ภารกิจช่วยชีวิตนักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนร่วมสัปดาห์ดำเนินไปพร้อมความหวังเริ่มฉายชัดมากขึ้นเมื่อ “ครูบาบุญชุ่ม” เดินทางมาบริเวณถ้ำหลวง เพื่อทำพิธีแผ่เมตตาและเปิดตาภายในถ้ำที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าสุดเร้นลับ น่าประหลาดใจ! ทันทีที่ท่านเริ่มทำพิธี ฝนที่ตกกระหน่ำขาดเม็ดลงอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมประโยคเรียกกำลังใจ “อีก 1-2 วัน พวกเขาน่าจะได้ออกมา”
ตำนานลี้ลับ...เจ้าหญิงกับคนเลี้ยงม้า
ทำไมต้องเป็น “ครูบาบุญชุ่ม” !? เหตุจากความฝันของ นุฏนัช ประเสริฐทอง เชฟและเจ้าของร้านปูอลาสก้าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เธอได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Nattanuch Prasertong ระบุว่า เจ้านางดอยนางนอน ได้มาเข้าฝันตน บอกว่าอยากให้ พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร เดินทางมาโปรดและปลดปล่อยที่ถ้ำหลวง เพราะรอมากว่า 300 ปี แล้วถึงจะให้ปล่อยตัวเด็กๆ 13 ชีวิตออกมา ยืนยันว่าไม่รู้จักครูบาบุญชุ่มมาก่อน
นอกจากนี้ยังเล่าว่า เจ้านางดอยนางนอนเข้าฝันตนมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกคือวันก่อนเกิดเหตุที่โค้ชและเด็กๆ จะเข้าถ้ำ โดยฝันเห็นผู้หญิงผมยาวมากมายืนหน้าบ้าน ไม่พูดอะไร จากนั้นจึงได้ยินข่าวว่าเด็กๆ หายไปในถ้ำ ต่อมาเป็นวันพระก็ฝันถึงเป็นครั้งที่ 2
“เจ้านางบอกไม่เอาของเซ่นไหว้ พระรูปอื่นก็ไม่เอา พระนางมีกรรมติดกับพระครูบาบุญชุ่มเท่านั้น ฝันเป็นเรื่องยาวเลยตอนคืนวันเป็งปุ๊ด เมื่อตอนตี 3 ในฝันเจ้านางบอกชื่อ เจ้านางน้อยปิ่นคำ ผมยาวถึงเข่า ใส่กำไลเท้าข้างขวากลมๆ ข้างเดียว พระรูปมีเค้าความงาม หน้าตาท่านเหมือนทุกข์ระทมและโกรธกริ้ว ดวงตาท่านแดงเหมือนร้องไห้อย่างหนัก เท้าเจ้านางเปื้อนโคลนถึงน่อง เห็นในฝันท่านเศร้ามากๆ”
สอดคล้องกับลูกศิษย์ครูบาบุญชุ่มที่บอกว่า ได้ตั้งจิตภาวนาขอให้ได้มาที่นี่ และบอกว่าชาติที่แล้ว ครูบาเกิดเป็นคนเลี้ยงม้า
ตามตำนานเล่าขานอันเป็นที่มาชื่อของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หรือดอยนางนอน มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งของเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนา ประเทศพม่า พบรักกับคนเลี้ยงม้าซึ่งเป็นคนละฐานะกัน จึงพากันหนีมาอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นป่า คนเลี้ยงม้าบอกจะออกไปหาน้ำ แต่ทหารของเจ้าหญิงมาเจอจึงฆ่าคนเลี้ยงม้าตาย เมื่อเจ้าหญิงทราบจึงใช้ปิ่นปักผมแทงไปที่ขมับตัวเองจนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ และพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้ โดยส่วนของพระอุทร (ท้อง) ก็เป็นดอยตุง
เปิดประวัติ เกจิอาจารย์ผู้ศรัทธา 4 แผ่นดิน
“ครูบาบุญชุ่ม” เกจิชื่อดังที่มีผู้ศรัทธาทั้ง 4 แผ่นดิน ไทย พม่า ลาว จีน ให้ความเคารพศรัทธา โดยเฉพาะในวันคล้ายวันเกิดของท่านทุกๆ จะมีลูกศิษย์จากทั้ง 4 แผ่นดินเดินทางไปร่วมงานมากมาย
สำหรับพระครูบาบุญชุ่ม พระเกจิชื่อดังของรัฐฉาน หรือครูบาบุญชุ่มนั้น เกิดเมื่อวันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2508 ที่หมู่บ้านแม่คำหนองบัว ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีชื่อเดิมว่า บุญชุ่ม ทาแกง เป็นบุตรของพ่อคำหล้า แม่แสงหล้า ทาแกง ต่อมาเมื่ออายุได้ 11 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญยืน ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีพระครูหิรัญเขตคณารักษ์ วัดศรีบุญเรือง เจ้าคณะอำเภอเชียงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์
ตลอดช่วงเวลาที่เป็นสามเณร ท่านได้สร้างธรรมนุสรณ์ที่เกิดจากจิตศรัทธาของพุทธศาสนิกชนหลายแห่งทั้งพระธาตุดอยเวียงแก้ว พระธาตุงำ พระธาตุดอยดอกคำ พระธาตุจอมสวรรค์บ้านโปร่ง ประเทศพม่า พระธาตุจอมยอง ประเทศพม่า และอีกหลายๆ แห่ง
ทั้งนี้ เคยมาธุดงค์อยู่ที่ถ้ำผาไทย อ.งาว จ.ลำปาง โดยมีศรัทธาชาวบ้านแวะเวียนมากราบไหว้ท่านมาก มีชาวบ้านเคยเรียนท่านว่ามีอีกถ้ำหนึ่งมีน้ำไหลผ่าน ท่านจึงเสาะหาจนเจอถ้ำราชคฤห์และได้บำเพ็ญเพียร เปิดโอกาสให้สาธุชนเข้ากราบไหว้อยู่ที่ถ้ำราชคฤห์มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
ในปี 2529 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และได้จาริกไปตามที่ต่างๆ ทั้งภาคเหนือของไทย พม่า เนปาล อินเดีย ภูฏาน โดยเฉพาะตอนท่านเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ประเทศเนปาล ท่านได้พบพุทธศาสนิกชนในต่างแดนท่านก็ได้แผ่เมตตาและแนะนำให้ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ นั่นจึงทำให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนหลายแผ่นดิน รวมไปถึงสมาชิกพระราชวงศ์ภูฏาน
เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาท่านเดินทางไปที่เมืองสาด รัฐฉาน เพื่อปฏิบัติธรรมกรรมฐานที่ถ้ำเมืองแกส ห่างจากเมืองสาดไปประมาณ 5 กิโลเมตร ตลอดช่วงพรรษา โดยก่อนเข้าถ้ำก็มีพุทธศาสนิกชนเดินทางรอกราบไหว้เป็นจำนวนมาก โดยตลอดระยะเวลาที่ท่านปฏิบัติธรรมกรรมฐานนั้นท่านจะไม่พูด ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า)
กระทั่งวันที่ 26 ต.ค. 2560 พระครูบาบุญชุ่ม พร้อมลูกศิษย์อีก 20 รูป ได้เดินทางมาร่วมในพิธีกรรมทางศาสนาในการสวดพระพุทธมนต์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการถวายดอกไม้จันทน์ ภายในวิหารหลวง สำนักปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยเวียงแก้ว ซึ่งได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้มาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ ที่ได้เห็นพระครูบาชุ่ม ครองผ้าจีวรสีพระราชนิยม (สีเหลือง) สร้างความแปลกใจแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ท่านบวชเป็นพระมากกว่า 30 พรรษา ท่านจะครองผ้าเหลืองสีกรักมาตลอด
ทั้งนี้ เพราะพระครูบาบุญชุ่มถือว่าสีเหลืองเป็นสีประจำในหลวงรัชกาลที่ ๙ และตลอดเวลาพระครูบาชุ่มหลับตานั่งสมาธิไม่เปล่งวาจาใดๆ ทั้งสิ้น
แผ่เมตตา หยุดฝน ฟ้าเปิด
ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนนี้มีความกว้างใหญ่และลึกมาก โดยปกติถ้ำนี้จะไม่ค่อยมีคนเข้าไปข้างใน เพราะดูลึกลับและน่ากลัวมาก ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีถึงอาถรรพ์และความลี้ลับที่อยู่ภายในถ้ำ จึงไม่มีใครย่างกรายเข้ามา แม้จะเป็นในเวลากลางวัน
ถ้ำนี้มีตำนานเล่าขานถึงความลี้ลับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตำนานของเจ้าแม่ดอยนางนอน หรือตำนานเจ้าปู่พญานาค ผู้ดูแลรักษาถ้ำแห่งนี้
การมาของครูบาบุญชุ่ม จึงเรียกได้ว่าเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้ผู้ปกครองนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คนเป็นอย่างมาก โดยท่านได้ออกเดินทางด้วยเรือข้ามแม่น้ำโขงมาเพื่อส่งกระแสจิตให้กำลังใจ 13 ชีวิตที่ติดภายในถ้ำ อีกทั้งหนึ่งในเด็กทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายนั้นเป็นลูกชายของลูกศิษย์พระครูบาพ่อบุญชุ่มด้วย
ครูบาบุญชุ่มได้เดินทางเข้าทำพิธีเปิดทางที่ถ้ำหลวง โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยเดินเข้าไปภายในถ้ำหลวง เพื่อทำพิธีแผ่เมตตาและเปิดตาภายในถ้ำ พร้อมพ่อแม่ผู้ปกครองของทั้ง 13 ชีวิต ซึ่งในพิธีเจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญพระพุทธรูปโบราณขนาดใหญ่มาประกอบพิธีเปิดตา
ทันทีที่พระครูบาบุญชุ่มเริ่มทำพิธี ปรากฏว่าฝนที่ตกกระหน่ำมาก่อนหน้านี้ได้ขาดเม็ดลงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เรียกเสียงฮือฮาจากผู้เข้าร่วมพิธี
กระทั่งวันต่อมา พระครูบาบุญชุ่ม เดินทางมาประกอบพิธีแผ่เมตตาให้เจ้าป่าเจ้าเขาอีกครั้งบริเวณหน้าถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน การเดินทางมาครั้งนี้ของพระครูบาบุญชุ่ม สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่อย่างมาก เนื่องจากตรงกับช่วงที่ฟ้าเปิด แถมยังมีแดดจ้า ทั้งๆ ที่ 1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ฟ้าครึ้ม และมีฝนตกลงมา โดยหลังจากทำพิธีราว 1 ชั่วโมง ฝนก็เริ่มปรอยลงมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น เริ่มมีแดดออกขึ้นมาอีกครั้ง
“อีก 1-2 วันจะออกมา” คำกล่าวของครูบาบุญชุ่ม จึงกลายเป็นแสงแห่งความหวังปลุกกำลังใจให้ทุกคนรอการกลับมาของคนแปลกหน้าที่ทุกคนอยากเจอมากที่สุด