการบอกเล่าก่อน แล้วจึงค่อยซักถามในรายละเอียดที่เรารู้สึกว่ายังไม่ชัดเจน

รีบแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ หรือแจ้งตำรวจทันทีหากทราบรายละเอียด จากนั้นรีบพาเด็กไปตรวจรักษา อาจร่วมกับหน่วยงานที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ หรือพาเด็กไปตรวจเองก่อนเพื่อความรวดเร็วเพื่อรวบรวมหลักฐาน

ห้าม! ชำระร่างกายเด็กก่อนตรวจรักษาเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ไม่พบร่องรอยที่จะเป็นหลักฐานในการเอาผิดผู้กระทำ หากถูกกระทำผ่านมาหลายวันแล้วก็ควรที่จะตรวจรักษาเพื่อป้องกันโรคติดต่อและตรวจสอบการตั้งครรภ์ด้วย